สูงสุดฟ้าคืนสู่สามัญ

 สูงสุดฟ้าคืนสู่สามัญ


                                                                                  
            สรรพสิ่งเมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว  ท้ายที่สุดย่อมกลับคืนสู่ความเป็นสามัญธรรมดา ไม่มีสิ่งใดอยู่ ณ จุดสูงสุดนั้นตลอดเวลา   สูงสุดหรือยิ่งใหญ่เพียงใด  ล้วนคืนกลับสู่ความเป็นธรรมดาทั้งสิ้น

 

            พระอาทิตย์ที่ว่าแสนจะยิ่งใหญ่ในระบบสุริยจักรวาล  ก็ยังต้องมีวันถึงกาลมอดดับและสลายไปในอีกหลายล้านปีข้างหน้า  ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปลอยเป็นเมฆหมอกกลางท้องฟ้า  ถึงเวลาก็ยังตกลงมากลายเป็นน้ำฝน แล้วเอ่อท้นไหลลงสู่เบื้องล่างอยู่ตามห้วยหนองคลองบึงตามเดิม
          

            ชีวิตของคนก็เหมือนกัน  แม้จะมีอำนาจบารมียิ่งใหญ่สักเพียงใด  สุดท้ายก็ต้องสูญสิ้นความยิ่งใหญ่กลับคืนสู่ความเป็นผู้ไร้บารมีตามเดิม เหมือนดังที่ยังไม่ได้เป็นใหญ่มาก่อน
           

            หนุ่มสาวรักใคร่แต่งงานกัน  มีความรักความผูกพันจนสร้างฐานะครอบครัวได้ยิ่งใหญ่ เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีมีอนาคต  แต่หลังจากพวกเขามีอนาคตมีครอบครัวของตัวเองไปแล้ว สุดท้ายหลายคู่ก็กลับต้องมาอยู่ตามลำพังสองคนเหมือนเดิม  เพียงแต่สองคนวันนี้ไม่เหมือนสองคนเมื่อสามสิบปีอีกแล้ว
           

           อเลกซานเดอร์มหาราชผู้ต้องการพิชิตทวีปเอเชียทั้งทวีป ก่อนจะยกทัพมาตีอินเดียได้พบกับไดโอจินุสผู้เป็นปราชญ์เข้าถึงความจริง แต่ไม่มีสมบัติใดๆเป็นของส่วนตัว ซึ่งต่างกันกับอเลกซานเดอร์ราวฟ้ากับดิน  อเลกซานเดอร์เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดในการจะต้องพิชิตอินเดียให้ได้ ไดโอจินุสได้ถามว่าหลังจากพิชิตอินเดียและโลกทั้งโลกแล้ว แล้วหลังจากนั้นพระองค์จะทำอะไร?!
            

           อเลกซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับทรงนิ่งอึ้งไปและตอบคำถามไดโอจินุสไม่ได้ แต่ในที่สุดก็ทรงเลือกรักษาเกียรติรักษาศักดิ์ศรีตามวิสัยของคนที่เป็นใหญ่ที่ยากจะยอมรับสิ่งใดง่ายๆ หากสิ่งนั้นไม่ได้ส่งเสริมอำนาจของตน แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ได้ข้อคิดอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ไม่เคยคิดมาก่อน ทรงอยากเลิกล้มความคิดในการที่จะยกทัพไปตีอินเดีย แต่ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว จึงได้ทรงตรัสกับไดโอจินุสผู้ไร้สมบัติภายนอกใดๆว่า "เราขอพิชิตอินเดียเสียก่อนแล้วจะกลับมา เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดเมื่อสักครู่นี้  มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน"
           

           ไดโอจินุสได้พูดว่า "..แต่พระองค์จะไม่มีโอกาสได้กลับมา  หากจะศึกษาเรื่องของชีวิตต้องเริ่มศึกษาเสียแต่วันนี้"
            

           ในที่สุดด้วยมานะแห่งกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ  พระองค์ก็นำพากองทัพไปตีอินเดยจนสำเร็จ อันทำให้เกิดความทุกข์ยากแสนสาหัสแก่อินเดียในคราวนั้น พร้อมทั้งความทุกข์ยากของทหารที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำศึกสงครามของพระองค์เอง พระองค์ทรงภาคภูมิใจในชัยชนะ ในท่ามกลางน้ำตาและเลือดของทหารและชาวบ้านที่ไร้ทางเลือกของตนเอง
             

           ขณะเมื่อทรงเสด็จกลับถึงกลางทาง ก็ทรงประชวรกะทันหัน เมื่อความตายใกล้เข้ามาทุกขณะ พระองค์ทรงระลึกถึงไดโอจินุสและทรงเกิดความเคารพบูชาอย่างจับใจ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน  พระองค์ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ผู้จงรักภักดี ให้ทำบางสิ่งขณะนำพระศพใส่ในโลงหามกลับสู่กรุงเอเธนส์ โดยให้พากันเจาะรูข้างโลงแล้วยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ที่กำลังแบออกมาไว้ข้างนอกเพื่อเป็นการบูชาคุณความดีไดโอจินุส  พร้อมทั้งเป็นการประกาศว่า "ชัยชนะทั้งปวงตลอดพระชนม์ชีพ สุดท้ายแล้วพระองค์เอาอะไรไปไม่ได้เลย  พระองค์มีแต่มือเปล่าในการลาจากโลกนี้อย่างที่เห็น.."
            

           ในการเกิดมาสู่โลกใบนี้  น้อยคนนักที่จะมีใครถามตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" และที่พยายามต่อสู้แก่งแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายแย่งชิงกันอยู่นี้ เมื่อได้สมใจแล้วหลังจากนั้นจะทำอะไร ด้วยเหตุนี้ผู้คนทั้งหลายจึงพากันว้าเหว่และมีชีวิตที่ซึมเศร้า เนื่องจากตอบคำถามไม่ได้เหมือนพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชทรงตอบไม่ได้มาแล้ว  เพราะชีวิตของคนเรานั้น แม้จะชนะหรือได้อะไรมามากมาย  สุดท้ายก็บ่ายหน้าสู่ความตายกันทุกคนไม่มีเหลือใคร
          

           สรรพสิ่งเมื่อเจริญเติบโตถึงจุดสูงสุด ก็ต้องลาลับดับสูญไม่เหลืออะไรเหมือนกันหมด ข้าราชการที่เคยมีอำนาจเพียงใด ก็ยังต้องว้าเหว่ในยามเกษียณ ประธานบริษัทที่ยิ่งใหญ่ สุดท้ายในบั้นปลายก็อยู่กับคนรับใช้และสุนัขแสนรู้เท่านั้น  ไม่มีใครยิ่งใหญ่และมีบริวารห้อมล้อมไปตลอด ชีวิตจริงส่วนตัวล้วนเป็นกันเช่นนั้น  แต่ที่เราหลงใหลกัน ล้วนเพียงเป็นหน้าตาอันจอมปลอมในการออกสู่สังคม
           

           แม้แต่ชีวิตของพระอรหันต์  บางท่านที่บรรลุธรรมอันสูงสุด  ท่านก็ยังต้องกลับคืนสู่สังคมมนุษย์และอยู่ท่ามกลางพวกเขาตามเดิม เพียงแต่ดวงจิตเท่านั้นที่ไม่เหมือนพวกเขา เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแสดงธรรมเป็นแสงสว่างให้แก่พวกเขา  เพราะหากอยู่ในถ้ำในป่าในเขาก็ไม่มีโอกาสเกื้อกูลใครๆได้
           

           "สูงสุดฟ้าคืนสู่สามัญ" แท้จริงแล้วคือความหมายในประการสุดท้ายนี้  แต่เราก็นำไปเป็นข้อคิดในการพิจาณาชีวิตให้เห็นความจริงได้ เพราะไม่ว่าสิ่งใดบรรดาที่มีอยู่ในโลก ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปเป็นธรรมดา  จึงขึ้นอยู่กับทุกคนว่า เราจะพากันปฏิบัติตัวกับชีวิตของเรานี้ให้มีคุณค่าอย่างไร
            

           ในยามประสบความยุ่งยากมีปัญหาและถึงคราวคับขันหรือยามมีภัย เราจงมีสติไว้กับกายและใจอยู่เสมอ และไม่ว่าเรื่องราวทั้งหลายในโลกจะดูยิ่งใหญ่และสำคัญเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์และทุกชีวิต ย่อมไม่พ้นสัจธรรมความจริงในข้อที่ว่า..."สูงสุดฟ้า..ย่อมคืนกลับสู่สามัญเสมอ"

                                                                            

                                                                                                             คุรุอตีศะ

                                                                                                   ๒๗  พฤศจิกายน  ๒๕๕๖