ความรักเมตตาคือยาวิเศษ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ความรักเมตตาคือยาวิเศษ
ยามเจ็บป่วยขึ้นมา เรามักพูดเสียงเดียวกันว่า “ต้องไปหาหมอ” เราให้หมอเป็นตัวแทนทุกสิ่งในการวินิจฉัยและตัดสินโรคภัยไข้เจ็บและชีวิตของเรา
หมอใช้เวลาโดยเฉลี่ยเพียง ๗ นาทีในการวินิจฉัยโรคแล้วก็สั่งยาและตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการรักษาอย่างไร แล้วหลังจากนั้นเราก็เหมือนคนที่ตกเป็นทาสตามแต่หมอจะสั่งได้ตามใจ แล้วเราก็ต้องวิ่งไขว่คว้าทุกสิ่งและทำได้ทุกอย่างเพื่อทำตามคำสั่งของหมอ ใครๆที่เจ็บป่วยล้วนต้องมีสภาพเดียวกันเช่นนี้ทั้งนั้น
มีผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญคนหนึ่งของโลก เคยกล่าวไว้ว่า “ในยามเจ็บป่วยขึ้นมา สิ่งที่ควรทำที่สุดคือไปหาหรือโทรหาคนที่เรารักและรักเรา เพราะนั่นคือยาวิเศษที่สุดในการเยียวยารักษาโรค”
พลังแห่งความรักความเมตตาคือพลังแห่งการเยียวยาที่สำคัญที่สุด การไปพบแพทย์ก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่สิ่งสำคัญและจำเป็นกว่านั้นในการรักษา คือความรักความเมตตาจากคนที่เรารักและรักเรา
โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือการอยู่ใกล้กับคนที่เรารักและรักเรา หมอที่ดีที่สุดคือคนที่เรารักและรักเรา เพียงมีสองสิ่งนี้การเยียวยารักษาจะเปี่ยมด้วยพลังและเป็นไปเองอย่างธรรมชาติ
หมอที่วินิจฉัยโรคและรักษาโรคได้เก่งๆนั้น สิ่งที่เป็นพรสวรรค์ที่เหนือกว่าหมอคนอื่น แท้จริงแล้วก็คือพลังความรักความเมตตาพลังแห่งความกรุณาที่มีอยู่ในตัวหมอนั้นเอง ได้แผ่พลังบวกหรือพลังที่ดีงามมาสู่คนไข้ ทำให้การวินิจฉัยโรคได้ถูกตรง และใช้วิธีการรักษาได้ถูกต้องจนหายจากการเจ็บป่วยได้ในที่สุด
พระที่ท่านสงเคราะห์ญาติโยมที่เจ็บป่วยด้วยความเมตตา หรือผู้วิเศษที่รักษาโรคให้หายได้ โดยที่บางท่านหรือบางวิธี แพทย์สมัยปัจจุบันก็พิสูจน์หรือยอมรับไม่ได้นั้น แท้ที่จริงก็คือพลังจิตที่บริสุทธิ์ของท่าน ที่แผ่กระแสแห่งความเมตตาไปยังคนป่วยได้กลายเป็นรังสีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้นต่างหาก คือยาที่ท่านใช้รักษาอย่างแท้จริง สมุนไพรหรือยาอย่างอื่นอาจเป็นเพียงสิ่งประกอบเพื่อให้คนป่วยได้รู้สึกว่าได้ทานยาเท่านั้น
ผู้วิเศษที่มีความสามารถพิเศษเหล่านี้ ต้องเคยบำเพ็ญศีล บำเพ็ญตบะ บำเพ็ญภาวนา และมีอัธยาศัยซื่อตรงต่อคุณธรรมและความดีงามมาก่อน จึงเกิดอานุภาพเช่นนั้นได้ หากวันใดไม่มีศีล ตบะเสื่อม หรือมีเจตนาไม่บริสุทธิ์เกิดขึ้น ความวิเศษที่เคยมีเหล่านั้นก็เสื่อมไป นั่นก็คือ ความรักความเมตตาที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงแต่เดิมมาได้เสื่อมไป การรักษาก็ไม่เป็นผลและไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนก่อน ผู้คนก็จะกล่าวหาว่าลวงโลก แท้ที่จริงแล้วก็คือพลังความรักเมตตาที่บริสุทธิ์ต่อคนไข้ที่อยากรักษาให้หายที่เคยมีอยู่นั้นของท่านหายไป จึงทำให้เหมือนกับเป็นคนลวงโลกในเวลาที่หมดความศักดิ์สิทธิ์ในภายหลัง
แม้หมอที่เป็นแพทย์แผนปัจจุบันก็เช่นกัน หากขาดพลังเมตตาตัวนี้ ก็จะเป็นหมอที่มักวินิจฉัยโรคผิดพลาดและเป็นหมอที่เก่งไม่ได้ การเลือกอาชีพเป็นหมอด้วยเห็นแก่ว่าจะมีรายได้ที่ดีและมีเกียรติเท่านั้น จะทำให้บุคคลนั้นรักษาคนไข้แบบซังกะตายและจะเป็นหมอที่รักษาคนไม่ค่อยหาย แต่ถ้าไปเป็นนักธุรกิจเขาจะมีความสุขและร่ำรวยกว่าหลายเท่า เพราะการทำธุรกิจมุ่งที่รายได้ แต่การเป็นหมอคือการเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา ที่ต้องอาศัยความรัก ความเมตตา และความกรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย หมอที่รักษาโรคที่เก่งๆจึงเปรียบประดุจเทพเจ้าในร่างมนุษย์
ในยามเจ็บป่วยหากเลือกได้ จงไปหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือไปอยู่ใกล้ๆคนที่เรารักและรักเรา บางคนอาจได้สามีหรือภรรยาเป็นเทพเจ้าที่ช่วยเยียวยารักษาให้หายจากโรคภัย เพราะอานุภาพแห่งความรักนั้นยิ่งใหญ่ที่สามารถเยียวยาและรักษาโรคได้ทุกประเภท
บางคนอาจเป็นโสดหรือไม่มีคู่เช่นนั้น บางคนอาจนอนป่วยอยู่บนคอนโด อพาร์ทเมนท์ หรือบ้านเช่าคนเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็อาจมีเทพเจ้าคือพ่อแม่หรือคนที่เรารักและเมตตาจริงใจต่อเราเป็นยารักษาโรค บางคนอาจใช้เวลาที่กำลังเจ็บป่วยนั้นสวดมนต์ภาวนาให้ยิ่งขึ้น โดยอาจนอนสวดอย่างสงบคนเดียวก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องน้อยใจว่าเราไม่มีคนรู้ใจต้องนอนป่วยตามลำพัง เพราะนั่นคือลาภอันวิเศษที่เราจะได้อยู่อย่างสงบ
หากการอยู่ลำพังนั้นเราสมาทานศีลด้วยตนเองเงียบๆ แล้วสวดมนต์หรือภาวนาอะไรก็ได้ ใจของเราจะเกิดบุญและพบกับความสงบที่เราอาจไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อนก็ได้ พระอริยเจ้าทั้งหลายก็อาศัยการเจ็บป่วยนี้คือเวลานาทีทองของชีวิต ที่ทำให้จิตตั้งมั่นไม่วอกแวกมีสมาธิกับการภาวนา แล้วท่านก็เข้าใจในชีวิตและบรรลุธรรมมาหลายองค์และหลายคนแล้ว
ผู้ที่อยู่ตามลำพังคนเดียวบนคอนโดหรือที่อื่น หากรู้จักรักษาศีล รู้จักสวดมนต์ รู้จักภาวนา ให้รู้เถิดว่าในขณะนั้นเราไม่ได้อยู่คนเดียว แต่จะมีเทวดามาอารักขาและคุ้มครองเสมอทั้งยามหลับและยามตื่น
ในยามเจ็บป่วยขอให้เราสละสิ่งไม่จำเป็นในชีวิตออกให้ได้มากที่สุด ทำชีวิตของเราให้ว่างและอิสระที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วมีชีวิตอยู่ใกล้ๆคนที่เรารักและรักเรา หวังดีต่อเราอย่างจริงใจ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายแม้จะน้อยหรือมากเพียงใด สุดท้ายก็ย่อมพ่ายแพ้พลังแห่งความรักความเมตตาอย่างสิ้นเชิง
พลังแห่งความรักเมตตาคือพลังยิ่งใหญ่ในโลก เป็นยารักษาโรคที่วิเศษที่สามารถรักษาได้ทั้งโรคภายในใจและโรคภายนอกทางร่างกายได้เสมอ นับแต่โบราณมาจวบจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน
ในเวลาที่ภรรยาเจ็บป่วย เป็นโอกาสที่ผู้เป็นสามีจะแผ่พลังแห่งความรักความเมตตาในการที่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกันมาเนิ่นนาน มอบความรักความเอาใจใส่ให้เธออย่างเต็มที่ พร้อมกับการสำนึกถึงความดีและความเหนื่อยยากของเธอว่า เราได้อาศัยร่างกายของเธอนี้เป็นแหล่งหาความสุขความรื่นรมย์มาตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน จากรูปร่างที่งดงามสมบูรณ์พร้อม จนบัดนี้ร่างกายนี้ได้เจ็บป่วยทรุดโทรมโรยรา นี้คือโอกาสที่เราจะมอบความรักความเมตตาอันแท้จริงให้แก่หญิงที่เรารักและยืนเคียงข้างสร้างชีวิตสร้างฐานะมาด้วยกัน
ในเวลาที่สามีเจ็บป่วย เป็นโอกาสที่ผู้เป็นภรรยาจะได้พิสูจน์ความรักความภักดีให้ปรากฏ โดยน้อมใจสำนึกว่า เพราะเราได้อาศัยชายผู้นี้ เราจึงมีคู่ครองที่ดีเป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่คนทั้งหลายได้ ชายผู้นี้ได้มอบทั้งความรักและความสุขให้แก่เรา ความสุขใดที่หญิงพึงได้รับจากชาย เราก็ได้รู้จักและได้รับความสุขนั้นจากบุรุษที่คอยปกป้องคุ้มครองเราผู้นี้ และเราได้อาศัยชายผู้นี้เป็นผู้นำ จึงมีความบากบั่นพากันสร้างฐานะและความมีเกียรติมีศักดิ์ศรีขึ้นมาได้ หากไม่มีบุรุษที่กำลังนอนป่วยคนนี้ไซร้ ไฉนเลยเราจะมีชีวิตที่สง่างามเช่นวันนี้
ในโอกาสนี้เราจะขอพิสูจน์ใจว่าเรามีความรักมอบให้เขาทั้งกายใจอย่างแท้จริง หากชีวิตและอนาคตในภายหน้าต่อจากนี้จะสุขหรือทุกข์สักปานใด จะตกต่ำหรือรุ่งเรืองแค่ไหน แต่พลังแห่งความรักอันสูงส่งของเราจะไม่มีวันสิ้นสลายต่อความภักดีจนวันตาย นี้คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่หัวใจของเราจะสูงส่งและเต็มเปี่ยมด้วยความรักโดยแท้ สตรีใดมีใจอย่างนี้ ชาตินี้หรือชาติหน้า ชีวิตของเธอย่อมเหมือนอยู่บนสวรรค์เสมอ
ขอให้เราทั้งหลายอย่าลืมทิพยโอสถอันยิ่งใหญ่ คือพลังแห่งความรักอันบริสุทธิ์นี้ไว้เสมอ ความเจ็บป่วยไม่ว่ากายหรือใจ ย่อมสูญสลายหายไปได้เสมอแก่ดวงใจทุกดวง นี้คือยาวิเศษของมนุษยชาติ
คุรุอตีศะ
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖