กำลังใจที่เคียงข้าง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
กำลังใจที่เคียงข้าง
คนที่เจริญรุ่งเรืองหรือประสบความสำเร็จในชีวิต นอกจากความรู้ ความสามารถ ความบากบั่นพากเพียร และความประพฤติตนอยู่ในทำนองคลองธรรมแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญและเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ผลักดันเกื้อหนุนให้บุคคลนั้นประสบความสำเร็จในชีวิต สิ่งนั้นก็คือกำลังใจของคนที่ยืนอยู่เคียงข้างโดยไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคอันใด
ความรู้สึกว่า แม้อะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต เราก็มีใครบางคนที่ยืนเคียงข้างเราอยู่เสมอ นี้คือพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้บุคคลที่ชีวิตดั้งเดิมอาจต่ำต้อยมาสักเพียงใด ก็จะสามารถกลายเป็นบุคคลสำคัญและมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สมัยอายุประมาณ ๑๔ – ๑๕ ปี เคยอ่านนิตยสารและหนังสือที่สัมภาษณ์บุคคลสำคัญในวงสังคมในยุคนั้น ว่าท่านเหล่านั้นสามารถสร้างชีวิตและมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จมาได้อย่างไร มีเรื่องราวของบุคคลหนึ่งที่อ่านแล้วประทับใจลงสู่ห้วงสำนึก ที่ไม่เคยลืมอีกเลยคือ การสัมภาษณ์ชีวิตรักและครอบครัวผู้บัญชาการทหารบกท่านหนึ่ง ที่กำลังมีบทบาทและมีอำนาจกุมชะตาของบ้านเมืองในเวลานั้น
ท่านผู้บัญชาการทหารบกผู้กำลังมีอำนาจล้นฟ้าในขณะนั้น ท่านให้สัมภาษณ์แก่นิตยสารฉบับนั้นว่า “ผมได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก เพราะภรรยาของผม” ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ที่ยกย่องให้เกียรติภรรยาของทหารในลักษณะนี้ ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยกันนักในสังคมไทยในตอนนั้น เพราะบทบาทของสตรีในยุคสามสิบปีที่ผ่านมายังไม่ได้รับการยอมรับของสังคมเหมือนในปัจจุบัน ดังนั้น คำพูดของท่านจึงทำให้ผู้สัมภาษณ์ถึงกับอึ้ง และทำให้จำเรื่องราวที่ได้อ่านนั้นจนนำมาเล่าได้ถึงบัดนี้
ผู้บัญชาการทหารบกได้เล่าว่า ในสมัยท่านจบนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ประดับดาวบนบ่า และได้รับพระราชทานกระบี่เรียบร้อยแล้ว ท่านเป็นนายทหารที่ยากจน ต่อมาเมื่อจะขอสาวแต่งงาน ผู้หมวดหนุ่มได้พูดกับสาวว่า “แต่งงานกับพี่นะ พี่มีกระบี่แค่เล่มเดียว แต่จะสร้างอนาคตให้น้องไม่อายใครได้” ส่วนหญิงสาวก็ตกลงปลงใจ เพราะตัวเองก็ไม่ได้สวยสักเท่าไหร่ และก็ไม่เคยมีชายใดมารักจริงถึงขั้นขอแต่งงานมาก่อน เมื่อมีชายชาติทหารผู้กล้าหาญมาบอกเธอว่า “แม้จะยากจนมีเพียงกระบี่เพียงเล่มเดียวกับเงินเดือนเท่านั้น แต่จะเป็นผู้นำ พาเธอสร้างชีวิต สร้างอนาคตได้” เธอก็ยินดีเป็นกำลังใจให้ชายหนุ่มผู้รักจริง
ชีวิตของคนทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนาม ทั้งความยากจน และการพลัดพรากจากการเสี่ยงอันตรายในการรบ เวลาออกรบหรือไปสงครามในต่างประเทศ ก็ได้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนี้คอยดูแลมารดาผู้เข้าสู่วัยชราให้ แล้วก็สวดมนต์รอคอยวันสามีกลับจากสนามรบ ชีวิตก็ก้าวหน้าขึ้นตามลำดับจนเป็นพันโทในหน่วยกำลังรบที่เกรียงไกร แต่ชีวิตรับราชการก้าวขึ้นมาถึงจุดนั้น ก็เริ่มตีบตัน เป็นพันโทถึง ๘ ปีก็ไม่ได้ก้าวหน้า ไม่ได้เลื่อนยศ ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนก็เป็นพันเอกพิเศษหรือเป็นนายพลไปแล้ว
ผู้พันที่ชีวิตกำลังตกอับในขณะนั้น ได้ปรึกษาขอความเห็นจากภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากว่า “เพื่อนๆต่างพากันก้าวหน้าข้ามหน้าไปหมดแล้ว รุ่นน้องบางคนก็ยังข้ามหัวติดยศพันเอกไปก่อนแล้ว อนาคตและความก้าวหน้าในชีวิตทหารของพี่คงมีเท่านี้ ยังไงเสียจะขอลาออกหรือขอโอนย้ายไปเป็นตำรวจตระเวนชายแดนติดยศพันเอกดีกว่า น้องจะว่าอย่างไร?”
ฝ่ายศรีภรรยาก็ไม่ยอม ไม่เห็นดีด้วย บอกว่าอยากให้พี่อดทนไปอีกหน่อย บางทีอะไรต่อมิอะไร อาจจะดีขึ้น ผู้พันก็เลยยอมตามใจภรรยายังไม่ลาออกและเลิกล้มความคิดที่จะโอนย้าย ก็อยู่ไปอีกพักหนึ่งก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นตามที่ศรีภรรยาว่า มีแต่จะดักดานหนักยิ่งขึ้น ก็เลยตัดสินใจพูดเรื่องการลาออกกับภรรยาอีกครั้ง คราวนี้คิดว่าจะเอาจริงคือจะลาออกจริงๆ แต่เมื่อไปพูดเรื่องนี้กับภรรยา ภรรยาก็เอาจริงกับผู้พันเช่นกัน โดยเธอให้เหตุผลว่า “น้องเป็นเมียทหารมาแต่ต้น ถ้าชีวิตจะดักดานไม่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ น้องก็จะขออยู่เป็นเมียทหารไปอย่างนี้จนวันตาย ไม่ขอเป็นเมียอาชีพอื่นนอกจากเมียทหาร”
ผู้พันวีรบุรุษจากสนามรบ ผู้กล้าหาญชาญชัยได้รับเหรียญตราและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียติมามากมาย เมื่อมาเจอความเด็ดขาดหนักแน่นเอาจริงยิ่งกว่า อันไม่หวั่นไหวต่อความต้อยต่ำหรือความก้าวหน้าของศรีภรรยาเข้าเช่นนี้ ก็ต้องยอมจำนนไม่อาจหาเหตุผลใดๆมาอ้างกับเธอได้อีก และก็ไม่เอ่ยเรื่องการลาออกอีกเลยนับแต่วันนั้น
ต่อมาไม่นาน ได้เกิดเหตุการณ์พลิกผันในบ้านเมือง หน่วยทหารหน่วยนั้นได้มีบทบาทสำคัญขึ้นมา ต่อมาผู้พันซึ่งชีวิตรับราชการได้ดักดานมานาน ได้กลายเป็นนายพลคนสำคัญของบ้านเมือง และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ที่กุมอำนาจและชะตาบ้านเมืองในห้วงเวลานั้นอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของท่าน ที่คอยให้กำลังใจสามีอยู่เบื้องหลังและไม่ค่อยได้ปรากฏกายในวงสังคมเท่าใดนักเป็นปกติ คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักมาก่อน ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯให้เป็น “ท่านผู้หญิง” เพื่อเป็นเกียรติยศให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าสตรีผู้นี้คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้บัญชาการทหารบกผู้เป็นสามี
ดังนั้น เมื่อมีผู้ไปสัมภาษณ์ชีวิตรักส่วนตัวของท่าน ท่านจึงพูดเสียงดังฟังชัดตามแบบทหารอย่างภาคภูมิใจว่า “ ผมได้เป็นผู้บัญชาการทหารบกได้ เพราะภรรยาของผม”
เพราะเหตุว่า หากภรรยาของท่านไม่เป็นสตรีที่น้ำใจมั่นคงหนักแน่นและกล้าหาญ ในการที่จะยับยั้งสามีไม่ให้สามีลาออกจากชีวิตการเป็นทหารในวันนั้น ถ้าเอาตามความคิดความเห็นของท่านและสิ่งแวดล้อมที่บีบบังคับในขณะนั้น ท่านก็ต้องลาออกไปประกอบอาชีพอื่นแล้ว และก็คงไม่ได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งที่สำคัญของบ้านเมืองคือตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกเป็นแน่ ท่านจึงพูดว่า ท่านได้เป็นผู้บัญชาการทหารบกได้ เพราะภรรยา ซึ่งเป็นคำพูดที่กินใจและประทับใจ แม้จะเคยอ่านเรื่องนั้นผ่านมาสามสิบปีแล้ว ก็ไม่เคยลืมเลย
ในช่วงเวลาแห่งความคับขันหรือช่วงเวลาอันสำคัญในชีวิต บุคคลที่ใกล้ชิดจะมีส่วนสำคัญต่อการกำหนดโชคชะตาของเรา ผู้ที่ล้มเหลวในชีวิตบางคน ที่ต้องผิดพลาดล้มเหลวก็เพราะขาดคนที่รักและจริงใจอย่างแท้จริงในขณะนั้น ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดหรือขาดกำลังใจอย่างสำคัญ ในช่วงที่ชีวิตของคนเราประสบความคับขัน หากมีคนที่รักเราและให้กำลังใจคอยยืนเคียงข้างแม้เพียงคนเดียว จะเกิดพลังอันยิ่งใหญ่สามารถพลิกชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีได้เสมอ
บุคคลใดที่มีโชคดีอยู่แล้ว คือ มีคนคอยให้กำลังใจและยืนเคียงข้าง จงซาบซึ้งแล้วน้อมรับเอาพรของชีวิตข้อนี้ประทับไว้ในดวงใจ อย่าได้ถือเอาเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ฐานะความเป็นอยู่ ความก้าวหน้า หรืออำนาจเกียรติยศใดๆ ให้ยิ่งใหญ่หรือให้ความสำคัญยิ่งไปกว่าคนที่คอยยืนเคียงข้างและให้กำลังใจเช่นนี้อีกเลย
หากบุคคลใดมีคนที่เข้าใจ คอยเป็นกำลังใจยามล้มเหลวท้อแท้ และคอยชื่นชมในสิ่งที่เราทำสำเร็จ คอยร่วมสุขทุกข์และยืนเคียงข้างเสมอแม้เพียงคนเดียว ชีวิตของเขาหรือเธอผู้นั้น ก็เท่ากับยึดเอา “ความสำเร็จทั้งชีวิต”ไว้ได้ในกำมือแล้ว
สิ่งอื่นจะมีหรือไม่มีก็ได้ หรือแม้ไม่มีในวันนี้ ก็จะสร้างขึ้นมาได้ด้วยพลังแห่งความรักที่เป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งสอง แล้วโลกนี้จะยังต้องการอะไรอีก นี้คือความเต็มเปี่ยมของชีวิตแล้ว อันทรัพย์สินเงินทองหรือสิ่งใดๆไม่มีอะไรเทียมเท่ากับสิ่งนี้ได้เลย
คุรุอตีศะ
๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖