รักษาคุ้มครองใจ
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
รักษาคุ้มครองใจ
ประเทศชาติบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน เราทั้งหลายจงมีสติกับการเผชิญต่อเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ เพราะนี้คือสถานการณ์ของปลายรัชกาลที่จะต้องเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคแผ่นดินใหม่ เราทั้งหลายในยุคนี้ไม่มีใครได้เคยประสบกับเหตุการณ์และบรรยากาศทำนองนี้ เว้นแต่คนที่มีอายุ ๘๐ ปีขึ้นไป ที่ท่านได้เคยเห็นการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๗ รัชกาลที่ ๘ จนเข้าสู่ยุครัชกาลที่ ๙ ที่เราเกิดมาในยุคของพระองค์ท่านในปัจจุบัน
เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่่อย่างไรเสียก็จะต้องเกิดขึ้น บางคนหรือหลายคนอาจเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งและการต่อสู้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ การรู้จัก"รักษาคุ้มครองใจ"ของตน อย่าให้เร่าร้อน คลั่งไคล้จนหัวใจเต็มไปด้วยความร้อนรนและกระวนกระวาย จะรักใครก็รักได้ จะเกลียดใครก็เกลียดได้ เพราะเป็นเสรีภาพของใจแต่ละดวงที่ไม่มีทางที่ทุกคนจะเหมือนกันได้ เพียงแต่ว่าจะเกลียดใครชังใครสักปานใด ก็อย่าลืมเผื่อหัวใจในการเคารพต่อความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
พระพุทธองค์ทรงเคยตรัสว่า "มนุษย์คนเรานั้น ที่แก่งแย่งขัดแย้งกัน ก่อการวิวาท และต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันนั้น มาจากการขัดผลประโยชน์หรือแย่งชิงผลประโยชน์จากกันและกัน" การขัดแย้งทั้งมวลในทุกมุมโลก หากพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้ว ก็มาจากสาเหตุนี้เป็นหลักใหญ่ คือแต่ละฝ่ายก็ต่างจะช่วงชิงความได้เปรียบจากอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ดังใจ จนกว่าความทุกข์ ความวิบัติ ความล่มจม และความเสียใจจะสั่งสอน จนกระทั่งต้องไม่เหลืออะไรทั้งสองฝ่าย จึงจะสำนึกขึ้นมาได้และคิดถึงคำสอนของพระพุทธองค์แล้วเลิกรากันไป
ในท่ามกลางเหตุการณ์ที่ผู้คนกำลังอยู่ในบรรยากาศของความขัดแย้ง บางทีธรรมะหรือคำสอนคำตักเตือนอะไรก็ใช้ไม่ได้ เพราะคนที่กำลังทะเลาะกันนั้นพอใจที่จะได้ทะเลาะตบตีกันมากกว่า ความสุขของเขาในตอนนั้นคือการได้ทะเลาะหรือตบตีกันจึงจะเกิดอาการโล่งใจและสบายใจ ขนาดผู้พิพากษาอยู่บนบัลลังก์ที่ทรงเกียรติก็ยังได้ชมรองเท้าที่บินได้ที่ภรรยามอบให้สามีในคดีฟ้องหย่ามาแล้ว เพราะคนที่กำลังโกรธหรือทะเลาะกันนั้นเขาย่อมไม่รู้จักคำว่า "กฎหมาย" หรือ "ธรรมะ" แต่ประการใด ต่อให้เคยได้ชื่อว่าเป็นคนดีหรือเป็นผู้ดีมาแค่ไหน ก็สามารถมีอิทธิฤทธิ์จนทำให้รองเท้าบินได้หรือทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาแล้ว
ดังนั้น จึงขอส่งใจมอบความปรารถนาดีมายังทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ขอให้หมั่นรักษาคุ้มครองใจไว้ด้วยเสมอ จะโกรธจะเกลียดกันมากมายเพียงใด สุดท้ายเราทุกคนก็ต้องตายจากกันวันยังค่ำ สิ่งที่ติดตามไปได้ไม่มีอะไรนอกจากบุญกุศลที่ตนได้กระทำบำเพ็ญในขณะมีชีวิตอยู่ คนทั้งหลายไม่ว่าเราจะรักหรือเกลียดสักเพียงใด ก็ไม่เคยมีใครสมัครใจตายตามเราไปด้วยสักคน
เราเกิดมาสู่โลกใบนี้มาตัวคนเดียว พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง เรามารู้จักเอาทีหลังทั้งนั้น ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ วาสนา ความเป็นใหญ๋ เป็นเพียงสิ่งจอมปลอมที่เราพากันหลงยึดติดจนลืมความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เราลืมไปว่า เราไม่ได้ร้องไห้ เสียใจเพียงฝ่ายเดียว อีกฝ่ายหนึ่งที่เราเกลียดและอยากให้ล่มจมไปนั้น เขาก็ร้องไห้และเสียใจทุกข์ใจเช่นเดียวกับเรา เพราะเราไปคิดแต่ว่าเราจะลำบาก เราจะเดือดร้อน แต่เราก็ลืมไปว่า เขาก็ลำบาก เขาก็เดือดร้อนเหมือนกัน เรารักครอบครัวของเราฉันใด คนอื่นเขาก็รักครอบครัวของเขาฉันนั้น
อย่ามัวคิดแต่จะเอาตัวเองรอดหรือตัวเองสุขสบายเพียงฝ่ายเดียว เราต้องใจกว้างให้โอกาสแก่คนอื่นที่เขาจะได้รับความสุข ความอบอุ่น ความอยู่รอดเช่นเดียวกับเรา โลกใบนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว คนอื่นก็เป็นส่วนหนึ่งในกรรมสิทธิ์ของโลกใบนี้ด้วย ความเป็นมนุษย์นั้นคือการรู้จักเมตตาและให้อภัยกัน เราควรรู้จักแบ่งปันและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสุขและความทุกข์ที่มีอยู่ประจำบนโลกใบนี้
จะต่อสู้เพื่อหลักการหรืออุดมการณ์ใดๆก็ตาม อย่าลืมว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะต้องคงอยู่ต่อไป ละครโรงนี้เราอาจแสดงอย่างเต็มที่อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร แต่ก็อย่าให้ถึงขั้นไฟไหม้โรงละครหรือวงแตกจนต้องยุบวง อย่างน้อยก็ต้องรักษาโรงละครหรือรักษาคณะละครไว้ จะได้มีเวทีไว้แสดงบทบาทกันต่อไป
เรายังไม่เคยอยู่ในยุคสมัยของไฟไหม้โรงละครหรือวงละครต้องปิดฉากยุบวง เราจึงพากันหลงระเริงและทำอะไรตามใจโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายหรือศีลธรรม เราต่างต้องการจะใหญ่คนเดียว รวยคนเดียว สุขคนเดียว คนอื่นห้ามยิ่งใหญ่ ห้ามร่ำรวย ห้ามมีความสุขเหมือนฉัน หรือจะยิ่งใหญ่ จะร่ำรวย จะมีความสุขเท่าเทียมกับฉันก็ไม่ได้ โลกนี้ต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น จนกว่าจะถึงวันลาลับดับดิ้น เราทุกคนต่างก็จะพากันซาบซึ้งกันโดยทั่วหน้าว่า ที่แท้ตั้งแต่เกิดมาและดิ้นรนไขว่คว้าทั้งหมดนั้น มีแต่โลงใบเดียวและสตางค์เพียงบาทเดียวเป็นรางวัลของความดิ้นรนทะเยอทะยาน
สำหรับบางคนที่เบื่อหน่ายต่อความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวง โอกาสนี้คือโอกาสที่เราจะฝึกฝนจิตเพื่อเตรียมตัวก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนแผ่นดิน เราพึงรักษาจิตคุ้มครองใจไว้เสมอ คนที่เขาขัดแย้งกันเพราะเขาเป็นคู่เวรกันมาก่อน เขาเคยทำร้ายเบียดเบียนต่ออีกฝ่ายมาก่อน เราจะไปห้ามใครเขาไม่ได้ ต้องทะเลาะและขัดแย้งกันไปจนกว่าจะสิ้นแรงแห่งเวรกรรม ทั้งในส่วนที่เป็นเวรกรรมของบุคคลและส่วนที่เป็นเวรกรรมของประเทศ
อย่าได้ลืมคำตักเตือนของเหล่าพระอริยเจ้าและเหล่าผู้ทรงอภิญญาว่า ภัยพิบัติทั้งหลายกำลังจะมาเยือน หากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นวันใด ภัยพิบัติจากน้ำท่วมใหญ่และแผ่นดินไหวก็จะติดตามมา หากเราจะช่วยโลก ช่วยประเทศชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงแล้ว ต้องหันหน้าเข้าสู่ทาน ศีล ภาวนา ให้พากันหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรม จึงจะเป็นพลังบุญ พลังกุศล พลังบารมีที่จะช่วยบรรเทาหรือต้านทานภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวที่ประเทศชาติหมดบุญ วิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็จะคำนวณและทำนายสิ่งใดไม่ได้ ระบบต่างๆจะแปรปรวนไปหมด เราทั้งหลายจึงไม่ควรประมาทในชีวิต จงหาโอกาสสร้างกุศลให้มากที่สุด เพราะสังคม ประเทศชาติ และโลกต่อจากนี้ จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เราทั้งหลายพยายามจะยื้อแย่งฉุดรั้งให้สิ่งต่างๆในบ้านเมืองเป็นไปและคงอยู่แบบเดิม ให้มีความสุขแบบเดิม แต่เราลืมไปแล้วว่าเรามีความสุขตลอดมาถึง ๖๐ ปีแล้ว ในขณะที่เพื่อนบ้านรอบประเทศของเรา เขาได้ผ่านความทุกข์ยาก ผ่านความล่มจม ผ่านความล่มสลายมาอย่างสาหัส เรามีความสุขและมีความอุดมสมบูรณ์มาตลอด ในขณะที่เพื่อนบ้านยากไร้และหิวโหย ต้องพลัดพรากจากบ้านเมือง ลูกพรากแม่ แม่พรากลูก บ้านเมืองหาความสงบสุขไม่ได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น หากชีวิตของทุกคนจะกระทบกระเทือนและความสุขลดลงไปบ้าง เราก็น่าจะยอมได้ ดีกว่าบ้านเมืองล่มสลายไปต้องมาเริ่มต้นใหม่เหมือนเวียดนาม ลาว และกัมพูชา
จงพากันรักษาและคุ้มครองใจไว้เสมอ หากเป็นไปได้ขอให้ผู้มีบารมีใฝ่ต่อความดีงามทั้งหลาย จงหันหน้าเข้าสู่ความสงบ หันหน้าสู่การจำศีลภาวนา อันเป็นการช่วยประเทศชาติบ้านเมืองด้วยการปรับสมดุลในมิติที่สายตาของมนุษย์หรือเทคโนโลยีไม่อาจหยั่งถึง
ภาคแห่งการต่อสู้ตามวิถีแบบชาวโลกนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่สำหรับผู้มีหัวใจน้อมไปทางธรรมและมีพื้นใจที่รักความสงบ ไม่ชอบทำร้ายเบียดเบียนใคร ขอให้ตัดสินใจช่วยประเทศชาติบ้านเมืองและช่วยโลกด้วยการบำเพ็ญบารมีแบบโพธิสัตว์หรือปฏิบัติบำเพ็ญภาวนา อย่างน้อยให้หมั่นประคองชีวิตในแต่ละวันให้อยู่ในศีล ๕ มีโอกาสก็ให้ออกบำเพ็ญเนกขัมมะบารมีรักษาศีล ๘ หมั่นรักษาจิตให้อยู่ในคลองของกุศล แล้วเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบ้านเมืองและช่วยโลกโดยวิถีแห่งทางธรรมได้ อันเป็นเส้นทางที่ปราศจากเวรภัย ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อันเป็นยุคแห่งศีลธรรม อีกยี่สิบปีข้างหน้าสังคมที่เราเห็นอยู่นี้จะเปลี่ยนไป ภาคแห่งการอนุเคราะห์เกื้อกูลบ้านเมืองและโลกในทางธรรมนี้ จึงมีความสำคัญมาก
ในท่ามกลางที่โลกและสังคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ขอให้ทุกคนพึงมีสติในการเข้าไปเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดไว้เสมอ เราจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง ไม่เป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มเติมความขัดแย้งให้มากขึ้นไปอีก
อย่าลืมสัจธรรมในข้อที่ว่า ความขัดแย้ง ความวุ่นวายจะมีมากสักเพียงใด ต่อไปความขัดแย้งทั้งมวลก็ต้องระงับลงตามกฎแห่งอนิจจัง รักษาใจของตนเองไว้ แล้วเราจะก้าวพ้นทุกปัญหาไปได้อย่างปลอดภัย
สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนดับไปเป็นธรรมดา เราทั้งหลายจงมีธรรมะเป็นที่พึ่งเถิด แล้วชีวิตของเราจะพบแต่ความสวัสดีมีชัย ศัตรูอุปัทวันตรายใดๆจะหลีกไกลเพราะพลังแห่งธรรมะและพลังแห่งบุญ อย่าลืมว่า หัวใจของเรานี้เป็นสิ่งมีค่าที่สุด จงรักษาคุ้มครองใจของเราไว้เสมอ
คุรุอตีศะ
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖