พลังชีวิต

พลังชีวิต


               ชีวิตของแต่ละคนนั้น  ที่สามารถดำรงอยู่และมีความเป็นไปได้ก็ด้วยพลังอย่างหนึ่งคือ “พลังชีวิต” ยามใดพลังชีวิตของบุคคลนั้นอ่อนแรงลงไป ชีวิตก็จะมีแต่อุปสรรคขวากหนาม  มีศัตรูมีคู่เวรปรากฏขึ้นมาบั่นทอนกำลังใจ ชีวิตที่เคยก้าวหน้ารุ่งเรืองก็เริ่มกลายเป็นความอับเฉา ทำสิ่งใดก็ติดขัดรู้สึกท้อแท้ไปหมด ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพลังชีวิตของบุคคลนั้นเริ่มอ่อนแอหรือหมดกำลัง


             บุคคลใดพลังชีวิตได้ตกต่ำถึงที่สุด หมอดูก็จะทักทายว่าชะตาขาด บุคคลใดมีพลังชีวิตที่สูงส่ง หมอดูก็จะทำนายว่าจะเป็นผู้มีอำนาจวาสนา หรือพบความสำเร็จในชีวิต  พลังชีวิตจึงเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กันมากับเจ้าของดวงชะตามาตั้งแต่เวลาตกฟากตามหลักทางโหราศาสตร์


            การทำนายดวงชะตาของผู้คนจึงสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง แต่จะไม่สามารถทำนายได้ถูกต้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นดวงชะตาของใคร เพราะขึ้นกับความดีความชั่วที่เจ้าของดวงชะตาประพฤติในชาติปัจจุบันนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญ


           ดวงชะตานั้นเป็นเพียงผลแห่งกรรมดีกรรมชั่วในอดีต ที่จะมาส่งผลต่อบุคคลนั้นเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติปัจจุบัน หากทำกรรมชั่วไว้มาก ชีวิตก็ตกต่ำได้ แม้ดวงชะตาเดิมจะบ่งบอกว่าเป็นผู้มีบุญ หรือมีอำนาจวาสนาก็ตาม ท่านจึงเตือนสติผู้มีวาสนาแต่เดิมมาดี ว่าไม่ให้ประมาทในชีวิต ให้หมั่นทำกรรมดีไว้เสมอ


           สำหรับบางคนนั้น  หากมีโอกาสได้ทำกรรมดีอันยิ่งยวด ชีวิตก็พลิกผัน จากดวงชะตาจะต้องเป็นคนอายุสั้น ก็กลายเป็นคนมีอายุยืนถึง ๘๐ ปี หรือพื้นชะตาเดิมต่ำต้อย แต่ก็ร่ำรวยหรือมีอำนาจวาสนาขึ้นมาได้ เพราะกรรมดีที่ทำในชาติปัจจุบัน  นี้คืออิทธิพลของพลังชีวิตที่อยู่เหนือความเป็นไปในชีวิตของแต่ละคน


          พลังชีวิตนั้น บางครั้งเราก็เรียกว่า พลังบุญบารมี พลังบุญกุศล และสิ่งที่ส่งเสริมให้พลังชีวิตของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเจริญก้าวหน้าหรือเติบโตอย่างรวดเร็ว สิ่งนั้นก็คือ พลังแห่งความรัก


         พลังแห่งความรัก คือเครื่องหมายสำคัญที่บ่งบอกถึงพลังชีวิตของบุคคลว่า ในตัวบุคคลนั้นมีพลังชีวิตมากน้อยเพียงใด ผู้ที่มีความรักอันยิ่งใหญ่ ย่อมแสดงว่ามีพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ บุคคลใดขาดพลังแห่งความรัก บุคคลนั้นย่อมขาดพลังชีวิตอยู่ในตัว


         การสร้างพลังชีวิตให้เกิดขึ้นจึงต้องเริ่มที่มีความรักที่อ่อนโยน งดงาม มีเมตตาเสียก่อน  ให้หัวใจที่แห้งผากมีน้ำหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื้นขึ้นมา จนเกิดพลังสร้างสรรค์ มีความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือเกื้อกูลแบ่งปัน เห็นใจและเข้าใจคนอื่นแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ เมื่อพลังความรักสถิตอยู่หัวใจแล้ว จึงจะมีพลังสมาธิและพลังปัญญาตามมา  และหลังจากนั้นชีวิตของบุคคลนั้น จะมีพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมต่อไป


         พลังแห่งความรักที่หล่อเลี้ยงพลังชีวิตนี้ มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอยๆ ไม่ใช่บีบบังคับให้พลังแห่งความรักเกิดขึ้นมาได้ มิฉะนั้น ทุกคนก็คงเปี่ยมด้วยพลังแห่งความรักนี้กันหมดทั้งโลก และพลังแห่งความรักนี้ก็ไม่ขึ้นกับพลังทางเพศเสมอไป  พลังทางเพศนั้นเป็นส่วนของกายตามสัญชาตญาณ แต่พลังความรักเป็นเรื่องของหัวใจ


        หากบุคคลที่เกี่ยวข้องทางเพศโดยขาดสติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องต่อเรื่องทางเพศ อาจบ่อนทำลายพลังความรักพลังชีวิตของบุคคลนั้นให้อ่อนแอหรือสูญสิ้นไปก็ได้ และยังไปบั่นทอนทำลายพลังชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งอีกด้วย   หากเขาปฏิบัติถูก  พลังทางเพศในชั้นสามัญจึงจะมีโอกาสเปลี่ยนเป็นพลังความรักอันยิ่งใหญ่ และกลายเป็นพลังชีวิตอย่างสมบูรณ์ต่อไป


        การรู้จักแบ่งปันเอื้อเฟื้อมีน้ำใจหรือภาษาทางศาสนาเรียกว่า “การให้ทาน” จะเป็นบ่อเกิดของพลังแห่งความรักได้ง่ายและรวดเร็วที่สุดสำหรับฆราวาส  พลังความรักที่เกิดขึ้นเพราะการหมั่นบริจาคทำบุญทำกุศลนี้ ในทางศาสนาท่านไม่ได้เรียกว่าความรักตามความหมายทั่วไปที่ใช้กันอยู่ ซึ่งยังเป็นความหมายที่คับแคบและต่ำต้อย แต่ท่านเรียกความรักที่เริ่มสูงส่งงดงามและเจริญงอกงามขึ้นตามลำดับนี้ว่า “ศรัทธา”


        ดังนั้น การที่ผู้ใดมีความเลื่อมใสศรัทธา ท่านจึงเรียกว่าผู้นั้นมีอริยทรัพย์ข้อแรกในจำนวน ๗ ข้อ เพราะใจของผู้นั้นจะมีความอิ่มเอมและมีปีติอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนมีทรัพย์อยู่เต็มบ้าน  ใจของเขาจะไม่รู้สึกยากจนอีก จึงเป็นผู้มีความสุขได้เสมอไม่ว่าทรัพย์ในภายนอกจะมีมากหรือน้อย ท่านจึงเรียกว่า “อริยทรัพย์” แปลว่าทรัพย์อันประเสริฐ ที่จะมีอานุภาพให้เกิดโลกียทรัพย์ได้ทั้งในชาตินี้ ทั้งติดตามตนไปได้ในชาติหน้าอีกด้วย


       คนที่มีพลังศรัทธานี้แหละคือผู้ที่มีพลังความรักตามความหมายอันแท้จริง ซึ่งจะส่งผลให้เขาได้พบความรักที่ดีงามแม้เป็นความรักระหว่างเพศ คือคนที่มีพลังความรักแบบนี้อยู่ภายในจิตใจ จะทำให้พบกับความรักแท้ หรือพบเนื้อคู่แท้ แม้จะไม่คิดแสวงหา เพราะพลังความรักที่ดีงามของเขาจะดึงดูดความรักที่ดีงามมาสู่ชีวิตของเขาดุจแม่เหล็ก  คนที่มีพลังแห่งความรัก จึงมีชีวิตที่งอกงามและเติบโตหรือมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว


           คนโบราณจึงมีคำสอนว่า หากต้องการพบรักแท้ ให้หมั่นทำบุญรักษาศีล ความหมายที่ลึกซึ้งในคำสอนนี้ก็คือ เมื่อทำบุญกุศลบ่อยๆ จิตใจของบุคคลนั้นจะไม่แห้งแล้ง ความรักจะค่อยๆเพิ่มพูนและเต็มเปี่ยม พลังความรักหรือพลังศรัทธานี้จะทำให้รัศมีแผ่ออกจากบุคคลนั้นโดยไม่รู้ตัว ความรักก็ยิ่งเข้ามาสู่ชีวิต หลังจากนั้นพลังชีวิตของเขาก็เต็มเปี่ยมตามมา บุญกุศลนั่นเองที่ทำให้หัวใจเกิดความอ่อนโยน และอุดมด้วยความรัก


          บุรุษที่มีอุดมคติที่คิดสร้างสรรค์ประโยชน์ เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อศาสนา พลังของจิตใจที่สูงส่งเช่นนั้น จะทำให้เขาได้พบสตรีที่ส่งเสริมให้กำลังใจและมีใจรักแท้มอบให้ แม้เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบมาก่อน ส่วนสตรีที่มีน้ำใจกตัญญูรู้คุณผู้มีพระคุณและหมั่นสร้างบุญกุศลประจำนิสัย จะมีบุรุษมาเป็นหลักชีวิตให้และคอยปกป้องคุ้มครองให้มีชีวิตที่อบอุ่น แม้ว่าตนเองจะไม่เคยคิดแสวงหาความรักแต่อย่างใด นี้คืออานุภาพของพลังชีวิตที่เป็นพลังอันเร้นลับที่เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะหยั่งถึง


         สำหรับคนมีครอบครัว  การที่สามีภรรยาพากันสร้างฐานะเพื่อความร่ำรวย หรือหวังความทัดเทียมคนอื่นเพียงเท่านั้นยังไม่เพียงพอ  เมื่อตั้งตัวหรือสร้างฐานะจนร่ำรวยได้แล้ว ทั้งคู่ต้องมีใจเสียสละเกื้อกูล ต้องพากันทำบุญค้ำจุนพระศาสนา และช่วยเหลือบ้านเมืองตามฐานะของตนต่อไป จึงจะมีความรักแท้ต่อกันจนวันตาย


         พลังศรัทธาในความดีหรือพลังแห่งความรัก บางทีก็มาในชื่อของ “ความกตัญญูรู้คุณ” แต่เราไปคิดว่าเป็นคนละเรื่องกับความรักหรือพลังแห่งความรัก เพราะภาษาไทยมีใช้อยู่แค่คำเดียว


          พลังแห่งศรัทธา พลังแห่งความกตัญญู หรือพลังแห่งความรักนี้ คือพลังแห่งความดีงาม ที่ค้ำจุนเกื้อหนุนพลังชีวิตของผู้นั้นอย่างสำคัญ  บุคคลใดมีพลังชีวิต จะทำให้คนอื่นพลอยเกิดพลังชีวิตตามไปด้วย


         ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีปัญญาจึงไม่มัวแสวงหาความรักแท้ แต่จะหันหน้าเพิ่มพูนพลังชีวิตของตน ด้วยการหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลแทน เพราะทราบความจริงแล้วว่า เมื่อพลังบุญพลังความดีมีอยู่ประจำชีวิตแล้ว ความรักความอบอุ่นในชีวิตอันเป็นความปรารถนาของคนทั้งหลาย จะเคลื่อนเข้ามาสู่ชีวิตของเราเอง  พลังชีวิตที่มีอยู่ เราก็จะเปลี่ยนเป็นพลังสร้างสรรค์สิ่งดีงามประดับไว้ในโลก จนกว่าสังขารร่างกายของเรานี้จะแตกดับทำลายไป


คุรุอตีศะ
๒๗  ตุลาคม  ๒๕๕๖