เพราะโดดเดี่ยวจึงเข้มแข็ง

เพราะโดดเดี่ยวจึงเข้มแข็ง


             ภายหลังจากไฟไหม้ห้างซุปเปอร์ชีปกลางเมืองภูเก็ตวอดไปเป็นเนื้อที่ ๓๕ ไร่ ไฟเผาผลาญสินค้าทั้งมวลเป็นเวลาถึง ๑๓ ชั่วโมงกลายเป็นซากปรักหักพังและผงธุลี ห้างแห่งนี้ตั้งขึ้นมาจากร้านโชห่วยของคนธรรมดา จนเติบโตทีละน้อยกลายเป็นห้างดังที่เป็นของคนไทย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ขายของถูกที่สู้รบปรบมือกับห้างของต่างชาติได้อย่างสบาย เป็นที่พึ่งและเป็นที่ภาคภูมิใจของคนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก


            แต่เมื่อเกิดเพลิงเผาผลาญในครั้งนี้มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า กลับไม่ได้รับการแสดงความเห็นใจจากหน่วยงานใดของรัฐบาล ผิดจากถ้าเป็นห้างของต่างชาติจะได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ เจ้าของห้างซุปเปอร์ชีปที่ตั้งห้างขึ้นมาเพื่อคนไทยด้วยกัน กลับพบกับความโดดเดี่ยวจากรัฐบาล หน่วยราชการ และคนไทยด้วยกัน


            เหตุที่ต้องโดดเดี่ยว ก็เพราะเป็นผู้มีความเข้มแข็งและประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาลหรือหน่วยงานราชการนั่นเอง เป็นความเข้มแข็งและเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เกินกว่าใครจะแสดงความเห็นอกเห็นใจได้ต่างหาก เพราะนี่คือความสามารถของเอกชนที่มีวิสัยทัศน์เกินกว่าหน่วยงานของรัฐจะตามทัน


            ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของห้างก็ดี หรือบุคคลใดก็ดี ที่กำลังพบปัญหาทำนองนี้หรือพบกับอุปสรรคจนเกิดความท้อแท้ และเกิดความรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างโดดเดี่ยวนัก หากมาอ่านพบบทความนี้ ก็ขอจงตั้งสติยอมรับความสูญเสียแล้วเริ่มต้นใหม่ อย่าได้จมอยู่กับความสูญเสียอีกต่อไปเลย จงลุกขึ้นสู้แล้วเริ่มต้นใหม่


            ผู้ที่เข้มแข็งต้องไม่เรียกร้องเอาความเห็นอกเห็นใจจากใคร  มิฉะนั้น จะเสียหลักและเกิดความอ่อนแอและสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม  หากบุคคลที่เราต้องการให้เห็นใจนั้นไม่ได้หวังดีต่อเราด้วยน้ำใจที่แท้จริง


           เคล็ดลับของชีวิตมีอยู่ว่า “หากต้องการเป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็ง ต้องพร้อมที่จะยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในยามจำเป็นเสมอ” ผู้ที่กำลังสร้างชีวิต สร้างอนาคต หรือผู้ที่ปฏิบัติธรรม ขอจงยึดถือคตินี้ไว้ในยามที่ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว แล้วสิ่งที่มุ่งหวังและพากเพียรในชีวิต จะได้รับผลแห่งความสำเร็จในเวลาอันใกล้


          องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะยังไม่ได้ตรัสรู้นั้น เมื่อพระปัญจวัคคีย์พากันละทิ้งพระองค์หนีไปด้วยเข้าใจผิดคิดว่า พระองค์คงจะล้มเหลวเสียแล้วที่ทรงหันกลับมาเสวยพระกระยาหารเหมือนคนปกติ  พระองค์ทรงเผชิญกับความโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุดนับแต่พระองค์เสด็จออกจากวัง และในท่ามกลางความโดดเดี่ยวไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียวนั้นเอง ทำให้พระองค์มีโอกาสได้ตรัสรู้ในที่สุด


           พระเวสสันดร ทรงเผชิญกับความโดดเดี่ยวอย่างที่สุด ที่บริจาคทานกระทำบำเพ็ญคุณงามความดีแท้ๆ กลับถูกชาวเมืองใส่ร้ายและขับไล่ไสส่งไปอยู่เขาวงกต มีเพียงพระนางมัทรีคู่พระบารมีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นขอติดตามไปเป็นคู่ทุกข์คู่ยากกลางป่าด้วย และเพราะพระองค์เผชิญกับวิกฤติของชีวิตในครั้งนั้นด้วยขันติบารมี  ในที่สุดทานบารมีอันยิ่งยวดของพระองค์ก็บรรลุผล จนได้กลับมาครองเมืองจนอายุถึง ๑๒๐ ปี ก่อนจะไปอุบัติเป็นสันดุสิตเทพเจ้ารอวันเวลาลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


           สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์ทรงเผชิญกับความโดดเดี่ยวอย่างที่สุด ในวันทำสงครามยุทธหัตถี วันนั้นเป็นวันตัดสินชะตาว่าประเทศสยามจะเป็นทาสของพม่าต่อไปหรือจะเป็นเอกราช มีอิสรภาพ ในขณะที่พระองค์ตกอยู่ในวงล้อมของพม่า โดยทหารตามไปไม่ทัน และพระองค์ไสช้างพระที่นั่งไชยานุภาพเข้าทำยุทธหัตถียอมเอาชีวิตของพระองค์เป็นเดิมพันในวันนั้น พระองค์ช่างสุดแสนจะโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุด ที่คนไทยทุกคนและนานาชาติสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระองค์มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ความเข้มแข็ง และความโดดเดี่ยวของพระองค์มิใช่หรือ?


           สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งตีฝ่าวงล้อมของพม่าออกมาเพื่อหวังจะกลับไปกู้กรุงศรีอยุธยานั้น ในตอนนั้นก็เป็นเพียงเจ้าเมืองบ้านนอกเล็กๆ ไม่มีอำนาจวาสนาอะไรให้เป็นที่ยอมรับของใครๆ  ขนาดยิงปืนใหญ่ต่อสู้กับพม่าเพื่อป้องกันบ้านเมือง ก็ยังไร้เครดิตขนาดถูกภาคทัณฑ์จะถูกประหารชีวิต ถ้าไปยิงปืนให้พวกนางสนมนางกำนัลผู้เสวยสุขอยู่ในวังตกอกตกใจอีก


          เมื่อคิดการใหญ่จะกู้ชาติบ้านเมือง ก็ไม่มีเงิน ไม่มีบริวาร ไม่มีความเป็นเชื้อพระวงศ์ที่จะให้ใครยอมรับ พระองค์เป็นกษัตริย์ที่อาภัพและโดดเดี่ยวที่สุดยิ่งกว่ากษัตริย์พระองค์ใด แต่สุดท้าย ความเข้มแข็งและความโดดเดี่ยวนั่นเอง ทำให้พระองค์กู้เอกราชได้สำเร็จภายในเวลาเพียง ๗ เดือนเท่านั้น และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่มีสิ่งใดลดทอนพระเกียรติยศและพระเกียรติคุณของพระองค์ได้ตราบเท่าทุกวันนี้


            ผู้รักความก้าวหน้า ผู้รักความสำเร็จทั้งหลาย  จงทราบชัดในเคล็ดลับของความลับในชีวิตในข้อนี้ว่า “หากต้องการเป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็ง ต้องพร้อมที่จะยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในยามจำเป็นเสมอ” อย่าให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาทำลายกำลังใจของเราได้


           ผู้ที่เข้มแข็งอยู่แล้ว จงเข้มแข็งต่อไป  อย่ามัวเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจจากใครอยู่เลย  ส่วนผู้ที่อ่อนแออยู่ จงลุกขึ้นสู้ และเรียกพลังความเข้มแข็งกลับคืนมา  หากมีคนที่จริงใจและมีน้ำใจรักเราอย่างแท้จริง คนเช่นนี้ แม้เราไม่ต้องเรียกร้องความเห็นใจจากเขา  แต่ด้วยคุณธรรมความสูงส่งที่มีอยู่ประจำใจของเขา เขาย่อมมีความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ยากของเราเอง แม้ว่าเราจะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับจากเขา


           ขอเพียงเราอย่ายอมแพ้ แต่จงตั้งสติให้มั่นคง ยอมรับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเราไว้เสมอ ความสูญเสียและความผิดหวังใดๆ จะเกิดขึ้นกี่ครั้งกี่หนก็ตาม  เราย่อมแผ้วถางหนทางขึ้นมาได้ใหม่ และสามารถผ่านไปได้เสมอ ขอจงเชื่อมั่นและศรัทธาในคุณงามความดีไว้อย่าได้คลอนแคลน


           และที่สำคัญที่สุด คือ จงมีศรัทธาในตัวเอง ว่าเราจะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้ด้วยมือทั้งสองข้างของเรา  จำไว้เสมอว่า “ไม่มีความล้มเหลวที่แท้จริง สำหรับผู้ที่ไว้วางใจตนเองและมีหัวใจที่ไม่รู้จักสิ้นหวัง”


          ความโดดเดี่ยว คือ คุณลักษณะที่พิเศษที่เหนือกว่าคนทั่วไปของผู้ที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ก็เพราะว่า ความโดดเดี่ยวนั่นเองทำให้เกิดมนุษย์ที่เข้มแข็งและมนุษย์ที่พิเศษอัจฉริยะขึ้นมาในโลก อัจฉริยบุคคลทั้งปวงล้วนเคยผ่านความทุกข์ยากและความโดดเดี่ยวมาแล้วทุกคน  พระอริยบุคคลพระอรหันต์ก็ล้วนผ่านความโดดเดี่ยว


           เมื่อมนุษย์ผู้เข้มแข็งผ่านความโดดเดี่ยวไปได้  นั่นคือฟากฝั่งแห่งความสำเร็จที่เป็นประโยชน์ต่อโลกและมหาชน เป็นเช่นนี้ตลอดมาแห่งประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ


คุรุอตีศะ
๒๓  ตุลาคม  ๒๕๕๖