ความไร้เดียงสา

ความไร้เดียงสา


              เด็กมีความน่ารัก เพราะความซื่อ บริสุทธิ์ และไร้เดียงสา  เด็กสาวหรือหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ในเรื่องเพศตรงกันข้าม  จะมีสง่าราศีแผ่รัศมีออกรอบตัวและมีเสน่ห์ที่ใสบริสุทธิ์  ความไร้เดียงสาและมองโลกด้วยสายตาที่งดงามและสดใส จะมีอยู่ในดวงใจตราบเท่าที่เธอยังไม่สูญเสียพรหมจรรย์  พิธีแต่งงานแบบโบราณที่มีขึ้นในหลายวัฒนธรรม ก็เพื่อช่วยให้ชายหนุ่มและหญิงสาวได้ตั้งสติ  ก่อนที่ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของทั้งสองจะถูกทำลายลง


                    พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ทุกลัทธิประเพณี  จึงต้องคัดเลือกหญิงสาวพรหมจารีเป็นหัวใจสำคัญของพิธีกรรม  เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความเชื่อดังกล่าวก็คือ หญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์จะมีพลังแห่งความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสามากกว่าคนธรรมดาทั่วไป  ความไร้เดียงสานี้จะเป็นพลังเดียวกันกับพลังแห่งจิตวิญญาณสู่ความเป็นพระอริยเจ้าของผู้บรรลุธรรม  เป็นพลังที่เร้นลับและศักดิ์สิทธิ์  เพียงแต่พลังของหญิงสาวพรหมจารียังเป็นแร่เพชรที่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาจากดิน จึงอยู่กับดินจนเสื่อมสลายพลังไป  ส่วนพลังของพระอริยเจ้าคือเพชรที่ได้รับการเจียระไนและประดับอยู่บนเรือนแหวนที่งดงาม เพราะฝีมือนายช่างผู้ชำนาญคืออริยมรรค


                   ความทุกข์ของคนเราที่เริ่มมีอย่างมากมายนั้น  ก็เพราะความไร้เดียงสาในหัวใจของเราถูกบั่นทอนหรือทำลายไป  ถ้าเป็นปุถุชนก็จะเริ่มสร้างชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ถ้าเป็นพระอริยบุคคลแม้จะถูกให้ร้ายเบียดเบียนอย่างไร ก็จะยังคงรักษาความไร้เดียงสาในดวงจิตไว้ได้ นี้คือความต่างกันของจิตปุถุชนกับจิตของพระอริยะ


                  เรามักปรามาสคนหลายคนที่เขามีความไร้เดียงสา ไม่เบียดเบียนใครลักษณะนี้ว่า เป็นคนโง่ แต่ถ้าเขารู้ว่าคนอื่นทำอะไรกับเขา แต่เขาไม่ทำร้ายหรือให้ร้ายตอบ ความโง่เช่นนั้นย่อมไม่ใช่ความโง่ธรรมดา แต่คือความไร้เดียงสาที่มีอานุภาพในตัวเองของเขาต่างหาก  คนเช่นนี้หากใครไปกล่าวร้ายล่วงเกิน  จะนำทุกข์โทษมาสู่ผู้ที่กระทำไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง


                 ด้วยเหตุนี้บุรุษที่ไปล่อลวงทำลายหญิงสาวที่บริสุทธิ์  ท่านจึงว่าเป็นบาป เพราะไปทำลายคุณชาติที่งดงามและความไร้เดียงสาของเธอ  สตรีที่ได้รับการกระทำเช่นนั้นจากบุรุษ จากใจที่บริสุทธิ์งดงาม มองโลกในแง่ดี  จะกลายเป็นคนมีอคติต่อบุรุษเพศและไม่ไว้วางใจใคร จะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และคิดแก้แค้นต่อบุรุษเพศและก้าวร้าววางอำนาจเหนือบุรุษเพศเพราะใจที่อาฆาตพยาบาทของเธอ  ท่านจึงว่าเป็นบาปมาก เพราะไปทำให้ใจของสตรีที่เคยมองโลกด้วยความสดใสงดงามแบบเทพธิดา กลายมาเป็นนางยักษิณีที่พร้อมจะฉีกเนื้อบุรุษได้ทุกคน  การเรียกร้องสิทธิสตรีก็มาจากการกดขี่ข่มเหงในลักษณะนี้ที่บุรุษกระทำต่อสตรี


             จึงมีประเพณีของไทยว่า เมื่อไปทำลายความบริสุทธิ์ของสตรีใดเข้า  บุรุษสมควรต้องตกแต่งเอาสตรีผู้นั้นมาเป็นภรรยาให้ถูกต้องเสีย  เหตุผลลึกๆก็คือ ช่วยรักษาประคองใจของสตรีผู้สูญเสียความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่ให้เธอต้องตกต่ำไปกว่าเดิม  และเรามักเรียกบุรุษผู้สามารถทำเช่นนี้ได้ว่า เป็นลูกผู้ชายผู้มีความรับผิดชอบ  นี้ก็เป็นคุณธรรมประการหนึ่งเหมือนกัน


             สตรีผู้ได้รับเกียรติเช่นนี้นับว่ามีบุญมาก  ใครที่มีชีวิตเช่นนี้ควรสำนึกขอบคุณในความเป็นสุภาพบุรุษในข้อนี้ของเขา อย่าลบหลู่ดูหมิ่นเขาเป็นอันขาด แล้วชีวิตของเราจะไม่มีทางตกต่ำเลย  หากมีบุญเก่าสั่งสมมาเมื่อถึงวันหนึ่งเราอาจมีวาสนาได้ฟังธรรมปฏิบัติธรรม แล้วได้รับความไร้เดียงสาที่หายไปกลับคืนมา  การกลับมาของความไร้เดียงสาครั้งที่สองนี้  จะอยู่ติดในดวงใจไปตลอด ไม่อาจมีสิ่งใดมาทำลายได้อีกเลย


            ที่ท่านสอนให้หญิงสาวให้หวงเนื้อหวงตัวหรือรักนวลสงวนตัว  ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชายที่ไม่คู่ควรมาทำลายคุณชาติความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเราโดยที่มะม่วงยังไม่ได้บ่มให้สุกเสียก่อน  ไม่ใช่คร่ำครึอะไร  หากถึงเวลาแล้วเทวดาหน้าไหนก็ห้ามไว้ไม่อยู่ การหวงตัวก็คือวิธีกลั่นกรองบุรุษผู้เสนอตัวเข้ามาทั้งหลาย จนกระทั่งพระเอกของเราปรากฏตัว  หลังจากนั้นการรักนวลสงวนตัวก็สิ้นสุดลงโดยธรรมชาติ  ต่อมาพระเอกที่เราคิดว่าเลือกสรรอย่างดีที่สุดแล้วอาจจะกลายเป็นผู้ร้ายตัวจริง หากเป็นแบบนั้น เราก็ต้องยอมรับความจริงแล้วเจริญสติต่อไป หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง ก็เป็นธรรมดาของสีสันแห่งชีวิต


            เหตุที่กล่าวถึงเรื่องนี้ ก็เพื่อเป็นหลักของชีวิตของหนุ่มสาวในยุคต่อไป  ที่ต้องรับผิดชอบบ้านเมืองและสังคมในยุคหน้า  เผื่อมีผู้มีบุญมีบารมีมาอ่านพบข้อเขียนนี้ในวันใดวันหนึ่ง จะได้ไม่สับสนว่าจะวางตนอย่างไรกับสังคมในยุคปัจจุบัน  สิ่งนี้คือต้นตอของปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัว ปัญหาความรักในวันข้างหน้าของคนที่จะต้องใช้ชีวิตในภาคคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนทุกคน


           เหตุที่ท่านสอนให้ผู้ชายพยายามฝึกตนให้เป็นสุภาพบุรุษ ก็เพื่อฝึกจิตให้มั่นคงที่จะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวต่อไป  เพราะธรรมดาของสตรีนั้นใจลึกๆของเธอไม่ได้ยอมบุรุษหรือก้มหัวให้เพราะความร่ำรวย ฐานะ ความมีเกียรติ หรือปริญญาแต่อย่างใด อย่าไปหลงกลมายาของสตรีในข้อนี้เป็นอันขาด เธอจะยอมมอบกายมอบใจจริงๆก็เพราะความเป็นสุภาพบุรุษและคุณธรรมที่เหนือกว่าเธอเท่านั้น  ความเป็นสุภาพบุรุษนั้นไม่ใช่จะทำให้หย่อนสมรรถภาพทางเพศอย่างที่กลัวกันนักของคนสมัยนี้ แต่ความเป็นสุภาพบุรุษในที่นี้คือความสมบูรณ์พร้อมทั้งกายและใจต่างหาก  บุรุษที่ให้เกียรติสตรี ย่อมได้รับความรักอันงดงามจากสตรีเป็นการตอบแทน  และสตรีที่เคารพต่อบุรุษเพศ ย่อมมีอำนาจในตัวเองและทรงเสน่ห์อยู่เสมอ


            อย่าลืมว่า บุรุษอาชาไนยผู้มีสมรรถภาพทางเพศที่พร้อมสมบูรณ์ทั้งสิ้นที่ท่านบรรลุธรรมแล้วกลายเป็นผู้พ้นจากกามราคะ กลายเป็นหลวงปู่หลวงตาให้เรากราบไหว้  เพียงแต่ท่านไม่นำสมรรถภาพอันบริบูรณ์ในส่วนนี้ของท่านไปใช้ในทางบริโภคกาม แต่ท่านสามารถเปลี่ยนพลังงานส่วนนี้เป็นพลังอันสูงส่งกว่ากามารมณ์แทน อันเป็นความสุขที่ประณีตสูงกว่าความสุขของคนชาวโลกอย่างเทียบกันไม่ได้  


          ความเป็นสุภาพบุรุษ แท้จริงแล้วก็คือการปฏิบัติธรรมของคนหนุ่มก่อนจะมีคู่ครอง  การเป็นกุลสตรีก็คือการปฏิบัติธรรมของหญิงสาวก่อนที่จะตกลงปลงใจกับบุรุษที่ตนพร้อมจะมอบกายและใจให้ คือการมีสติในชีวิตประจำวันของคนหนุ่มสาว  เป็นการเจริญสติในชีวิตจริง แต่ไม่มีใครชี้ให้เราเห็นในเรื่องนี้  เพราะคำสอนส่วนใหญ่มาจากพระภิกษุผู้เว้นขาดจากเรื่องทางเพศ ท่านมุ่งสอนพระให้ประคองตนอยู่ได้ในเพศพรหมจรรย์


         ด้วยเหตุนี้คนหนุ่มที่ออกบวชแต่วัยหนุ่มก่อนอายุ ๓๕ ครูบาอาจารย์ท่านต้องพาเดินธุดงค์เข้าป่าจนกว่าจะอินทรีย์เข้มแข็งพอ จึงจะมาอยู่กับผู้คนทั่วไปได้  เพราะมีกำลังแห่งสติในการประคองตนอยู่ได้ท่ามกลางสิ่งสวยๆงามๆ  ดังนั้น การปฏิบัติธรรมที่เราเห็นกันโดยทั่วไปนั้น จริงๆแล้วคือวิธีการสอนของพระ เพื่อให้พระบวชอยู่ได้ในศาสนา  จึงต้องทำสมาธิไว้เสมอเพื่อประคองใจตน  สำหรับท่านที่รู้ตัวว่ายังไม่บรรลุพระอนาคามี


         แต่สำหรับพวกเราส่วนใหญ่ที่มาได้อ่านบทความนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้มีวิถีอยากได้ อยากมี อยากเป็นตามประสาชาวโลก กามารมณ์ย่อมเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญของพวกเรา  ดังนั้น เราต้องปฏิบัติธรรมแบบอยู่กับความเป็นจริงคือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน  แล้วเราจะมีความสุขจากการปฏิบัติธรรมฐานะเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน  แล้วในที่สุด “ความไร้เดียงสา”ที่หายไปนานจากชีวิตของเราก็จะกลับคืนมา อย่างน้อยก็ได้เป็นพระโสดาบันบุคคลแม้จะยังอยู่ท่ามกลางกามารมณ์ก็ตาม  ความไร้เดียงสานี้คืออริยมรรคคือทางสายกลาง


คุรุอตีศะ
๑๘  ตุลาคม  ๒๕๕๖