เพียงได้มีชีวิตอยู่
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
เพียงได้มีชีวิตอยู่
คนเรานั้น ล้วนมีความทุกข์ระทมขมขื่นกับความผิดหวังต่างๆนานา สิ่งเคยหวังว่าจะได้ กลับไม่ได้ สิ่งที่คาดหมายไว้ กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ทุกคนล้วนมีใบหน้าหมองคล้ำและเต็มไปด้วยความทุกข์และความวิตกกังวลครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะหัวใจของเราต่างเอาไปฝากไว้กับสิ่งในภายนอกอันไม่แน่นอน
“เพียงการได้มีชีวิตอยู่” คือของขวัญอันล้ำค่าที่เราทุกคนล้วนมองข้ามตลอดมา เหตุใดเราจึงต้องเอาสิ่งที่มีค่าสูงสุด คือตัวชีวิตของเรานี้ ไปแลกค่ากับสิ่งอันเป็นของภายนอกอย่างมากมายถึงเพียงนั้นด้วยเล่า ?
เหตุใดเราจึงต้องเอาเรื่องทรัพย์สินเงินทองและสิ่งที่คาดว่าจะได้ในอนาคต มากำหนดชะตากรรมของตนเอง ? เหตุใดเราจึงเอาสิ่งอันเป็นของภายนอกที่นับวันจะแตกสลาย มาอยู่เหนือชีวิตและหัวใจของเรา ?
เพียงได้มีชีวิต เดินเหินไปมาได้อย่างอิสระและเดินไปบนผืนโลกอย่างสง่า ด้วยขาและเท้าทั้งสองข้าง เพียงเท่านี้ ชีวิตของเราก็ไม่มีอะไรต้องขาดทุนอีกแล้ว สองมือของเรายังมี สองเท้าก็เต็มเปี่ยมด้วยพลังที่จะก้าวเดิน นี้คือพรอันยิ่งใหญ่ที่ชีวิตได้มอบให้แก่เรามาแล้วตั้งแต่วันลืมตาดูโลก
อย่าลืมสิ่งอันยิ่งใหญ่และสิ่งสำคัญสูงสุดที่อยู่คู่กับเราเสมอมา แม้ว่าเราอาจจะลืมเขาไปแล้ว สิ่งนั้นก็คือ “การได้มีชีวิตอยู่และลมหายใจของเรา”
ขอให้เราจงตระหนักรู้และระลึกถึงความสำคัญของการมีชีวิตอยู่และลมหายใจนี้ไว้เสมอ แล้วจักรวาลจะดึงดูดสิ่งดีงามเข้ามาสู่ชีวิตของเรา จักรวาลจะเปลี่ยนสิ่งที่พลาดหวังในวันนี้ ให้กลายเป็นความสมหวังที่เปี่ยมด้วยพลังในวันหน้า
แม้สิ่งของและผู้คนในภายนอกอาจจะนำความผิดหวังมาให้เรา แต่เราก็ยังมีคนที่เรารักและรักเราอยู่เคียงข้างเสมอทั้งในยามสมหวังและยามผิดหวัง เพียงเท่านี้เราก็เกินกว่าจะขอบคุณสวรรค์และจักรวาลทั้งมวลที่มอบของขวัญอันมีค่านี้ให้แก่ชีวิตของเรา
เพียงได้มีชีวิตอยู่ในวันนี้และยังมีลมหายใจอยู่เป็นเพื่อน สำหรับหัวใจที่ไม่เคยสิ้นหวัง ย่อมสามารถเนรมิตสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาใหม่ ทดแทนสิ่งเก่าที่ผ่านเลยไปได้เสมอ
จงยินยอมให้ทุกสิ่งผ่านเลยไป ในเมื่อถึงเวลาที่สิ่งนั้นถึงกาลเวลาจะต้องผ่านไปแล้ว ไม่ควรยื้อยุดฉุดฉวยต่อสิ่งใด ให้เขาผ่านเลยไปอย่างอิสระ ดุจสายน้ำและสายลม
น้ำในสระที่ไม่มีทางไหลออก เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็หมักหมมและส่งกลิ่นโคลนที่เน่าเหม็น แต่น้ำในแม่น้ำและลำคลอง ย่อมไหลไปอย่างอิสระเสมอ น้ำจึงใสเย็นและเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวา
ชีวิตที่เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น คอยแต่จะไขว่คว้าและทะเยอทะยาน ย่อมเปรียบเหมือนน้ำในสระ ซึ่งมีแต่ทางตันไม่พบทางออก ไม่นานน้ำที่เคยสะอาดก็ส่งกลิ่นเหม็นและแห้งขอดเป็นธรรมดา
แต่ชีวิตของพระอริยะ คือชีวิตที่พร้อมจะสละออก และไม่ยึดมั่นต่อสิ่งใด เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะผ่านไป ก็ปล่อยวางให้สิ่งนั้นผ่านไปโดยไม่ดันทุรังและฉุดไว้สนองอัตตา ชีวิตของท่านจึงเลื่อนไหล มีชีวิตชีวา และอิสระไม่เคยขาดหายต่อความสุขในชีวิต ดุจเดียวกับการไหลของสายน้ำที่ไหลไปตลอดเวลา ทำให้กลายเป็นแม่น้ำลำคลอง ที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ สัตว์ พืชพรรณทั้งหลายให้มีชีวิตชีวา อย่างไม่มีวันเหือดหาย
ขอให้เราได้คุกเข่าและก้มศีรษะลงจรดผืนดิน ด้วยความสำนึกรู้คุณที่แม่พระธรณีนี้ยอมให้สองเท้าของเรานี้ได้เหยียบย่ำเสมอมา ตั้งแต่ฝ่าเท้าของเราเท่าฝาหอย จงสำนึกรู้คุณและขอโทษที่เราเอาแต่อยากจะได้ อยากจะมี อยากจะเป็นมาตลอด จนลืมแม่พระธรณีที่เราเดินเหยียบย่ำอยู่ทุกวัน
จงสำนึกรู้คุณแม่พระคงคาที่เราได้อาศัยดื่มกิน ชำระล้างและสร้างผลประโยชน์ต่างๆให้แก่ชีวิตของเราเสมอมา จงสำนึกรู้คุณแม่พระอัคนีที่ให้ความร้อน ความอบอุ่น และช่วยปรุงอาหารให้เราบริโภคอยู่ทุกวัน จงสำนึกรู้คุณแม่พระพาย ที่ช่วยปัดเป่าความร้อนความอบอ้าว และให้เราได้มีอากาศหายใจอยู่ทุกวินาที
เราได้พลาดต่อสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตไปมากแล้ว จงหันกลับมาสำนึกรู้คุณต่อลมหายใจและสิ่งรอบข้างที่อยู่รอบตัวเราให้มากขึ้น
ขอบคุณที่เรายังมีคนที่อยู่ข้างๆที่ยังเป็นเพื่อนเราอยู่เสมอทั้งในยามหัวเราะหรือร้องไห้ อย่างน้อยเราก็ยังมีใครบางคนที่ยืนเคียงข้างเราเสมอทั้งยามสมหวังและยามผิดหวัง
ขอบคุณยิ่งนักที่วันนี้ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เพียงข้าพเจ้าได้ชื่นชมกับชีวิตและตระหนักถึงความสำคัญอันยิ่งใหญ่ของลมหายใจในขณะนี้ เพียงเท่านี้หัวใจของข้าพเจ้าก็เปี่ยมด้วยความหวัง และมีภูมิคุ้มกันอันแข็งแกร่งทั้งกลางวันและกลางคืนแล้ว
ขอบคุณทุกคน ทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง ที่ข้าพเจ้าได้มีชีวิตอยู่ในวันนี้
คุรุอตีศะ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖