ต้นอ้อกลางน้ำเชี่ยว
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ต้นอ้อกลางน้ำเชี่ยว
น้ำท่วมใหญ่ในดินแดนที่ไม่เคยมีน้ำท่วมมาก่อน ในขณะที่ผู้คนกำลังขวัญผวากับสายน้ำที่พัดมา ต่างอกสั่นขวัญแขวนกับการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของตน แต่ละคนแสวงหาที่พักอาศัย ที่อยู่ ที่กิน และที่สำหรับเอนกายพักผ่อนในค่ำคืนนี้ ซึ่งไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าชีวิตของแต่ละคนต้องมาประสบกับชะตากรรมเช่นนี้
ต้นอ้อต้นหนึ่ง... ซึ่งแต่เดิมมามันเกิดอยู่บนจอมปลวกในที่สูง ยืนต้นสง่างามตลอดมา นับแต่มันได้แตกหน่ออ่อนออกมาผลิบานจนเติบใหญ่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ณ จอมปลวกอันเคยโดดเด่นแห่งนี้แต่ไหนแต่ไรมา ..แต่บัดนี้....พื้นที่อันเคยเป็นที่สูงและจอมปลวกได้หายไป.... จมอยู่ในสายน้ำที่กำลังไหลอย่างเชี่ยวกราก..
เหลือเพียงต้นอ้อยืนเด่นโดยท้าทาย ที่โบกไหวเอนลู่ไปตามแรงของกระแสน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ...แต่ว่า.. ต้นอ้อต้นนี้กลับไม่ยอมจมน้ำเช่นต้นอ้อต้นอื่นและไม้อื่นแต่อย่างใด...
พื้นที่อันเคยเป็นที่ดอน เป็นเนินสูง เคยเป็นที่และเล็มหญ้าของฝูงวัวควายได้หายไปแล้ว ต้นไม้นานาพันธุ์ที่เคยเป็นป่าละเมาะ ได้หายไปแล้ว จอมปลวกที่เคยโดดเด่นเป็นสง่ากว่าใครๆบนเนินแห่งนี้ ได้หายไปแล้ว ต้นไม้ต้นอื่นก็จมหาย ต่างอยู่ใต้ผืนน้ำทั้งหมดแล้ว มีเพียงต้นอ้อต้นนี้เพียงต้นเดียว ที่ยังคงยืนหยัดและยังคงดำรงอยู่เหนือผิวน้ำและกระแสน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในยามที่สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นเนินสูงตามปกติ ต้นอ้อต้นนี้ ไม่มีความหมายและไม่ได้มีคุณค่าพอที่ใครๆจะให้ความสนใจและหันมามอง แต่ในยามต้องเผชิญกับกระแสน้ำหลากที่ไหลมาท่วมอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทุกสิ่งที่เคยแสดงอำนาจแสดงความยิ่งใหญ่ ได้จมน้ำหายไปหมดแล้ว ยังคงมีแต่ต้นอ้อต้นนี้เพียงต้นเดียว ที่ยังคงยืนต้นโดดเด่นเป็นสง่า เป็นตัวแทนและเป็นเครื่องหมายให้ใครๆยังจำได้ว่า ณ ที่ตรงนี้เคยเป็นที่สำคัญและยิ่งใหญ่มาก่อน
ในยามประสบความวิกฤติ จึงจะพบคุณค่าของบุคคลหรือสิ่งที่เราอาจมองข้ามไปในยามปกติ บุคคลสำคัญ วีรบุรุษ วีรสตรี และอัจฉริยบุคคลนั้น ล้วนเกิดขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์ที่วิกฤติ
วิกฤติการณ์ใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นความเลวร้ายโดยทั่วไป แต่ก็เป็นโอกาสให้เกิดวีรบุรุษ วีรสตรีขึ้นมาได้เสมอไม่ว่าจะในสังคมใด
ความยิ่งใหญ่ อำนาจ วาสนา และผลงานความสำเร็จใดๆของบุคคลที่ทำไปตามกระแส ที่เกิดขึ้นในยามสังคมหรือเหตุการณ์ปกติ ย่อมเป็นของธรรมดาสามัญ ซึ่งใครๆก็ย่อมทำได้ ความสำเร็จเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังใจหรือความสามารถที่พิเศษแต่อย่างใด ก็สามารถไขว่คว้าหรือแสวงหามาได้เข้าสู่ตัวเอง
แต่ในยามคับขันหรือในยามวิกฤตินี่สิ จะมีใครสักกี่คน ที่จะอดทนและเข้มแข็ง สามารถต้านทานและฟันฝ่าอุปสรรคจนไปถึงจุดหมายปลายทางได้
จะมีใครสักกี่คนที่ยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย โดยไม่ยอมแพ้และหวาดหวั่นต่อกระแสน้ำเชี่ยว ดุจต้นอ้อต้นนั้น จะมีใครสักกี่คนเล่าที่ยืนสู้ท่ามกลางกระแสน้ำ ในขณะที่จอมปลวกและต้นไม้ทุกต้นได้จมอยู่ภายใต้กระแสน้ำไปหมดสิ้นแล้ว
แม้เป็นเพียงไม้อ้อ ที่ใครๆต่างดูถูกและไม่เคยชายตามองในยามที่ปกติและมีความสุข แต่ในที่สุดเมื่อมวลน้ำมหาศาลไหลหลากมา กลับมีแต่ต้นอ้อซึ่งใครๆเคยมองอย่างไร้ค่า ที่ยังคงยืนเด่นเป็นสง่าอย่างมั่นคง ดำรงรักษาและแสดงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ให้มหาชนได้ประจักษ์แก่สายตาในยามนี้
ดังนั้น ชีวิตของเราจึงไม่ควรดูถูกตนเองว่าเป็นเพียงต้นอ้อเท่านั้น แม้เราจะไม่ได้เกิดมาเป็นพืชพันธุ์ที่สูงใหญ่แข็งแรงเช่นต้นไม้อื่น แต่เราก็ภูมิใจในฐานะที่เราได้เกิดมาเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งบนโลกใบนี้
ในที่สุดเมื่อถึงวันหนึ่ง ในยามที่ทุกชีวิตประสบกับวิกฤติและคับขัน ต้นอ้อที่ดูเหมือนไร้ความหมายและไร้ค่ามาก่อนนั้น กลับเป็นเพียงต้นไม้ต้นเดียวที่ยังดำรงมั่นโบกสะบัดดุจธงชัยอยู่กลางกระแสน้ำ
ขอให้มนุษย์ผู้มุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีงามประดับไว้ในโลกทั้งหลาย จงมั่นคงดุจต้นอ้อที่กำลังโบกไหวต้นนั้น ในยามใดกระแสน้ำพัดมาแรง ต้นอ้อก็อาจจะลู่ไหวไปตามบ้างเพื่อถนอมเรี่ยวแรงตัวเองเอาไว้ นี้คือศิลปะของการมีชีวิตในยามพบกับความวิกฤติและอุปสรรคปัญหาทั้งปวง
ดำรงมั่นท่ามกลางปัญหาและมรสุมชีวิตทั้งปวง ไม่ยอมแพ้ ไม่มีคำว่าสิ้นหวัง มีสติตั้งมั่น รู้กาย รู้ใจไว้เสมอ ไม่สาละวนกับอดีต อนาคต ดุจต้นอ้อต้นนั้นที่แสนอัศจรรย์ มันช่างโดดเด่นและท้าทายยิ่งนัก มันช่างมีความงดงามและน่าชื่นชมยิ่งนัก
ต้นอ้อกลางกระแสน้ำเชี่ยว...ช่างสง่า ช่างดูมีอานุภาพ และช่างแผ่พลังที่เข้มแข็งออกมายิ่งนัก...เราขอคารวะต้นอ้อต้นนั้นดุจเครื่องรางอันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเต็มหัวใจ
และเราจะเป็นต้นอ้ออีกต้นหนึ่ง ที่ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคหรือความเชี่ยวกรากของชีวิตใดๆ เพราะยืนหยัดอยู่กลางกระแสน้ำอีกไม่นานเพียงใด กระแสน้ำทั้งหลายก็จะไหลผ่านไปและเหือดแห้งหมดแล้ว
คุรุอตีศะ
๘ ตุลาคม ๒๕๕๖