เพียงได้มีวันนี้
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
เพียงได้มีวันนี้
จากวันที่ได้มีโอกาสลืมตามาดูโลก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ได้ช่วยประคับประคองเลี้ยงดูเรามา จนผ่านพ้นอันตรายและเติบใหญ่ จนกระทั่งได้มีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ นี่จะไม่ใช่ความโชคดีอันยิ่งใหญ่ ที่เราควรภาคภูมิใจและสำนึกขอบคุณแด่ทุกคนและทุกสิ่งหรอกหรือ?
หากการมีชีวิตรอดปากเหยี่ยวปากกาและรอดพ้นอันตรายสารพัดจนมาถึงวันนี้ได้ แล้วไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ แล้วจะเป็นอะไรเล่า? หากการมีชีวิตอยู่ในวันนี้ ไม่ควรแก่การรู้สึกสำนึกตื้นตันและขอบคุณแล้วไซร้ แล้วยังจะมีสิ่งใดควรแก่การขอบคุณได้อีก
มักจะมีแต่คนสอนเราว่า ให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณ แต่ไม่เคยมีใครบอกเราให้สำนึกรู้คุณในการมีชีวิตอยู่มาถึงวันนี้ของเรา เราไม่เคยรู้สึกว่า ชีวิตที่เรากำลังได้รับอยู่ขณะนี้ ควรที่เราจะกตัญญูรู้คุณ ด้วยเหตุนี้เราจึงพากันทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัส เพราะขาดความกตัญญูรู้คุณต่อชีวิตของตัวเองที่ได้เกิดมาและอยู่เรื่อยมาด้วยความสวัสดีจนถึงวันนี้
เราควรสำนึกตื้นตันและรู้คุณผืนดิน ที่สองเท้าของเราเดินเหยียบย่ำอยู่ทุกวันนี้เสมอ เราควรตื้นตันและขอบคุณแสงแดด ที่นำแสงสว่างมาให้เราทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เราควรสำนึกและตื้นตันที่สายลมและสายฝน ได้นำพาความสดชื่นชุ่มฉ่ำมาให้ โดยที่เราไม่ได้ลงทุนสิ่งใด
แผ่นดิน แสงแดด สายลม สายฝน นำสิ่งดีงามและรางวัลมาสู่ชีวิตของเราเสมอ ได้ทำหน้าที่”ผู้ให้”อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าตัวเรานี้จะไม่เคยสำนึกรู้คุณแม้แต่นิดเดียว
ข้าวก็พอมีกิน แผ่นดินก็มีเดิน แดดก็ยังมีส่อง โดยเราไม่ได้เรียกร้องและลงทุนอะไรแม้แต่น้อย แล้วเรายังจะเรียกร้องอะไรมากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกหรือ เหตุใดเราจึงได้เห็นแก่ตัวนักเล่า คำขอบคุณต่อชีวิตแม้แต่คำเดียวก็ไม่เคยมีเลย การสำนึกรู้คุณในแสงแดด ผืนดิน ก็ไม่เคยรู้จัก เราทำตัวเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียวจนชินเคย
เริ่มรู้จักที่จะขอบคุณต่อความยิ่งใหญ่ของชีวิตเสียแต่วันนี้ เริ่มสัมผัสและสำนึกรู้คุณต่อผืนดินที่เราเดินเหยียบย่ำมาแต่เด็กที่หัดเริ่มตั้งไข่ รู้คุณของแสงแดดที่ให้ชีวิตใหม่และให้ความหวังแก่เราในทุกเช้า รู้คุณของทุกคำข้าวที่เราเคี้ยวกลืนลงไปที่ต่อชีวิตเราทุกวัน
จงรู้สึกตื้นตันที่ดวงตาคู่นี้ของเรา ยังมีโอกาสทัศนาผู้คนที่เดินผ่านไปมาและความงดงามของโลกใบนี้ ตื้นตันที่หูของเรายังปกติดีที่ได้มีโอกาสฟังสรรพสำเนียง ขอบคุณเสมอที่มีมนุษย์มากมายอยู่เป็นเพื่อนเราบนโลกใบนี้ ไม่ให้เราต้องโดดเดี่ยวและอยู่คนเดียว อย่างน้อยเขาก็ยังทำให้เราอุ่นใจว่ายังมีเพื่อนมนุษย์อยู่ในโลก
เราควรสำนึกและตื้นตันเสมอต่อคู่ครองหรือคนรักของเรา ที่เขายังไม่ทิ้งเราแม้จะทะเลาะมีปากเสียงกันบ้าง ขอบคุณที่เขายังมีเยื่อใยและห่วงใย แม้บางครั้งอาจจะไม่ค่อยเอาใจเราเท่าใดนัก เพียงเขามาอยู่กับเรา เราก็รู้สึกตื้นตันและขอบคุณอย่างที่สุดแล้ว เพราะบางครั้งตัวเราก็เป็นคนที่ไม่น่าอยู่ด้วยเท่าใดนัก ซึ่งก็มีอยู่บ่อยเหมือนกัน ดังนั้น เพียงเขามาอยู่ด้วย เราก็ตื้นตันและขอบคุณอย่างยิ่งแล้ว
ขอบคุณที่บางครั้งที่เถียงกัน ฉันเป็นฝ่ายผิดแท้ๆ แต่ฉันก็เฉไฉหาเหตุผลมาอ้างทำให้เขาเป็นฝ่ายผิดไปจนได้ แล้วเขาก็ยอมเป็นฝ่ายผิดเพื่อให้สงครามสงบเสมอมา แล้วฉันจะไม่ซาบซึ้งและขอบคุณได้อย่างไร
ขอบคุณบ้านหลังนี้ที่ให้เราพักพิงหลับนอนด้วยความปลอดภัยเสมอ ขอบคุณรถคันนี้ที่แม้จะเก่าและตกรุ่น แต่ก็ให้ความอบอุ่นนำพาไปถึงจุดหมายด้วยความซื่อสัตย์ตลอดมา
เรารู้สึกขอบคุณศัตรูและคู่ปรปักษ์ที่ทำให้เราเข้มแข็งและมีความเชี่ยวชาญในชีวิตมากขึ้น ขอบคุณความซื่อและความไร้เดียงสาที่ช่วยคุ้มครองชีวิตและหัวใจของเรา ไม่ให้ตกต่ำและเสื่อมถอยไปกับมรสุมชีวิตที่ผ่านเข้ามา ขอบคุณยิ่งนักที่ชีวิตของเราได้ผ่านอุปสรรคนานาด้วยหัวใจที่ซื่อตรงต่อความจริง
ขอบคุณความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์ใจที่ทำให้ดวงใจของเราไม่พลาดพลั้งไปใช้เล่ห์กลเหมือนคนอื่น ขอบคุณที่ชีวิตนี้ได้มีคนช่วยอบรมสั่งสอนและแนะนำ ขอบคุณและตื้นตันที่ชีวิตของเราได้มีโอกาสพบพระธรรมและความสูงส่งของศาสนา ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ นี้คือความอัศจรรย์อย่างที่สุด
ขอเพียงได้มีชีวิตอยู่วันนี้ เราก็แสนจะยินดีและปลื้มปีติที่สุดแล้ว
คุรุอตีศะ
๑๙ กันยายน ๒๕๕๖
วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะเส็ง