ผู้ดีกับอริยะ

ผู้ดีกับอริยะ


              ความเป็นผู้ดี ทำให้ผู้คนทั่วไปมองบุคคลนั้นว่าเป็นคนดี  เป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้สังคมและใครๆยอมรับ  ความเป็นสุภาพบุรุษ  ความเป็นสุภาพสตรี  หรือความเป็นสุภาพชนนั้น  เกิดจากกิริยามารยาทที่ได้รับการศึกษาอบรม   จากครอบครัวจากวงศ์ตระกูล สถาบันการศึกษา  ระบบวัฒนธรรม ศาสนา หรือขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม  ความเป็นผู้ดีมักตัดสินจากกิริยาที่สุภาพนุ่มนวลและวาจาที่แสดงออกมาในภายนอก  และคนส่วนใหญ่มักตัดสิน “ความเป็นคนดี”จากความเป็นผู้ดีนี้แหละ และมักตัดสิน”คุณธรรม”ของผู้คนจากการแสดงออกแบบผู้ดีนี้เป็นส่วนมาก


             ความเป็นผู้ดี ไม่สามารถนำมาวินิจฉัยหรือตัดสินความมีคุณธรรมของผู้คนได้เสมอไป  เพราะความเป็นสุภาพบุรุษ ความเป็นสุภาพสตรีนั้น  มาจากพื้นฐานจิตใจที่รักตัวเองและต้องการการยอมรับจากผู้อื่น  ผู้ดีทั้งหลายมักสนใจที่จะให้ใครๆมองว่าตัวเองเป็นคนดี  สนใจที่จะได้รับการยกย่อง ให้เกียรติ หรือได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นหลัก  ส่วนจิตใจภายในหรือกิเลสตัณหาทั้งปวงที่อยู่ภายในของตนนั้น  ก็อาศัยการกดข่ม ควบคุม บังคับไว้ เหมือนการกวาดขยะซุกไว้ใต้พรม เพื่อแสดงออกต่อสังคมหรือบุคคลอื่นให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดูดีไว้เสมอ  ผู้ดีหรือสุภาพชนทั้งหลายจึงมีภาระที่หนักอึ้งที่ต้องคอยแบกเกียรติและหน้าตาไว้ตลอดเวลา  บางครั้งต้องยอมสูญเสียคุณธรรมและความมีมนุษยธรรมเพื่อรักษาเกียรติ รักษาศักดิ์ศรีของตนเองไว้ก็มี  และเมื่อวันใดกิเลสที่ตนเองเคยกดข่มและปกปิดไว้ปะทุออกมา  วันนั้นผู้ดีหลายคนก็ต้องกลายเป็นคนดีที่เสียแล้วหรือคนดีที่เสียคนในภายหลังปรากฏให้เห็นบ่อยๆ


            ความเป็นผู้ดี ไม่ใช่เส้นทางอริยะ แต่เป็นการฝึกฝนกิริยามารยาทและวาจาเพื่อให้สังคมยอมรับ  เป็นที่ถูกใจชาวโลก ถูกใจสังคมเป็นสำคัญ  แต่เส้นทางอริยะ คือ การมีชีวิตอยู่กับความเป็นจริงด้วยความมีสติปัญญา เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองอย่างยิ่ง  กล้าปฏิเสธต่อสังคมที่กำลังหลงทาง หรือไหลไปตามกระแสความเชี่ยวกรากของความโลภ ความโกรธ ความหลง มีความซื่อตรงต่อคุณธรรมโดยไม่มีความหวั่นไหวใดๆ ความเป็นผู้ดีต้องคอยแคร์สังคม แต่ความเป็นอริยะไม่แคร์สังคมที่เสแสร้งจอมปลอมอีกต่อไป  แต่เข้าใจและเมตตาชาวโลกผู้ยังข้องติด แม้บางครั้งชาวโลกจะไม่เข้าใจท่านก็ตาม


           ความเป็นอริยบุคคลไม่ใช่ความเป็นผู้ดี ความเป็นอริยะย่อมอยู่เหนือความเป็นไพร่หรือผู้ดี อยู่พ้นไปจากความมีเกียรติหรือความต่ำต้อย ไม่มีคำว่าชนชั้นสูงหรือชนชั้นต่ำ ไม่มีคำว่าผู้สูงศักดิ์หรือสามัญชน ท่านทั้งหลายพึงตระหนักในข้อนี้


           แต่สำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี หรือผู้ดีที่ฝึกกิริยามารยาทไว้ดีมาก่อนแล้ว เมื่อเจริญอริยมรรคจนเข้าสู่กระแสแห่งธรรมแล้ว ย่อมกลายเป็นพระอริยบุคคลที่เป็นแบบอย่างให้อนุชนคนรุ่นหลังยึดถือเป็นแบบอย่างได้ และจะสามารถเผยแผ่สัจธรรมได้กว้างไกลเป็นที่ยอมรับ เพราะปุถุชนทั้งหลายย่อมเลื่อมใสในกิริยาภายนอกมากกว่าจะสนใจคุณธรรมภายในเป็นธรรมดา  พระอรหันต์สาวกเมื่อแรกเริ่มที่พระองค์ประกาศศาสนา ก็ล้วนมาจากตระกูลผู้ดีและเป็นปัญญาชนทั้งสิ้น  พระสาวกที่จะเป็นกำลังในการเผยแผ่และประกาศพระศาสนาจึงต้องมีคุณสมบัติที่ทั้งเปี่ยมด้วยคุณธรรมและความเป็นผู้ดีอยู่ในตัว


             ผู้ดีที่มีวาสนาได้เจริญสติ ได้เจริญภาวนาขัดเกลาจิตใจตนเองด้วยความไม่ประมาทในกิเลสเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ดีทั้งภายในและภายนอก   เป็นผู้ดีที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมภายใน  และเป็นผู้ดีที่ทรงไว้ซึ่งคุณงามความดีไว้ได้ตลอดสายหรือตลอดชีวิต  นั่นคือชีวิตของมนุษย์ที่ประเสริฐและงดงามที่หาได้ยากยิ่งโดยแท้


             ความเป็นผู้ดีหรือความเป็นสุภาพชนที่ได้รับการยอมรับจากสังคมโดยทั่วไป  จึงไม่เพียงพอที่จะดำรงคุณธรรมของบุคคลไว้ได้  เพราะเป็นเพียงความดีในภายนอก หรือการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีเท่านั้น  และอุปสรรคขวากหนามที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผู้ดีทั้งหลายไม่สามารถพัฒนาคุณธรรมภายใน จนก้าวไปสู่ความเป็นพระอริยะได้ก็คือ ความมีมายาเสแสร้ง ความไม่จริงใจต่อบุคคลอื่น ความที่ปากกับใจไม่ตรงกัน  ความไม่ซื่อตรงกับความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของตนนั่นเอง  หากไม่มีใครกล้าสอน กล้าเตือนสติ ผู้ดีส่วนใหญ่มักจมอยู่กับนิวรณ์ทั้งห้า และเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาพยาบาท เหมือนละครหรือนิยายหลายๆเรื่อง


            ความเป็นผู้ดีนั้น ไม่ใช่ใครๆจะเป็นได้โดยง่าย  ความเป็นสุภาพบุรุษ ความเป็นกุลสตรี มิใช่สิ่งที่จะกระทำบำเพ็ญได้ง่าย ต้องมีขันติ ความอดทน อดกลั้น  มีหิริโอตตัปปะอย่างสูง จึงจะประคองตนให้อยู่ในทำนองคลองธรรมมาได้  จึงได้รับการยอมรับ ได้รับการยกย่องจากคนทั้งหลาย


            แต่ถ้าเราต้องการจะก้าวพ้นจากความหนักอกหนักใจที่ต้องคอยแบกความเป็นผู้ดีหรือความเป็นคนดีตลอดมานั้นเสีย  เราต้องก้าวพ้นไปจากความเป็นผู้ดีด้วยการเริ่มมีชีวิตที่เรียบง่าย ลดตัวลดตน ลดการถือยศถือศักดิ์  ลดตัวลงมาเกื้อกูลช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มีชีวิตแบบ “ยากจนอย่างเต็มใจ”ให้มากขึ้น  แล้วหัวใจของเราจะพบกับความปลอดโปร่งอย่างไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต


            การมีชีวิตแบบไข่ในหินนั้น ไหนเลยจะมีคุณค่าต่อโลกและเพื่อนมนุษย์เท่ากับเด็กในสลัมที่ตากแดดเร่ขายพวงมาลัยเพื่อเลี้ยงยายที่ตาบอด  เขาไม่เห็นจะต้องการเป็นคนดีอะไร นอกจากอยากได้อาหารไปเลี้ยงยายให้อิ่มท้องในเย็นวันนี้  


           ชีวิตของความเป็นพระเมื่อครั้งดั้งเดิมสมัยพุทธกาล แท้จริงแล้วก็คือชีวิตของผู้ดีที่สละความเป็นผู้ดี ไปสู่ชีวิตคนธรรมดาสามัญนั่นเอง  สละยศ สละเกียรติ สละศักดิ์ศรีที่สุดแสนจะหวงแหนและยึดมั่นของชาวโลก ไปสู่ชีวิตที่ไม่ต้องมีอะไรเป็นกังวล เพียงมีบาตรและจีวรก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้ว  ชีวิตของพระคือชีวิตที่ยากจนภายนอกในสายตาชาวโลก แต่ภายในนั้นมั่งคั่งและเต็มเปี่ยมเสมอ


            ชีวิตของพระที่แท้จริงนั้น ภายนอกอาจเป็นขอทาน  แต่ภายในนั้นคือพระจักรพรรดิผู้บริบูรณ์เสมอ  ด้วยเหตุนี้พระสาวกทั้งหลายท่านจึงสืบพระศาสนาคือชีวิตที่ดีงามนี้ ตกทอดมาสู่พวกเราจนถึงปัจจุบัน  ศาสนาจึงยิ่งใหญ่เพราะเหตุนี้


         อย่ามัวรักษาความเป็นผู้ดี หรือรักษาภาพลักษณ์เพื่อให้คนทั้งหลายชื่นชมว่าเป็นคนดี  เพราะความดีเช่นนั้นยังไม่เที่ยงแท้และยั่งยืน  วันใดเกิดอดทนอดกลั้นไม่ไหว  ภาพลักษณ์ความเป็นคนดีอาจละลายไปในพริบตา


        เส้นทางที่ประเสริฐและปลอดภัยที่สุดไม่มีอะไรยิ่งกว่า “ มรรคาแห่งอริยะ”ที่พระพุทธองค์ทรงประทานเป็นมรดกไว้แล้ว จงเริ่มซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อหัวใจของตัวเองตั้งแต่วันนี้  โกรธก็มีสติระลึกรู้ในอาการของความโกรธตามความเป็นจริง  ไม่ต้องเสแสร้งว่าไม่โกรธหรือบังคับตนเองให้เป็นคนดี  การทำเช่นนั้นจะเหมือนกวาดขยะเข้าใต้พรม แต่การมีสติอยู่กับความเป็นจริง ไม่ต้องบังคับหรือคาดหวังว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว  นั่นแหละคือการสละความเป็นทาสทางใจ  สู่ความเป็นไท สู่ความเป็นอิสระทีละน้อย  เหมือนการพยายามล้าง พยายามเช็ด พยายามถู ทุกซอกทุกมุม ไม่มีการกลบเกลื่อนซ่อนเร้น  ในที่สุดห้องก็สะอาดอย่างแท้จริง ไม่เหลือขยะตกค้างหรือละอองฝุ่นผงใดๆ


        ตระหนักไว้เสมอว่า  เส้นทางอริยะ ไม่ใช่ความเป็นผู้ดีหรือความเป็นไพร่  ไม่มีคำว่ายิ่งใหญ่หรือต่ำต้อย ไม่มีสูงไม่มีต่ำ  ไม่มีคำว่าพระคำว่าโยม ไม่มีความเป็นหญิงหรือชาย  เป็นเส้นทางแห่งความปลอดโปร่งและจางคลาย  เหมือนคนทยอยของที่หนักบ่าลงมาทีละน้อย  มีแต่ความเบาไปหน้าเรื่อย


        ความเป็นผู้ดี หรือความเป็นคนดี เป็นเส้นทางของชาวโลกที่หวังในเกียรติให้คนชื่นชมยอมรับ  แต่เส้นทางอริยะเป็นเส้นทางที่อยู่อย่างมีเกียรติหรืออยู่อย่างไร้เกียรติก็ได้  ความเป็นผู้ดีย่อมมุ่งหวังให้คนสรรเสริญยกย่องชื่นชมอย่างเดียว  แต่เส้นทางอริยะ ไม่หวั่นไหวทั้งต่อคำสรรเสริญหรือคำนินทา  ความเป็นผู้ดีต้องแบกเกียรติแบกศักดิ์ศรีตลอดเวลา  ส่วนเส้นทางของอริยะคือการยืนอยู่เหนือศักดิ์ศรีและเกียรติยศทั้งปวง  มีอิสระและเบิกบาน เพราะใจไม่ตกเป็นทาสสิ่งใด


คุรุอตีศะ
๑๗  กันยายน  ๒๕๕๖