อยู่อย่างเรียบง่าย

อยู่อย่างเรียบง่าย


           ชีวิตผู้คนในปัจจุบัน  สะดวกสบายด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก การเดินทางก็รวดเร็วว่องไว ข่าวสารที่อยู่ห่างไกลคนละมุมโลก ก็รับรู้และติดต่อสื่อสารกันได้เพียงแค่ปลายนิ้วมือเพราะมีอินเทอร์เน็ต จะทานอาหารเลิศหรูอย่างไรก็มีให้สนองความต้องการได้อย่างทันใจและพิสดาร จะท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ไปได้ทันทีทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ  เราจะทำสิ่งใดก็ทำได้ดังใจเหมือนเทพเจ้าองค์หนึ่ง


             แต่สิ่งหนึ่งที่ลดลงไปทุกทีและเริ่มขาดหาย คือ ความเยือกเย็นใจ ความสบายใจ ความเบิกบานใจ ความอิสรเสรี ความเรียบง่าย และความสงบสุขในการดำรงชีวิต ที่เราเคยพากันดูหมิ่นสมัยที่กำลังไขว่คว้าแสวงหาความมั่งคั่งและการเทียมหน้าเทียมตากับคนอื่นในสังคม กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เราหลงดูหมิ่นคิดว่าเป็นก้อนกรวดในสมัยก่อน แท้จริงแล้วคือทองคำอันล้ำค่าที่หลงโยนทิ้งไปด้วยความไม่รู้โดยแท้ ชีวิตก็ต้องเผชิญกับบทเรียนอย่างหนักและเกือบจะสายเกินไป


             เป็นเวลาครึ่งศตวรรษที่ผู้คนทั้งหลายได้ฝากชีวิตไว้กับวิถีชีวิตแบบอุตสาหกรรม คนส่วนใหญ่ได้กลายเป็นหุ่นยนต์ กลายเป็นเครื่องจักรที่มีลมหายใจ ได้พากันวิ่งไล่ไขว่คว้าไปตามลัทธิบริโภคนิยม คนที่แย่งชิงสะสมความร่ำรวย อำนาจ วาสนาไว้ได้มากกว่าคนอื่น ได้รับการยกย่องโดยทั่วไป แม้ว่าการที่เขาได้สิ่งเหล่านั้นมาจะถูกต้องตามทำนองคลองธรรมหรือไม่ก็ตาม แต่คนทั้งหลายก็จะยอมค้อมหัวให้ได้เสมอ ความยิ่งใหญ่ของคนจึงวัดกันที่ทรัพย์สินเงินทองและอำนาจราชศักดิ์แทนคุณธรรมความดี ด้วยเหตุนี้สังคมของเราจึงได้ถึงทางตัน และไม่รู้จะพากันหาประตูทางออกได้ทางทิศไหน  จึงพากันจับเจ่าเหงาหงอยอยู่เป็นอันมาก


              ความเป็นจริงแล้ว ประตูทางออกยังคงเปิดอยู่เสมอ ประตูทางออกไม่เคยตันและเปิดไว้ต้อนรับผู้ที่เดินถูกทิศสู่ประตูทางออกอยู่ตลอดเวลา แต่ผู้คนทั้งหลายต่างพากันเดินเส้นทางผิด เขาจึงเดินไปพบทางตันและเจอกำแพงอย่างจัง  เหตุผลก็คือว่า ประตูทางออกอยู่ทางทิศตะวันออก แต่เขาพากันเดินตามคนที่นำทางผิดที่พาเดินไปทางทิศตะวันตก ผลก็คือเจอทางตันและพบกับกำแพงอันมหึมา หากบุคคลใดต้องการออกสู่ประตูทางออก ก็เพียงหันหลังกลับยอมรับความจริง เพียงเท่านั้นก็พบทางออกและก้าวสู่ชีวิตใหม่ที่อิสระเบิกบานแล้ว


             สำหรับทางออกของชีวิต ไม่จำเป็นต้องกลับหลังหันร้อยแปดสิบองศาถึงเพียงนั้น เพียงแต่ลดความหรูหราฟุ่มเฟือยลงมา แล้วมีชีวิตที่เรียบง่ายให้มากขึ้น ชีวิตก็จะเริ่มทอแสงแห่งอรุณของความสุขแล้ว


           ตอนยากจนมีแต่คนดูถูก เราอาจเคยตั้งปณิธานและมุ่งมั่นสร้างชีวิตให้พ้นจากความยากจนและการดูถูกเหยียดหยามจากญาติพี่น้องและผู้คนทั้งหลาย แต่เมื่อเราผ่านพ้นหลุมบ่อและขวากหนาม จนกระทั่งประสบความสำเร็จแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นอีก เราต้องมีความเป็นไท มีอิสระ ไม่ตกเป็นทาสของปากคำของชาวบ้านหรือของใครอีกต่อไป เราควรเสวยความอิ่มเอมใจกับรางวัลแห่งความเหนื่อยยากโดยไม่ใส่ใจต่อการสรรเสริญหรือการนินทาของใครอีกแล้ว และหลังจากเราอิ่มใจกับความหรูหราฟุ่มเฟือยจนถึงจุดหนึ่ง เราจะรู้สึกว่าเกิดความเบื่อหน่ายและถึงทางตัน เราอาจกลับมาสู่ชีวิตเรียบง่ายอีกครั้งหนึ่งก็ได้ แล้วคราวนี้แหละชีวิตเราจะมีแต่ความอิสระเบิกบานและไม่พบทางตันอีกเลย  มีแต่ความปลอดโปร่งไปจนตลอดชีวิต


            ชีวิตที่สมบูรณ์และผาสุก ไม่ใช่ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยหรูหรา แต่คือชีวิตที่เรียบง่าย การที่เราต้องคอยรักษาเกียรติ รักษาหน้าตา ต้องการให้เป็นที่ยอมรับของใครๆ เราจึงต้องการความหรูหราฟุ่มเฟือยเพื่อประดับชีวิตให้มีค่าหรือดูมีราคา แต่ก็เป็นชีวิตที่มีภาระตลอดเวลาและมีแต่ความวิตกกังวล เพราะเป็นชีวิตที่ต้องจัดแจงจัดเตรียมอย่างมาก ต้องมีการปรุงแต่งและสวมหน้ากากเพื่อให้ดูดีตลอดเวลา จึงมีแต่ความกระวนกระวายเพราะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของสังคม ต้องเป็นทาสคนอื่นเพื่อให้ผู้อื่นยอมรับ ชีวิตเช่นนั้นจึงไม่ใช่ชีวิตที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง แต่คือการแสดงละคร และเป็นนักแสดงตลอดเวลา นับแต่วันลืมตาขึ้นมาพบกับอรุณของวันใหม่  และสุดท้ายชีวิตเช่นนั้นก็ต้องพบทางตันเป็นธรรมดา เพราะไม่มีใครจะแสดงไปได้ตลอด ในที่สุดก็พบว่า บทบาทแห่งการแสดงแม้จะสูงส่งและดีเด่นได้รับคำชื่นชมเพียงใด ก็ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับความเป็นตัวเอง


              การอยู่อย่างเรียบง่าย คือการเป็นตัวเองอย่างแท้จริง การอยู่อย่างเรียบง่ายไม่ใช่การแสดงละคร ผู้ที่อยู่เรียบง่ายจึงรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง การอยู่อย่างเรียบง่ายคือการกลับคืนสู่ธรรมชาติความเป็นตัวเอง ดุจการกลับคืนสู่บ้านอันแสนอบอุ่น เพียงเราหยุดวิ่งตามสังคม แล้วหยุดยืนชื่นชมบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวเรา แล้วสูดอากาศให้เต็มปอดอย่างเต็มที่ ให้ทุกคนเขาวิ่งล่วงหน้าเราไปก่อนสักพักก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรมากนัก


             เมื่อเราสูดอากาศจนมีพลังเต็มเปี่ยม แล้วเราจะวิ่งต่อไปก็ไม่เป็นไร แต่คราวนี้เราจะวิ่งด้วยความสุข วิ่งด้วยท่วงท่าอันสง่างาม อย่างอิสระและเบิกบานใจ และทุกย่างก้าวที่เราวิ่งไปย่อมคือหลักชัยของเราเสมอ  ชีวิตที่เรียบง่ายนั้นแหละคือบ้านที่แท้จริงของเรา


คุรุอตีศะ
๑๑  กันยายน  ๒๕๕๖