แสวงหาความรัก

แสวงหาความรัก


            คนทั้งหลายที่มีความทุกข์ก็เพราะหัวใจขาดแคลนความรัก ที่แสวงหาธรรมะหรือมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมกันอยู่นั้น แท้ที่จริงแล้วเขาแสวงหาความรัก แต่ไปใช้ชื่อให้ดูดีให้ดูสูงส่งหน่อยว่าแสวงหาธรรมะหรือต้องการปฏิบัติธรรม  ซึ่งแทบจะเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เกิดจากจิตใจที่ขาดแคลนความรัก แต่เขาทั้งหลายไม่รู้ตัว เขาต่างแสวงหาสิ่งที่มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตคือความรัก


            พระส่วนใหญ่ก็ไม่เฉลียวใจว่าคนสมัยนี้ขาดแคลนความรัก ยังเข้าใจว่าผู้คนที่มาวัดนั้นเขาแสวงหาความหลุดพ้นเหมือนสมัยหลวงปู่มั่น หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ฝั้น  พระก็สอนธรรมะไป  ส่วนญาติโยมก็แสวงหาความรักไป ฟังธรรมเท่าไหร่ นั่งสมาธิ  เดินจงกรมเท่าไหร่ ทำไมนิสัยและกิเลสยังเหมือนเดิม ต่างก็แปลกใจ ก็เพราะก้นบึ้งในหัวใจเขาเรียกร้องความรักความเอาใจใส่ ต้องการคนเข้าใจ ไม่ใช่ต้องการธรรมะอะไร  แต่พระท่านไม่เข้าใจเพราะยังคิดว่าโยมต้องการธรรมะ ความจริงแล้วเขาแสวงหาความรักและความเข้าใจต่างหาก


             ผู้คนในยุคสมัยของเรานี้  ส่วนใหญ่จะขาดความรักความอบอุ่นตั้งแต่ในวัยเด็ก บางคนกำพร้าพ่อ บางคนกำพร้าแม่ บางคนพ่อแม่หย่าร้างกัน บางคนสมัยเป็นเด็กแทบจะไม่ค่อยได้สัมผัสอ้อมอกของพ่อหรือแม่ เพราะสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่คนในครอบครัวไม่มีโอกาสอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน บางครอบครัวแทบไม่มีเวลาพูดคุยกัน นี้คือพื้นฐานปัญหาชีวิตของคนสมัยนี้

 
             ใครก็ตามที่ชีวิตก่อนเจ็ดขวบไม่ได้รับความรักความอบอุ่นในครอบครัวเพียงพอ เขาจะเติบโตขึ้นทางร่างกายเหมือนคนทั่วไป แต่ภายในจิตใจนั้นจะยังเป็นเด็กที่เรียกร้องความรักความเอาใจใส่หรือเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเสมอ  ถ้าเป็นผู้ชายก็มักจะเจ้าชู้โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงเจ้าชู้ จนกว่าจะเกิดสติตระหนักรู้ตัวเองตามความเป็นจริงขึ้นมาว่า แท้ที่จริงแล้วที่ตนเองแสวงหาผู้หญิงมากมาย ก็เพื่อชดเชยปมด้อยภายในจิตใจที่ขาดแคลนความรักจากอ้อมอกของแม่นั่นเอง จนกว่าจะได้พบสตรีที่มีจิตใจรักและหวังดีด้วยความจริงใจที่มาเติมเต็มหรือชดเชยความรักของแม่ที่ขาดหายไป นั่นแหละผู้ชายคนนั้นจึงจะเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้


              จิตใจที่ขาดแคลนและโหยหาความรักนี้ ถ้าเป็นสตรีก็มักพอใจและยินดีที่จะมีผู้ชายมาติดพันหลายๆคน จะรู้สึกว่ามีความสุขและภาคภูมิใจที่ตนเองมีคุณค่า แต่ก้นบึ้งในหัวใจจะหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจใคร เพราะลึกๆแล้วไม่เคยเชื่อมั่นว่าจะมีใครที่รักเราจริง  ได้แต่รอวันที่ผู้ชายจะมารักเราจริง แต่ไม่เคยคิดว่าตนเองนั้นได้มีรักจริงแค่ไหนเพียงไร      ผู้คนส่วนใหญ่ในยุคสมัยของเรา จึงมีแต่เรียกร้องให้คนอื่นรักแท้รักจริง แต่ตัวเองนั้นรักใครจริงหรือจริงใจหวังดีต่อเขาจริงหรือไม่ลืมคำนึง เราจึงมีแต่คนขาดแคลนและเรียกร้องหาความรักกันอยู่ทั่วไปทั้งชายและหญิงในสังคมปัจจุบัน

                  สามีก็คอยแต่จะให้ภรรยารักและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ส่วนภรรยาก็เอาแต่เรียกร้องและคอยควบคุมบังคับให้สามีรักเราคนเดียว ต่างคนต่างมีเงื่อนไขที่จะต้องรอให้อีกฝ่ายรักตัวเองก่อน ซึ่งหารู้ไม่ว่านั่นมิใช่ความรักเลย  เพราะคือธุรกิจหรือการค้าการลงทุน แต่ต่างเข้าใจเอาเองว่านี้คือความรัก

                 การจะดูว่าตัวเราเองมีความรักจริงหรือไม่ ให้ดูจากใจที่ไร้เงื่อนไขมากน้อยเพียงใดต่อบุคคลที่เรารัก หากมีเงื่อนไขภายในจิตใจมาก ก็ให้ทราบว่ารักแท้ภายในหัวใจของเรามีน้อย  คนที่ขาดความรักแท้ต่อบุคคลอื่น จะมีปัญหาชีวิตเรื่อยไป เมื่อมีครอบครัวหรือคู่ครองก็ย่อมมีปัญหา เพราะปัญหาทุกอย่างเริ่มต้นไว้ตั้งนานแล้วตั้งแต่หัวใจของเราดวงนี้รักใครไม่เป็นหรือเข้าไม่ถึงความรัก แม้ไปบวชเป็นพระก็จะต้องการบริวารต้องการความยิ่งใหญ่ หรือไปปฏิบัติธรรมก็ต้องการได้ฤทธิ์อยากเป็นผู้วิเศษเหนือคนอื่น ทั้งนี้ก็เกิดจากพื้นฐานจิตใจที่ต้องการให้คนอื่นมารักมากๆเพื่อชดเชยความรักที่ขาดแคลนในหัวใจนั่นเอง คนขาดแคลนความรักจะว้าเหว่และต้องการเพื่อนฝูงหรือชอบแสดงตัว  แต่ผู้เต็มปี่ยมด้วยความรักจะไม่แสวงหาสิ่งใด นี้คือกฎแห่งธรรมดา

                   คนขาดแคลนความรักถ้าเป็นสตรีก็มักข่มสามีให้อยู่ในอำนาจ หรือพยายามจะเท่าเทียมหรืออยู่เหนือผู้ชาย คนขาดแคลนความรักถ้าเป็นบุรุษก็มักดูหมิ่นสตรีเพศและมองเห็นคุณค่าของสตรีเพียงแค่สนองตัณหาหรือกามารมณ์ และจะไม่มีความไว้วางใจในสตรี หากชายและหญิงอย่างที่กล่าวมานี้มีชะตาชีวิตต้องมาอยู่ด้วยกัน  ทั้งสองฝ่ายจะเล่นการเมืองและทำสงครามกันกันตลอดเวลา จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้แล้วสมัครใจเป็นเมืองขึ้น สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานจึงจะมีวันสงบและทำให้ผู้คนรอบข้างไม่พลอยโดนลูกหลงจากการทำสงครามของคนทั้งสอง

                  คนรุ่นก่อนสมัยหลวงปู่มั่นและครูบาอาจารย์ที่ท่านล่วงลับไป ชีวิตของท่านเหล่านั้นได้รับการขัดเกลาจากศาสนาและวัฒนธรรมประเพณี ท่านรู้จักและเห็นคุณค่าของการให้ทาน รักษาศีล รู้จักฟังธรรม รู้จักภาวนาตั้งแต่เด็ก มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจมาดีพอและท่านไม่ขาดแคลนความรักความอบอุ่นแบบยุคสมัยของเรา ความรักและกามารมณ์ท่านก็อิ่มเอมอย่างเพียงพอตั้งแต่วันส่งตัวเข้าหออายุสิบเจ็ดสิบแปดถ้าเป็นผู้หญิง หรือถ้าเป็นผู้ชายก็ผ่านการฝึกอบรมวิชาการเป็นหัวหน้าครอบครัวมาแล้วจาการได้ผ่านกรรมวิธี “ทำของดิบให้เป็นของสุก” คือได้บวชเรียนสึกออกมาเป็นทิด การที่ผู้ชายอยู่ในวัยฉกรรจ์อายุยี่สิบปีโดยไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศมาก่อน แล้วบวชอยู่ได้ตลอดพรรษาก็คือการฝึกสติอย่างดีก่อนไปมีครอบครัว หากมีอาจารย์ฝึกอบรมให้เกิดสติเกิดปัญญาที่ดี การที่เขาอดทนต่อพลังทางเพศที่มีมาตามธรรมชาติ โดยอาศัยการประพฤติพรหมจรรย์ในช่วงสำคัญของชีวิตเช่นนั้น  จิตจะได้รับการฝึกฝนจากคนดิบให้กลายเป็นคนสุก ผลก็คือทำให้ผู้ชายที่บวชได้ตลอดพรรษา จิตใจได้รับการพัฒนาให้รู้จักความรักความอ่อนโยน และรักสตรีเพศด้วยจิตใจที่งดงาม ไม่บุ่มบ่ามตามอารมณ์ตามนิสัยดิบๆที่มีอยู่แต่เดิม จะมีความรักแท้และเมตตาต่อศรีภรรยาให้อภัยได้ง่าย จะทำให้เป็นคนมีจิตใจหนักแน่นมั่นคง สามารถอดทนต่ออารมณ์ที่แปรปรวนของสตรีเพศที่ช่างบ่นช่างพูด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายโดยไม่ถือสาหาความ และมีสติคอยตักเตือนในสิ่งที่ภรรยาทำอะไรไม่ถูกไม่ควร เป็นหลักเป็นที่พึ่งให้แก่ภรรยาและครอบครัวญาติพี่น้องได้ นี้คือหลักสูตรอันสำคัญและยิ่งใหญ่ของคนสมัยก่อนที่คนสมัยนี้ไม่ได้เรียน

                 ผู้ชายที่ไม่ได้รับการฝึกในเรื่องนี้หรือฝึกไม่ถูกวิธี เขาจะตกอยู่ใต้อำนาจสตรีเพศและไร้ภาวะผู้นำ ส่วนสตรีที่ไม่ได้รับการฝึกสติให้ดีในเรื่องนี้ จะเป็นคนไม่ค่อยมีความสุขในการมีครอบครัว และไม่สามารถให้ความสุขความสดใสเบิกบานแก่คนในครอบครัวได้ จะกลายเป็นคนเก็บกดมองโลกในแง่ร้าย การบวชก่อนเบียดของผู้ชาย และการรักนวลสงวนตัวจนถึงวันพบเนื้อคู่ของผู้หญิงสมัยโบราณนั้น แท้จริงแล้วก็คือการฝึกสติในธรรมชาติของทางเพศ โดยการควบคุมและพัฒนาพลังทางเพศด้วยสติเพื่อให้เกิดความสมดุลด้วยความแยบคาย เพื่อความสุขความสมบูรณ์ของชีวิตในการครองเรือนของผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตแบบฆราวาสนั่นเอง ส่วนผู้ที่ท่านออกปฏิบัติธรรมหรือแสวงหาทางหลุดพ้นก็คือบุคคลที่ท่านอิ่มตัวแล้วจากชีวิตการครองเรือน ซึ่งบางท่านก็อิ่มในชาตินี้ บางท่านก็อิ่มมาแล้วหลายภพหลายชาติ

                ชีวิตของพวกเราสมัยนี้เราเป็นผู้ขาดแคลนความรัก เราแสวงหาความรัก แสวงหาคนเข้าใจ แสวงหาคนเห็นใจ ต้องการคนมาร่วมฝัน เราจึงต้องเดินทางบนเส้นทางแห่งความรักในการเข้าถึงสัจจะ เส้นทางสายนี้เข้าถึงได้ด้วยดวงใจที่ผ่อนคลาย มีดวงใจเปิดกว้างสู่ธรรมชาติ เพียงเรารักต้นไม้ใบหญ้า รักสายลม แสงแดด และมองเห็นความงดงามของสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มีความรู้ตัวบ่อยๆเนืองๆไม่ว่าจะทำอะไร หัวใจของเราจะค่อยๆได้รับการเติมเต็มทีละน้อย และกลายเป็นผู้ทีมีหัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความรักได้ โดยที่อาจไม่ต้องอาศัยบุรุษหรือสตรีใดมาช่วยเติมเต็มชีวิตของเราก็ได้  เพราะเราได้สัมผัสแล้วซึ่งความรักอันยิ่งใหญ่คือความรักแห่งพุทธะที่เหนือกว่าความรักใดๆในโลกทั้งปวง

              ความรักเช่นนี้แหละที่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของเหล่าพระอริยเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้า ที่เป็นบ่อเกิดพลังสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ ที่แม้อยู่ตามลำพังก็เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ แล้วหลังจากนั้นหัวใจดวงนี้จะไม่เรียกร้องและแสวงหาความรักใดๆอีกแล้ว เพราะความรักที่ทุกคนแสวงหามาเนิ่นนานนั้นเราได้รับแล้วและสถิตอยู่ในใจเราตลอดกาล

คุรุอตีศะ
๑๙  สิงหาคม  ๒๕๕๖