คนไร้อนาคต
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
คนไร้อนาคต
ฉันเป็นคนไม่มีอนาคต เกือบยี่สิบปีแล้วที่ฉันเป็นคนตกงาน นับแต่วันแรกที่ฉันเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก วันรุ่งขึ้นฉันออกขอทานเพื่อการยังชีวิตและร่างกายให้เป็นไป แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่มีคนเอาอาหารมาให้ตามทางที่ฉันเดินไปในยามเช้า เฉพาะข้าวเปล่าก็ตั้งหลายถุง ส่วนกับข้าวนั้นก็มีแกงตั้งหลายอย่างแถมยังมีขนมและผลไม้อีกด้วย
ฉันได้เร่ร่อนไปเรื่อยโดยไร้จุดหมาย ค่ำตรงไหนก็นอนตรงนั้น บางวันก็นอนทับรูงู พอเก็บสัมภาระที่มีติดตัวอยู่เพียงไม่กี่อย่างใส่ในกระเป๋าที่เขาพากันเรียกว่าย่าม งูมันจึงค่อยโผล่หัวแลบลิ้นเลื้อยออกมาสูดอากาศข้างนอกได้ ฉันต้องขอโทษขอโพยงูตัวนั้นยกใหญ่ที่ทำให้มันต้องอึดอัดต่อการหายใจมาตลอดคืน มันรับรู้ว่าฉันไม่มีเจตนาและเห็นใจต่อชีวิตอันไร้ค่าของฉันที่เป็นเช่นเดียวกับมัน แล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันออกประกอบอาชีพและทำมาหากิน มันเลื้อยหาอาหารประจำวันด้วยการจับกบจับเขียด ส่วนฉันก็ออกเดินขอทานเช่นทุกวัน แล้วเราก็จากกันตรงนั้น เพราะต่างก็มีภาระที่สำคัญคือเสาะแสวงหาอาหารใส่ท้องประทังความหิวเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้
ต่อมามีเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ฉันไม่ต้องเร่ร่อนและต้องนอนแบบต้องเบียดเบียนสัตว์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายเช่นนั้นอีกต่อไป มีคนผู้มีอนาคตสร้างกระต๊อบหลังหนึ่งให้ พอได้หลบแดดหลบฝน และไม่ต้องนอนโคนไม้หรือนอนกลางดินอีกต่อไป ฉันรู้สึกสบายใจและภาคภูมิใจยิ่งนักที่ไม่ต้องเร่ร่อนอีกแล้ว หลังจากต้องขอทานทุกเช้าก็ยังมีสถานที่ต้องได้กลับมาพอได้ผูกพันและเอนหลังอย่างสบาย
คฤหาสน์หลังน้อยของฉันที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียวหลังนั้น ประกอบด้วยเสาไม้ไผ่ตงสี่ต้น แล้วมุงด้วยหญ้าคาแปดสิบตับ โดยคนที่พากันมามุงหลังคาก็ทำด้วยความไม่เต็มใจนัก มุงหลังคาไปด้วยก็พากันบ่นไปด้วยว่า ทำไมจึงคิดมาอยู่แบบนี้ กุฏิตามวัดดีๆก็มีอยู่มากมาย งานการอย่างดีใครๆก็อยากทำก็ดันลาออกมา มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้ หลังจากเขาพากันมุงหลังคาท่ามกลางสายฝนที่ตกพรำทั้งวันเสร็จสรรพ พากันยกแคร่เข้าไปตั้ง แล้วก็พากันบึ่งรถออกไปอย่างไม่เหลียวหลัง แล้วก็ไปนั่งประชุมกันโดยกลางวงนั้นมีเหล้ายี่สิบแปดดีกรี กวางทอง และรีเจนซี่พร้อมกับแกล้มอย่างดีประกอบการสัมมนา ในที่ประชุมต่างระดมความคิดวิเคราะห์วิจัยกันว่า ทำไมจึงเกิดมีคนบ้าชนิดนี้ในโลก
ส่วนฉันผู้ที่ใครๆต่างมองว่าเป็นบ้าและไม่มีอนาคต พอทุกคนกลับไปแล้ว ฉันก็เลิกเดินกลับไปกลับมาที่เขาเรียกกันว่าเดินจงกรม แล้วค่อยๆมุดเข้าไปในคฤหาสน์อย่างช้าๆ เพราะหลังคาต่ำแค่หน้าอก แต่พอเข้าไปแล้วช่างมีความผาสุก อย่างชนิดที่บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ ฉันเอากองหนังสือแอบไว้ข้างเตียงด้านหนึ่ง แล้วก็กราบหัวนอนเพราะไม่มีหมอนและไม่มีผ้าห่ม คนจีนยุคแรกที่เข้ามาตั้งรกรากในเมืองไทย ที่คนเขาเล่ายังมีเสื่อผืนหมอนใบ ส่วนฉันเป็นคนยากไร้มีแต่เสื่อไม่มีหมอน แต่ฉันก็อยู่อย่างไม่มีหมอนไม่มีผ้าห่มอยู่เช่นนั้นเป็นเวลาเกือบสองปี นี้คือความเป็นอยู่อันแสนโอ่อ่าในคฤหาสน์ของฉัน
วันหนึ่งกระรอกตัวหนึ่งซึ่งเขาครอบครองอาณาจักรตรงนี้มานาน ได้ไต่ลงมาจากยอดไผ่แล้วมาอยู่ตรงยอดไม้ใกล้ๆ กระรอกได้เอียงคอถามฉันว่า เจ้าจะอยู่ตรงนี้อีกนานไหม เจ้าคนไม่มีอนาคต ขณะนั้นฉันกำลังเอาอาหารที่ขอทานมาได้กำลังจะใส่ปาก ฉันจึงได้ตอบกระรอกไปว่า ก็จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเท่าที่จะอยู่ได้นั่นแหละ เจ้าคงไม่ว่าอะไรนะ กระรอกยิ้มอย่างภูมิใจแล้วเขาก็รีบวิ่งไต่ขึ้นบนยอดไผ่ เหมือนจะโชว์ความยิ่งใหญ่ของมันให้ฉันประจักษ์แก่สายตา
เวลาต่อมา มีคนสูงอายุใส่ชุดขาวเดินเข้ามาสิบคน บอกว่ามาจากวัดใหญ่เข้ามากราบแล้วขอฟังธรรม ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาแกล้งพูดหลอกฉันหรือว่าพูดจริงๆ ฉันก็สาธยายจนเต็มที่ ท่านผู้สูงอายุจากวัดใหญ่กลุ่มนั้นมักจะมาเยี่ยมฉันทุกวันพระ และฉันเองก็พลอยได้รู้ว่าวันนั้นคือวันพระก็เพราะผู้เฒ่ากลุ่มนั้น เพราะไม่เคยมีปฏิทินและไม่เคยฟังวิทยุโทรทัศน์ตลอดทั้งปี
ฉันผู้ไม่มีอนาคตอยู่ที่นี่ก็ร่วมยี่สิบปีแล้ว บางปีคนก็พากันมาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้แน่นขนัด แต่นั่นก็ไม่ค่อยบ่อยครั้งนัก ส่วนที่เห็นเป็นประจำในยามนี้ ก็คือหมาสองตัวที่วิ่งตามเจ้าของและแมวสี่ห้าตัวที่วิ่งไล่หยอกกันสนุกสนาน เวลาฉันเดินผ่านมันก็ไม่แยแสเลยว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร บางทีมันเหลือบมองเห็นฉัน มันก็วิ่งเข้ามากระดิกหางเป็นทำนองจะอ้อนว่า ขอเล่นหน่อยนะ แล้วมันก็กลับไปปล้ำวิ่งไล่กันต่ออย่างสบายใจ ฉันก็ไม่มีอำนาจจะทำสิ่งใดกับมันได้ เพราะเราต่างก็จัดว่าเป็นผู้ไม่มีอนาคตด้วยกัน ต่างเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี จึงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
วันหนึ่งของปีนี้ นกกางเขนดงมันบินมาขอทำรังในร่มเก่าที่ไม่มีสายรัดที่แขวนอยู่หน้ากระท่อม ฉันเคยคิดว่าจะเอาร่มที่ชำรุดคันนี้ไปทิ้งถังขยะอยู่หลายครั้งแต่ก็ลืมทุกครั้ง จนกระทั่งกางเขนดงมาส่งเสียงอยู่ใกล้และบ่อยๆ สักพักก็คาบใบไม้เก่าๆและเศษหญ้าชิ้นเล็กๆมาใส่ในร่มที่เปิดอ้าแขวนทิ้งไว้คันเก่าๆคันนั้น ฉันก็ปล่อยให้มันทำไปตามอัธยาศัย เวลาฉันเดินผ่านมันก็ให้เกียรติฉันโดยการบินไปเกาะสายไฟ แล้วมันก็บินกลับมาใหม่ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ส่วนฉันก็ให้เกียรติมันด้วยการเดินให้ห่างร่มคันนั้นให้มากที่สุดไว้ อย่าให้ศีรษะหรือสิ่งใดไปกระทบรังของมันได้
เวลาผ่านไปร่วมเดือน วันหนึ่งฉันนั่งทำอะไรอยู่ข้างในกระท่อมตามประสาคนไม่มีอนาคต ฉันก็ได้ยินเสียงลูกนกร้องเจี๊ยวจ๊าวอยู่ในร่มหน้ากระท่อมอันรุงรังของฉัน สัญชาตญาณบอกฉันว่าตอนนี้ลูกนกเกิดในรังพิเศษแล้วหรือนี่ นับว่านกครอกนี้เป็นลูกนกอัศจรรย์ เพราะแทนที่แม่ของมันจะทำรังตามต้นไม้ กลับมาทำรังในร่มหน้ากระท่อมของฉัน เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นในยามที่แม่ของมันคาบเหยื่อมาป้อนดังอยู่เช่นนั้นประมาณ ๗ วัน เสียงนั้นก็หายไปก่อนวันอาสาฬบูชา มันพาลูกของมันสอนบิน หัดเกาะกิ่งและถลาบินในระยะใกล้ วันหนึ่งมันพากันมาหัดบินอยู่ใกล้ๆ ตรงหน้าฉันระยะเพียงสองเมตร ลูกนกสามตัวกำลังหัดบินขนหางยังไม่ยาวนัก เหมือนมันพาลูกมาขอบคุณและบอกฉันว่ามันปลอดภัยและมีความสุขดี อย่าได้ห่วงเลย
หากมีใครถามฉันตอนนี้ว่า อยู่มาตั้งยี่สิบปี ไม่ได้เป็นพระอรหันต์หรือมีธรรมะอะไรกับใครเขาเลยหรือนี่ จึงมาเล่าเรื่องหมาเรื่องแมวและเรื่องนกให้ฟัง คำตอบของฉันก็คือว่า ในวันนี้ฉันทำได้เพียงเท่านี้ เพราะฉันเป็นคนไร้อนาคต!!!
คุรุอตีศะ
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖