ดวงใจที่สงบคือตัวศาสนา
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ดวงใจที่สงบคือตัวศาสนา
ศาสนาไม่ได้อยู่ที่โบสถ์ วิหาร ศาลา พระคัมภีร์ หรือพระสงฆ์ นั่นเป็นเพียงสิ่งที่เป็นผลตามมาภายหลังจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ดั้งเดิมแล้วศาสนาคือจิตอันบริสุทธิ์เพราะปราศจากกิเลสความเศร้าหมองของพระองค์ แล้วทรงมีเมตตาต่อสัตว์โลก จึงไม่ประสงค์ที่จะได้รับสิ่งอันประเสริฐล้ำค่านั้นเพียงพระองค์เดียว แต่มีพระกรุณาและพระเมตตาอันสูงส่งปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้ลิ้มรสแห่งความสุขอันเกิดจากจิตอันปราศจากธุลีคือกิเลสเช่นนั้นด้วย จึงทรงเริ่มประกาศศาสนาและแจกแจงแสดงธรรม เพื่อให้บุคคลที่มีธุลีในดวงตาน้อย พอที่จะฟังธรรมและรู้ตามได้ ได้มีโอกาสได้พบสิ่งอันล้ำค่าในการได้เกิดมาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพระองค์ด้วย พระพุทธศาสนาจึงเริ่มก่อตั้งนับแต่นั้น
ดวงใจที่สงบคือตัวศาสนา ขอให้เราทั้งหลายได้อย่าลืมหลักในข้อนี้ ใจที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ รู้ ตื่น เบิกบาน มีอยู่ขณะใด ขณะนั้น ใจดวงนี้ได้อยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบองค์สามคือพระรัตนตรัยแล้ว ใจของเราได้อยู่กับศาสนาแล้ว
เมื่อใดใจเศร้าหมองขุ่นมัวและลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งต่างๆ แม้จะอยู่ในโบสถ์วิหารอันใหญ่โตเพียงใด หรือสวดมนต์นั่งสมาธิเดินจงกรมสักแค่ไหน ก็ไม่ได้ชื่อว่าอยู่ใกล้พระศาสดา การรักษาคุ้มครองใจให้เบิกบานแจ่มใส นั่นคือหัวใจของการมีชีวิตอยู่ในศาสนา
พระพุทธเจ้าที่ทรงเป็นมนุษย์ก็ปรินิพพานไปนานแล้ว องค์คุณคือความสะอาด สว่าง สงบ ต่างหากคือสิ่งที่พระองค์มอบมรดกไว้ให้แก่พวกเรา
พระธรรมคือพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ต่างๆก็อยู่ในตู้และอยู่ในวัด น้อยคนนักจะได้ศึกษา แม้ผู้ที่บวชเป็นเวลาหลายปี ก็ไม่เคยได้อ่านได้ศึกษาก็มากมี แล้วบุคคลธรรมดาจะสัมผัสพระธรรมได้อย่างไร ดังนั้น สติและสัมปชัญญะที่คุ้มครองใจ รู้กายรู้ใจในขณะนี้นั่นแหละคือพระธรรม กายยาววา หนาคืบ นี้แหละคือตู้พระธรรมเคลื่อนที่ ที่เรามีสิทธิ์และมีอำนาจเต็มที่ในการศึกษาและเรียนได้ตลอดเวลา
พระสงฆ์ก็ไม่ใช่แค่คนโกนผมห่มเหลือง เพราะบางคนบวชแล้วกลับต้องการอำนาจ ตำแหน่ง ยศศักดิ์ เงินทอง กว่าคนที่ไม่ได้บวชก็มี ผู้ที่พร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จนเข้าถึงธรรม จนเป็นพยานได้ว่าพระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นเป็นของประเสริฐจริง แล้วนำข่าวดีข่าวประเสริฐนั้นมาบอกกล่าวแก่ชาวโลกนั้นต่างหากคือพระสงฆ์ เมื่อพูดถึงพระสงฆ์ เราต้องนึกถึง พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ พระอานนท์ พระมหากัจจายนะ ฯลฯ อันเป็นต้นแบบไว้ ใจของเราจึงจะเข้าถึงความเป็นพระสงฆ์ มีใจใสสะอาด และมีกำลังใจ เพราะท่านเป็นแบบอย่างของผู้สละโลกและไม่ยึดติดสิ่งใดในโลก
พระมหากัจจายนะนั้น ท่านเป็นถึงเสนาบดีของพระเจ้าจัณฑปัชโชต (จัน – ทะ –ปัด – โชด) เมื่อได้ฟังธรรมแล้วได้มองเห็นความไม่เที่ยงแท้ของอำนาจวาสนา จะเป็นยาจกหรือพระราชา ก็ล้วนบ่ายหน้าไปสู่ความตายเหมือนกัน เมื่ออยู่ในตำแหน่งอันยิ่งใหญ่เป็นเสนาบดี ก็ต้องเต็มไปด้วยความหวาดระแวงกลัวใครจะมาแย่งตำแหน่ง แม้จะห้อมล้อมไปด้วยบริวารคนรับใช้และคนเอาอกเอาใจ เขาก็ทำเพื่อประจบเอาใจเพื่อได้ประโยชน์จากตัวเราเท่านั้น แทบจะหาคนจริงใจที่แท้จริงไม่ได้เลย ตำแหน่งและความเป็นใหญ่เหล่านี้เปรียบประดุจงูพิษ ที่พร้อมจะกัดเราตายเมื่อใดก็ได้ หากไม่มีตำแหน่งความเป็นใหญ่เหล่านี้ไซร้ ความกลุ้มอกกลุ้มใจก็ไม่มี ท่านเห็นโทษในตำแหน่งและความเป็นใหญ่ในทางโลก ท่านจึงออกบวช บวชแล้วก็บรรลุพระอรหันต์ และเป็นอัครสาวกผู้เลิศกว่าพระสาวกทั้งปวงในด้านแสดงธรรมที่ไพเราะ พระสงฆ์เช่นนี้ที่เราน้อมระลึกถึงท่านแล้วจะมีแต่ความสุขใจและอิ่มใจ นี้แหละคือสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่เราทั้งหลายควรนึกถึงบ่อยๆ
เราทั้งหลายกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย การรักษาใจของเราให้อยู่ในสัมมาทิฐิจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่าน เหตุการณ์ต่างๆจะเปรียบเหมือนตะแกรงกลั่นกลองผู้คนว่าใครจะสอบไล่ได้เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่อันกำลังจะมาถึง
คนบางพวกก็หมกมุ่นและหมกจมอยู่กับกามฉันทะนิวรณ์คือหมกมุ่นอยู่ในเรื่องเพศ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ คนบางพวกก็เต็มไปด้วยพยาบาทนิวรณ์คือความเคียดแค้นชิงชัง คนบางพวกก็มีแต่อุทธัจจะกุกกุจจะนิวรณ์คือความกระวนกระวายวิตกกังวล คนบางพวกก็อยู่ในถีนะมิทธะนิวรณ์คือความเศร้าซึมหมดกำลังใจ และคนบางพวกก็ตกอยู่ในความลังเลสงสัย ตกลงใจ ตัดสินใจอะไรไม่ได้คือวิจิกิจฉานิวรณ์
นิวรณ์ทั้ง ๕ เหล่านี้จะคอยกางกั้นใจของผู้คนให้ห่างไกลความดี และอาจมองเห็นผิดเป็นชอบว่า ทำดีแล้วไม่ได้ดี จะทำความดีไปทำไมกัน เราจึงต้องรู้เท่าทันใจของเราว่าถูกนิวรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าครอบงำแล้ว พึงมีสติระลึกรู้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งชื่อว่านิวรณ์ มิใช่ตัวเรา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว เดี๋ยวก็ดับไป ตามกฎธรรมดา การทำความดี ย่อมเป็นความดีแน่ อย่าได้ลังเลสงสัย เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งย่อมต้องอาศัยเวลา อย่าใจเร็วด่วนได้เกินไปนัก
แท้จริงแล้วข้อสอบที่ยากย่อมใช้สำหรับวัดมันสมองและความสามารถของนักเรียนชั้นพิเศษ ย่อมไม่ใช้ข้อสอบที่ใช้ในการวัดผลสำหรับนักเรียนทั่วไปธรรมดา ยิ่งข้อสอบยากเท่าใด ก็ยิ่งแสดงว่า นักเรียนคนนั้นมีสติปัญญาและความสามารถสูงเท่านั้น เราอาจเข้าข่ายเป็นนักเรียนชั้นพิเศษคนหนึ่งที่กำลังได้รับการวัดผลอยู่ก็ได้ อย่าได้ท้อแท้ใจเป็นอันขาด
กลางคืนที่มืดมิดที่สุด แสดงว่าใกล้เวลาจะสว่างแล้ว เพียงรอคอยอีกนิดเดียว รุ่งอรุณแห่งวันใหม่ก็มาเยือน
คุรุอตีศะ
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖