กรรมดีคอยค้ำจุน

 กรรมดีคอยค้ำจุน

 

ไม่ต้องรอให้ชีวิตดีขึ้นเสียก่อนจึงจะสร้างบุญกุศล

 

ยิ่งในยามที่ผู้คนหมดกำลังใจหรือไม่มีศรัทธาในความดี 

 

ยิ่งทำให้บุญกุศลหรือกรรมดีที่เราทำนั้นมีอานิสงส์ที่แรงกล้า

 

กรรมดีที่ทำแบบทวนกระแส ยิ่งเปล่งประกาย มีอานุภาพต่อสิ่งลี้ลับหรือเทพเทวา

 

เพราะว่านั่นคือกรรมดีอันแท้จริง อันเกิดจากเจตนาอันบริสุทธิ์และน้ำพักน้ำแรงของเราจริงๆ

 

กรรมดีที่ทำได้ง่าย ๆ แม้ตัวเราเองก็ยังขาดแคลนหรือมีปัญหา ก็เช่น

 

เราเองมีเงินติดตัวแค่ ๕๐๐ บาทยังไม่พอที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านด้วยซ้ำ

 

แต่มีคนเขาไม่มีเงินจ่ายค่าโทรศัพท์จะต้องถูกตัด มาขอยืมเรา ๒๐๐ บาท เพื่อไปจ่ายค่าโทรศัพท์ เขาจะได้ติดต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาส่วนตัวของเขาได้

 

เราก็เลยควักให้ไปเลย ๒๐๐ บาท โดยที่ตัวเองก็ยังมืดแปดด้านว่าจะหาค่าเช่าบ้านมาจ่ายได้อย่างไร 

 

อย่างนี้คือการสร้างกรรมดีอันยิ่งใหญ่ ที่เราทำได้ แม้ตัวเองก็ยังมีปัญหาหรือยังมีความขาดแคลน

 

กรรมดีลักษณะนี้แหละ ที่เมื่อเรามั่งมีศรีสุขในวันข้างหน้าแล้ว เมื่อหวนคิดถึงครั้งใดจะอิ่มใจทุกที!

 

คนบางคนที่เคยยากจนเก็บขยะขายมาตลอดตั้งแต่ตั้งครอบครัวใหม่ ๆ

 

แต่ต่อมาเขามีลูกดี เรียนเก่ง จนสอบอะไรก็สำเร็จหมด เป็นที่พึ่งของตระกูลในเวลาต่อมาได้

 

คนทั่วไปก็จะงงงวยว่าทำไมคนเก็บขยะเลี้ยงชีพแท้ ๆ ลูกชายสอบติดนายร้อยได้อย่างไร

 

สำหรับผู้มีญาณหยั่งรู้เมื่อสาวถึงสาเหตุในอดีตย้อนกลับไป 

 

ก็ทราบว่าสมัยที่สองผัวเมียเริ่มแต่งงานกันใหม่ ๆ ( จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้แต่งหรอก เพราะไม่มีสินสอด เงินจะซื้อกินยังไม่ค่อยมี ! )

 

ในตอนก่อนที่เด็กคนนี้จะมาเกิดนั้น

 

สองผัวเมียเคยยอมเสียสละเอาเงินเก็บจากที่ขายขยะได้ จำนวน ๕๖๐ บาท ช่วยคน ๆ หนึ่งที่เขาบากหน้ามาขอยืมเพื่อเอาไปซื้อยารักษาบุพการีของเขาที่กำลังป่วยหนัก

 

สองผัวเมียเมื่อให้เขายืมไปแล้วก็รู้สึกได้บุญอยู่ลึก ๆ เก็บขยะกันไป ยิ้มให้กันไป ไม่ติดใจว่าเขาจะเอามาคืนตัวเองได้หรือไม่

 

แต่ก็แปลก...ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา 

 

ก็มักมีคนมาบอกให้ไปเอาของที่เขาอยากจะทิ้งที่บ้านโน้นบ้านนี้ ได้ของเก่าเต็มซาเล้งตั้งแต่ยังไม่ถึงเที่ยง ไม่ต้องไปคอยรื้อถังขยะเก็บขวดทีละใบ

 

เพียงสามวันก็ขายขยะและของเก่าได้สองพันกว่าบาท ไม่ต้องรอเป็นอาทิตย์แบบแต่ก่อน

 

หลังจากที่สองสามีภรรยายอมสละเงินเก็บ ๕๖๐ บาทให้คนที่มีความกตัญญูเอาไปรักษาบุพการีได้หนึ่งเดือน

 

ฝ่ายภรรยาก็ตั้งครรภ์ และหลังจากนั้นมา แต่ละวันก็รับซื้อของเก่าและขายขยะได้กำไรดีมาก

 

เมื่อเติบโตขึ้น เด็กคนนี้ก็เป็นเด็กดีเรียนเก่งและรู้ผิดชอบชั่วดีโดยไม่ต้องพร่ำสอนอะไรมาก 

 

ในที่สุดก็สอบเป็นนักเรียนเตรียมทหารและเป็นนักเรียนนายร้อยโดยไม่ได้กวดวิชาเหมือนคนอื่นเพราะพ่อแม่ของตนไม่มีเงินให้กวดวิชา

 

นี้คือตัวอย่างความลึกลับซับซ้อนของ "การให้ผลของกรรม" ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น "อจินไตย" ประการหนึ่ง

 

อจินไตยคือสิ่งที่เกินกว่าจะพึงคิดเอาได้ด้วยหลักตรรกะตามแบบปุถุชนคนธรรมดา

 

"กรรมวิสัย" ท่านก็จัดว่าเป็นอจินไตยประเภทหนึ่งในสี่ประเภท (พุทธวิสัย โลกวิสัย ฌานวิสัย กรรมวิสัย)

 

ผู้ที่จะหมดความสงสัยในเรื่องการให้ผลของกรรม ท่านว่าจะต้องเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้นขึ้นไป

 

แต่เราท่านทั้งหลาย ก็อาศัยคำสอนของพระพุทธองค์และเชื่อมั่นในพระธรรมและปวงเหล่าพระอริยสงฆ์ เราจึงเชื่อมั่นในกรรมดี แม้ชีวิตจะพบเจอมรสุมจากรอบด้าน

 

จงสร้างกรรมดีไว้เถิด จงมีเมตตามีน้ำใจไว้เถิด เราจะเกิดความอบอุ่นใจ

 

กรรมดีจะเป็นมิตรแท้คอยค้ำจุนเกื้อหนุนเราไว้ จนกว่าจะเข้าถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน

 

คุรุอตีศะ

๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘