มีสติรักษาใจ

รายละเอียด

หมวด: LanDharma

 มีสติรักษาใจ

การรักษาและทะนุถนอมหัวใจของเราให้ร่มเย็นและสงบสุขได้ คือสมบัติอันล้ำค่า คือโชควาสนาที่สุดแล้ว

ในท่ามกลางความผันผวนและกระแสอันเชี่ยวกรากของสิ่งยั่วยวนอันทำให้ดวงจิตเสียหลักหรือร้อยรัดหลงติดได้ง่าย.. 

จำต้องมีสติรักษาใจ คือภารกิจสำคัญและจำเป็นที่สุด

บางชีวิตกำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เพื่อความอยู่รอด

บางคนอาจจมอยู่ในหุบเหวอันมืดมิด ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ละวันผ่านไปด้วยความทุกข์ทรมานขมขื่น

ในยุคสมัยนี้ใครที่สามารถประคองตนอยู่ในศีลธรรม หรือรักษาศีลห้าได้ ก็นับว่าเป็นคนมีบุญ มีโชคที่สุดแล้ว

ใครที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดี บางทีก็สลดใจหรือเกิดความเศร้าหมองใจ เพราะไปเสพข่าวที่สะเทือนใจหรือเกิดความเคียดแค้นชิงชัง ต่อความชั่วความเลวที่ได้รับรู้ทางข่าวสารเหล่านั้น

ก็จงรับทราบว่า นี่แหละคือโจทย์อันสำคัญที่เราจะต้องใช้สติและปัญญา ในการแก้ไขจิตตัวเอง ให้ก้าวข้ามความขุ่นมัว แล้วกลับมาสู่ความแจ่มใสครั้งใหม่

จงขอบคุณชีวิตของเราที่ยังโชคดีและมีสิ่งช่วยคุ้มครอง ให้แคล้วคลาดปลอดภัย...

ทำให้เราผ่านพ้นอันตราย ประคองสติไว้ได้ ทำให้ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจกิเลสตัณหา ต้องผิดพลาดตกจมไปในความชั่วความเลวอย่างที่หลายๆคนเขาผิดพลาดตามที่ปรากฏในข่าว

จงขอบคุณที่ชีวิตได้ผ่านพ้นอันตรายที่เกือบจะพลัดตกลงในเหวตั้งหลายครั้ง

ขอบคุณและซาบซึ้งในคุณของพระธรรมและอำนาจองค์คุณของพระอริยสงฆ์ ที่ทำให้เรามีชีวิตรอดปลอดภัยจากอันตรายและความชั่วเหล่านั้น

ในขณะเดียวกัน เราก็พึงตั้งจิตไว้บนความเมตตากรุณา รู้สึกเห็นใจผู้ที่พลาดพลั้งตกลงไปในความชั่ว เพราะอำนาจแห่งกิเลสตัณหาชักพาไป

เพราะเราทราบดีว่าตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงองค์คุณพระโสดาบันแล้วไซร้ 

มนุษย์ทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนมีโอกาสที่จะผิดพลาด พลัดตกลงไปในหุบเหว หรือถูกกระแสคลื่นพัดจมลงได้ตลอดเวลา

บุคคลใดที่สามารถประคองตนอยู่ในศีลธรรมอันดีได้ ก็ไม่ควรประมาทในชีวิต

ควรตั้งใจบำเพ็ญจิต เพื่อพัฒนาจิตใจของเราให้สะอาด สดใส บริสุทธิ์ งดงามมากยิ่งขึ้น

จงอาศัยพื้นฐานที่มั่นคงนั้น ก้าวไปสู่การรู้แจ้งสัจธรรมต่อไป

เพราะว่ายุคนี้ แม้จะมีแต่เหตุการณ์และสิ่งอันเลวร้ายทั่วโลกมากมายเพียงใด

แต่ก็เป็นโอกาสให้เราเกิดความสลดสังเวชเห็นความไม่มีแก่นสารของชีวิต เห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสิ่งต่างๆ..

อันเป็นเส้นทางก้าวไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคลอยู่ในตัว

คุรุอตีศะ

๑๓ กันยายน ๒๕๖๘