มีสติท่ามกลางมรสุม
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
มีสติท่ามกลางมรสุม
การปฏิบัติธรรมอันยอดเยี่ยม คือการมีสติในท่ามกลางมรสุมของชีวิต
เหมือนซามูไรฝึกวิชาฟันดาบด้วยการให้ฝ่ายตรงข้ามจู่โจมแบบไม่ให้ทันตั้งตัว แล้วสามารถรับดาบได้ทันป้องกันตัวเองได้
วิธีปฏิบัติก็คือ
แทนที่จะเอาแต่หดหู่ท้อแท้ หรือเอาแต่ครุ่นคิดในแง่ร้าย เหมือนเรือวนอยู่ในอ่าง หรือย้ำคิดย้ำทำ
ก็กำหนดสติระลึกรู้ลงที่ลมหายใจ หรือระลึกรู้ลงที่กายขณะนี้ในทันที แล้วแต่จริตว่าระลึกแบบไหนแล้วจิตสงบผ่อนคลายได้ดีกว่ากัน
เช่น แทนที่จะเอาแต่ครุ่นคิดว่า "จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ชีวิตของเรานี้ช่างสุดรันทดอาภัพหนักหนา เกิดมาก็มีแต่ความข่มขื่นในอุรา ไม่มีเลยสักเวลาที่ฟ้าจะประทานความเห็นใจ.." อะไรทำนองนี้
ก็ตั้งสติกำหนดดูความรู้สึกขณะนี้ว่า "กำลังกลุ้มใจหนอ"
"กำลังน้อยเนื้อต่ำใจหนอ"
"ใจตอนนี้กำลังแห้งผาก ไม่มีเรี่ยวแรง.."
หรือจะกำหนดดูความคิดขณะนั้นทันทีว่า
"กำลังคิด..กำลังไม่สบายใจ..กำลังคิดเรื่องหนี้สิน..กำลังคิดในแง่ร้าย..กำลังน้อยใจ..กำลังจะร้องไห้..."
เมื่อเราเปลี่ยนตัวเองจากการเอาแต่นั่งคิด..มาดูความคิด..เห็นความคิด..
จิตจะลดความตึงเครียด ผ่อนคลายลงในทันที
เพราะสติได้โอกาสเข้าทำหน้าที่คุ้มครองรักษาใจ ไม่ปล่อยให้ศัตรูคือกิเลสมาบ่อนทำลายได้อีก
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า
"สติและสัมปชัญญะ เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก"
ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ท่านจึงมักจะบรรลุธรรมตอนที่ท่านนอนป่วยในถ้ำรูปเดียว หรือเผชิญภัยอันตรายต่างๆ
เพราะในช่วงนั้นจิตจะแสวงหาที่พึ่ง แจ่มแจ้งเลยว่า"ตนแลเป็นที่พึ่งของตน" การภาวนาอย่างแท้จริงในดวงจิตจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นอัตโนมัติ
คนเราเมื่อยังมีความสุข สะดวกสบาย มีเงินทองใช้จ่ายไม่ขาดมือ ได้กินเที่ยวอย่างอิสระ อยู่กับครอบครัวเพื่อนฝูง..
ก็จะยังไม่เห็นความสำคัญของธรรมะหรือเกิดความประมาทในชีวิตว่าไม่รู้จะบำเพ็ญภาวนาไปทำไม
แต่เมื่อใดที่ชีวิตได้เผชิญความทุกข์ ปัญหา มรสุมชีวิตหรือพายุร้ายถาโถมเข้าใส่
เมื่อนั้นแหละจะคิดถึงธรรมะ คิดถึงครูบาอาจารย์ คิดถึงการบำเพ็ญภาวนาขึ้นมาทันที
สุขหรือทุกข์ก็เกิดที่ใจดวงนี้
สบายใจหรือคับแค้นใจ ก็เกิดที่ใจดวงนี้แหละ
ในยามคับขันในชีวิตจริงๆ เราจะเผชิญกับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เหมือนโลกนี้ไม่มีใคร
นั่นแหละคือโอกาสทองอันยิ่งใหญ่ ที่เราจะกำหนดสติระลึกรู้ที่ลมหายใจ
หรือระลึกรู้ที่กายหรือความคิด ความรู้สึกในขณะนี้
เพื่อมีตนเป็นที่พึ่งของตน
อันเป็นที่พึ่งอันแท้จริงของเรา
คุรุอตีศะ
๙ สิงหาคม ๒๕๖๘






