ท้องฟ้าในคราหลังฝน
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ท้องฟ้าในคราหลังฝน
เมฆดำทะมึน ลมกระโชก เศษไม้ใบหญ้าปลิวว่อน แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก บรรยากาศทั่วไปมืดครึ้ม มีเพียงการเฝ้าดูสายฝนที่ตกลงมากระหน่ำทั่วทั้งบริเวณ มิอาจทำสิ่งใดได้ เพียงอยู่นิ่งๆเท่านั้นคือสิ่งที่พึงกระทำในยามนี้
บางคราชีวิตคนเรา การอยู่นิ่งๆ เฝ้าแต่มองอย่างมีสติ กลับเป็นการกระทำที่ดีที่สุด อุปสรรคปัญหาที่โหมกระหน่ำเข้ามา แม้จะพยายามแก้ไข แต่ก็จนปัญญา ไม่มีทางออกว่าจะทำสิ่งใดได้ ในยามนั้น การอยู่นิ่งๆเฝ้าดูอย่างมีสติ คือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
พายุฝนที่โหมกระหน่ำ แม้จะน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นสักเพียงใด เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและสายฟ้าจะหวาดเสียวสักแค่ไหน แต่ก็เป็นอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วพายุและสายฟ้าอันน่ากลัวเหล่านั้นก็ผ่านไป สงบและเงียบลง
เพียงปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างเต็มที่ แล้วทุกสิ่งนั้นย่อมสิ้นสุดและจบลงด้วยตัวมันเอง สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับลงไปด้วยตัวมันเองอยู่เสมอ เปรียบเหมือนพายุฝน จะเกิดกี่ครั้งกี่หน กี่ระลอก ในที่สุดพายุฝนเหล่านั้นก็สลายไปด้วยตัวมันเองทุกครั้ง โดยมนุษย์ไม่ต้องไปทำสิ่งใด และแม้อาจจะมีใครพยายามจะทำอะไร ก็ไม่มีทางทำได้เช่นกัน
นี้คือความศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาสรรพสิ่ง ที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่า ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย แม้เราจะไม่ได้ทำสิ่งใด สิ่งนั้นก็เปลี่ยนแปลงและดับไปอยู่แล้ว ไม่มีสิ่งใดคงทนอยู่ได้
จงเผชิญกับทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ด้วยดวงจิตที่กล้าหาญและมั่นคงในสัจธรรม กล้าหาญที่จะเผชิญหน้าไม่หลีกเลี่ยงหรือหลบหนีความเป็นจริง มั่นคงในข้อที่ว่า สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงและดับไปเสมอ แม้เราจะไม่ไปบงการหรือจัดสรรใดๆ
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่พายุฝนโหมกระหน่ำ กี่ครั้งกี่หนที่สายฟ้าฟาดพร้อมส่งเสียงคำรามอันน่ากลัว และกี่ครั้งที่สายลมกระโชกพัดต้นไม้โยกโคลง แต่แล้วไม่นานนัก พายุร้ายเหล่านั้นก็ผ่านพ้นไป ไม่เหลือสายฝน สายลม หรือสายฟ้าไว้อีกเลย
ยามเกิดพายุฝน จงรู้จักอยู่นิ่งๆในที่มุงบัง รอจนกระทั่งสายฝนสายลมโหมกระหน่ำอย่างเต็มที่แล้ว แล้วสายฝนสายลมเงียบสงบลง เราจึงค่อยก้าวเดินออกไปสู่โลกภายนอก
หลังฝนตก สิ่งที่เกิดขึ้น คือท้องฟ้าที่สดใส และสายลมที่เย็นชื่น บรรยากาศที่อุดมไปด้วยความปีติและเบิกบาน เสียงสกุณาร้องเรียกกันและขับขาน อึ่งอ่างกบเขียดต่างส่งเสียงแสดงออกถึงความดีใจ ทุกย่างก้าวที่เดินไป ล้วนเต็มไปด้วยความเต็มตื้นและปล่อยวาง
ชีวิตคนเรา บางคราวต้องอดทนอยู่นิ่งๆ มองดูสายฝนที่ตกลงมา เพียงมองและตระหนักรู้ว่าขณะนี้ฝนกำลังตก กล้าหาญและเชื่อมั่นในการที่จะเพียงเฝ้ามองเท่านั้นโดยไม่เข้าไปดำเนินการใดๆ นั่นแหละคือ การแก้ปัญหาชีวิตด้วยสมองฝั่งขวา ที่นอกเหตุเหนือผล เป็นการแก้ปัญหาที่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสวรรค์หรือธรรมชาติที่เกินความสามารถของมนุษย์จะอาจเอื้อม
ท้องฟ้าในคราหลังฝน มักงดงามและมีเสน่ห์เสมอ ชีวิตที่ผ่านความอดทน ผ่านความขมขื่น ย่อมควรแก่การคารวะและชื่นชมตลอดมาทุกยุคสมัย ชีวิตเช่นนั้น ย่อมเป็นเยี่ยงอย่างแห่งความพากเพียรและความอดทนแก่ชีวิตคนอื่นด้วย นอกจากความสดใสในชีวิตของตนแล้ว ยังทำให้หัวใจของคนอื่นสดใสและมีกำลังใจฟันฝ่าจนกว่าจะถึงวันพายุฝนหยุดโหมกระหน่ำอีกด้วย
ยามใดที่มีพายุฝน จงเชื่อมั่นว่าไม่นานฝนจะหยุดตกและท้องฟ้าจะกลับคืนสู่ความสดใส เมื่อใดที่พบกับมรสุมของชีวิตและอุปสรรคนานา จงเชื่อมั่นเถิดว่า อีกไม่นานนักอุปสรรคและมรสุมชีวิตที่กำลังเกิดอยู่นั้นก็ต้องผ่านพ้นไป
กี่ครั้งกี่หนไม่อาจจะนับได้ที่ฝนตกลงมา และสุดท้ายฝนก็หยุดตกทุกครั้ง อุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็ต้องมีวันเวลาที่สิ้นสุดเช่นกัน ฝนที่ตกลงมา ไม่มีครั้งใดที่ตกแล้วไม่มีหยุด ตกกี่ครั้ง ก็หยุดทุกครั้งเสมอ อุปสรรคและปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นถาโถมเข้ามาสู่ชีวิตก็เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมีวันสิ้นสุดและผ่านไป
จงกล้าหาญและเผชิญหน้ากับความจริงด้วยหัวใจที่หนักแน่นและยิ้มรับเถิด ไม่มีปัญหาใดที่จะเกินกว่ากำลังของเราจะรับได้ จงเชื่อมั่นในตนเองว่า กำลังของเรามีมากพอจะต้านทานมรสุมและอุปสรรคนานา และเราก็จะผ่านได้เหมือนอย่างทุกครั้งอย่างแน่นอน
ยามฝนตก จงเชื่อมั่นว่า อีกไม่นานท้องฟ้าจะสดใส เมื่อพบอุปสรรคปัญหาใดๆ จงมั่นใจไว้เสมอว่า รางวัลแห่งความดีและความอดทนกำลังรอเราอยู่ข้างหน้า ไม่นานเกินรอ ชีวิตจะพบกับความสำเร็จ ความสมหวัง และพบกับความสดใสแน่นอน ขอเพียงเรามีศรัทธาต่อการบำเพ็ญคุณธรรมความดีของตัวเอง แม้แต่สวรรค์ยังต้องเปิดทางให้เดิน สำหรับบุคคลที่มีความอดทนและความพากเพียรเหนือคน
อดทนสักนิด ชีวิตก็ผ่านพ้นอุปสรรคและพบกับความสดใสแล้ว และท้องฟ้าในยามใด ก็ไม่เคยงดงามเท่าในยามที่ท้องฟ้าหลังพายุและลมฝนได้ผ่านพ้นไปแล้ว ชีวิตของมนุษย์ทุกคนที่กล้าเผชิญปัญหาจนผ่านพ้นอุปสรรคก็สดใสและสง่างามเช่นนั้น จงจดจำไว้เถิดว่า ท้องฟ้าในคราหลังฝน ย่อมงดงามและสดใสเสมอ
คุรุอตีศะ
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖