หมั่นรู้สึกตัว

 หมั่นรู้สึกตัว

 

การอยู่ท่ามกลางปัญหาหรือมรสุมชีวิตที่กำลังรุมเร้า

 

ให้หมั่นสังเกตดูใจหรือทำความรู้สึกตัวไว้บ่อยๆ

 

การมีสติรู้สึกตัวนี้มีคุณมาก มีอานิสงส์มาก

 

เพราะใจจะไม่ไปสาละวนกับเหตุการณ์ภายนอกจนเกินไป

 

เมื่อหมั่นสังเกตดูใจ หรือหมั่นสังเกตร่างกายว่าขณะนี้กำลังทำอะไร สติจะมาอยู่ที่ตัว 

 

ความทุกข์ ความบีบคั้นจิตใจ จะคลายตัวลง เพราะสติได้เข้ามาทำหน้าที่กั้นกระแสกิเลสได้แล้วในระดับหนึ่ง

 

แม้ปัญหาภายนอกที่กำลังรุมเร้าอาจจะยังอยู่ ยังไม่สามารถแก้ไขอะไร

 

แต่หัวใจของเราก็จะยังคงสงบมั่นคงอยู่ได้ในระดับหนึ่ง

 

จิตจะไม่ดิ้นรนเดือดร้อนวิตกกังวลจนเสียหลัก

 

พอมีสติหรือจิตตั้งหลักได้อย่างนี้ 

 

ต่อไปปัญญาจะเข้าทำหน้าที่ พิจารณาไตร่ตรอง หาทางออกในเรื่องนั้น ๆ ได้เอง

 

ทุกปัญหาหรือในท่ามกลางมรสุมของชีวิต

 

เมื่อหมั่นดูใจ หรือเจริญสติไว้บ่อยๆ

 

ปัญหาทั้งหลายที่เคยดูน่ากลัว จะกลายเป็นตัวสติปัญญา 

 

จะกลายเป็นสิ่งมีค่าซึ่งเราไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

อย่าพยายามไปแก้ปัญหา!

 

แต่ให้หันมารู้สึกตัว 

 

รู้ตัวว่าขณะนี้ใจของเรากำลังคิดอะไร กำลังรู้สึกอย่างไร

 

ใจกำลังสุขหรือใจกำลังทุกข์ 

 

ก็ดูเข้าไปตรงๆ (ดูซื่อๆ) 

 

ไม่ต้องปฏิเสธ ไม่ต้องผลักต้าน ไม่ต้องหนีจากอะไร 

 

เพียงดูเฉยๆ ดูตรงๆ ไม่ต้องทำอะไร

 

เดี๋ยวจะเห็นความทุกข์ค่อย ๆ เสื่อมสลายไป

 

ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท่านมักจะบรรลุธรรมเมื่อพบปัญหาชีวิต มีความเจ็บป่วย หรือพบภัยอันตรายที่คับขัน

 

เพราะสติและปัญญาจะทำงานได้ดีและทรงประสิทธิภาพ ก็เพราะได้เผชิญสิ่งที่ท้าทายหรือปัญหาอันหนักหนาสาหัส

 

ดังนั้น จงอย่าปล่อยใจหรือปล่อยชีวิตให้ล่องลอยตามยถากรรม หรือจมอยู่กับปัญหา

 

แต่จงใช้โอกาสอันล้ำค่า หันมาเจริญสติสมาธิภาวนา หมั่นทำความรู้สึกตัวหรือตระหนักรู้ไว้บ่อยๆ

 

ดอกบัวย่อมอาศัยน้ำหรือโคลนตม จึงชูช่องดงามอยู่เหนือน้ำและโคลนตม ฉันใด

 

บุคคลผู้ซึ่งได้อาศัยความทุกข์ ความบีบคั้น ปัญหาชีวิตหรือสิ่งที่มาท้าทายแล้วตั้งใจเจริญสติปัฏฐาน

 

จึงเป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ดำเนินจิตตามรอยอริยมรรค แล้วบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ฉันนั้น

 

คุรุอตีศะ

๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๘