แก่นสารชีวิต

 แก่นสารชีวิต

 

ปัญหาชีวิตหรือมรสุมที่กำลังรุมเร้า อาจคือปกาศิตจากเบื้องบนส่งสัญญาณว่าบัดนี้ถึงเวลาต้องตระหนักถึงสัจธรรมหรือแก่นแท้ของชีวิต

 

เราอาจพบชีวิตผู้คนที่ต้องดิ้นรนผจญกับปัญหา

 

เราอาจได้พบผู้คนที่มีความทุกข์ ความพลัดพรากอย่างไม่ทันตั้งตัว 

 

จนเราก็ซึมซับเอาอารมณ์และความรู้สึกที่หม่นหมองนั้นเข้ามาสู่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

 

เราอาจต้องอยู่กับคนป่วยเป็นเวลานาน ๆ อยู่กับความจำเจ ไม่มีโอกาสถ่ายเทความรู้สึก ไม่มีโอกาสซึมซับธรรมชาติ

 

เราอาจมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจในเรื่องซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่มีทางออก 

 

จึงเก็บกดอารมณ์ บังคับ กดข่มความรู้สึกไว้ จนกลายเป็นคนเย็นชาหรือซึมเศร้า อย่างไม่รู้ตัว

 

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคนดี เป็นคนมีธรรมะ แต่เมื่อต้องกระทบอารมณ์ด้านลบบ่อย ๆ นาน ๆ 

 

จิตก็อาจรับเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ไหวได้เหมือนกันเป็นธรรมดา

 

เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ เราก็ต้องหันหน้าเผชิญกับมัน..

 

แต่ต้องเผชิญอย่างมีสติ!

 

อย่างน้อยก็จงคิดในด้านดีไว้ เพราะบางทีเรื่องนั้น ๆ อาจเป็นเหตุให้เราได้มีโอกาสได้ตระหนักถึงแก่นสารของชีวิต

 

ได้ตระหนักว่า..ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา..เราทำอะไรอยู่

 

เราได้ทำอะไรที่เป็นแก่นสารของชีวิตจริง ๆ หรือยัง

 

หากเราตายลงในวันนี้..จะมีใครบ้างยอมตายไปกับเรา..หรืออย่างน้อยก็ร้องไห้ให้แก่เราตลอดหนึ่งเดือนเต็ม

 

หากไม่มี...แล้วเราจะทำอะไรกับชีวิตนี้ ที่จะทำให้เราไม่ต้องเสียใจในภายหลัง เมื่อเราได้จากโลกนี้ไป

 

พระอริยเจ้าท่านจึงเตือนสติเราว่า เมื่อมีปัญหามรสุมชีวิตรุมเร้า บางทีอาจเป็นสิ่งที่มาตักเตือนให้เราตระหนักถึงสัจธรรมหรือแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต

 

ซึ่งเมื่อวันเวลาผ่านไป เราจะหันกลับไปขอบคุณถึงมรสุมชีวิตที่เราแทบจะทนไม่ไหวในคราวนั้นว่าทำให้เราได้พบสิ่งสำคัญดุจเพชรเม็ดงาม ที่จะหาโอกาสแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว

 

จงมั่นใจเถิดว่า แม้ตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดหม่นเพียงใด

 

แต่ในที่สุดเมฆหมอกก็จะสลายไป

 

ท้องฟ้าจะกลับมางดงามและสดใสเหมือนดั่งเดิม

 

คุรุอตีศะ

๑๐ มกราคม ๒๕๖๘