สมาธิภาวนา

 สมาธิภาวนา

 

สมาธิภาวนาที่เน้นสอนตลอดมา ไม่ใช่ไปนั่งบริกรรมอะไร ไม่ใช่การต้องนั่งแบบไหน เดินอย่างไร ไม่ใช่การพยายามให้ใจหยุดคิด และก็ไม่ใช่พยายามบังคับจิตให้นิ่งให้สงบ

 

สมาธิภาวนา คือ การมองเข้ามาภายใน สมาธิภาวนาคือการตระหนักรู้ การเฝ้ามองดูกาย ดูใจ อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีการบงการหรือควบคุมบังคับให้ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ 

 

สมาธิภาวนา คือ การให้ทุกสิ่งเลื่อนไหลไปอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วมีสติรู้ตัวบ่อย ๆ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่งนอน หรือทำการงานอะไร ก็หมั่นตระหนักรู้ รู้ตัวไว้เท่าที่จะเป็นไปได้ บ่อย ๆ เนือง ๆ

 

คนที่มีเรื่องกังวลมาก เป็นคนติดนิสัยช่างคิดมาก ควรหันมาภาวนาแบบนี้ จะทำให้มีความสุขขึ้น คนที่ป่วยเป็นมะเร็ง เป็นโรคหัวใจ เป็นโรคภัยด้านอื่นที่นั่งสมาธิลำบาก ก็สามารถภาวนาได้ เพียงแต่หัดเฝ้ามองดูใจตัวเองว่าคิดนึกอะไร มีอาการอย่างไรไว้บ่อย ๆ

 

ทำเหมือนเป็นงานอดิเรก ไม่ต้องจ้องที่จะมีสติ จ้องจะเอาสมาธิ หรือจ้องจะบรรลุธรรม จะทำให้มันเลยออกไป ทำเหมือนการสนเข็มที่ตั้งใจเกินไป ก็แทงด้ายไม่เข้า ต้องทำใจให้สบาย สุดท้ายก็สอดด้ายเข้ารูเข็มได้เอง

 

คนที่ไม่มีโอกาสไปวัด ไม่มีโอกาสไปสำนักปฏิบัติ ควรหัดทำสมาธิแบบนี้แล้วจะเริ่มผ่อนคลายสบายใจ จะกินข้าวก็เฝ้าดูใจ จะคุยอะไรกับใคร จะถูบ้าน จะซักผ้า ก็ดูใจเงียบ ๆ อยู่คนเดียว

 

การทำสมาธิภาวนาแบบนี้ ยิ่งได้เคลื่อนไหวร่างกายหรือได้ทำการงานยิ่งภาวนาสนุก จะกวาดใบไม้ ตัดหญ้า อาบน้ำ เราก็เฝ้ามองใจ มองเข้ามาภายในไว้เสมอ 

 

ตอนแรกอาจจะดูไม่น่าเลื่อมใส ไม่ขลัง ไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนคนที่เขานั่งหลับตาทำสมาธิ เดินจงกรม หรือทำบริกรรมภาวนา

 

แต่เมื่ออาศัยศรัทธาและความเข้าใจ ทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่คาดหวังอะไร จะเห็นว่าหัวใจของเราเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยคิดมาก ขี้วิตกกังวล จะกลายเป็นคนใหม่ จะเกิดความไว้วางใจในชีวิต ศรัทธาในศาสนาที่ยังคลอนแคลนจะเกิดความมั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 

 

ผลสุดท้ายจะไม่กลัวอด ไม่กลัวตาย จะไม่กังวลต่ออดีตหรืออนาคต เคยเป็นคนจริงจังกับชีวิต จะมีความแจ่มใส นั่นแหละคือผลแห่งสมาธิภาวนา

 

คุรุอตีศะ

๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗