อุบายวางจิตแก้ทุกข์

 อุบายวางจิตแก้ทุกข์

 

ในยามที่ชีวิตตกอยู่ท่ามกลางความผันผวนในทุกด้านเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่เราต้องตั้งสติให้มั่นคงเพื่อเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ  

 

หากการรู้ข้อมูลข่าวสารภายนอกหรือเรื่องราวของคนอื่นมากเกินไปจนเกิดความขุ่นมัวไม่สบายใจ จงกลับคืนสู่ลมหายใจ กลับคืนสู่ตัวเองขณะนี้ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะกลับคืนมา

 

หากเรื่องของคนอื่นพฤติกรรมของคนอื่นทำให้ใจของเราเป็นทุกข์ หากการห่วงใยหรือการพะวงในเรื่องของเขาเกินไปจนทำให้กระวนกระวาย ใจกระสับกระส่าย จงตัดความห่วงใยนั้นเสีย แล้วตั้งสติระลึกรู้ลงที่กาย ที่ใจของเรา 

 

จงอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญและยิ่งใหญ่คือหัวใจของเราน้อยๆดวงนี้ที่มักถูกหลงลืมขาดการเอาใจใส่ดูแลจากตัวเราตลอดมา

 

หากคิดมากไม่มีทางออก พยายามหาธรรมะข้อไหนมาปลอบใจก็ยังปลงไม่ได้ ลองคิดว่า หากเราหัวใจวายตายไปในวันนี้ ทุกคนเขาก็ต้องอยู่ได้ 

 

สามีของเรา ภรรยาของเรา ลูกของเรา เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ที่เราห่วงมากกังวลมากนั้น หากเราตายลงในวันนี้รับรองว่าไม่มีใครสมัครใจตายไปกับเรา เขาก็ต้องอยู่ของเขาได้ เพราะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ ท่านบอกว่าทุกคนล้วนมีบุญเพียงพอที่จะทำให้ยืนอยู่ในโลกนี้ได้ แม้ไม่มีตัวเราคอยบงการหรือควบคุม

 

อุบายในการวางจิตอย่างนี้ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานท่านมักจะนำมาสอนเพื่อบรรเทาความกังวลของบุคคลที่มีความรับผิดชอบสูง ให้รู้จักปลงใจเพื่อจะได้ปฏิบัติต่อไปหรือรักษาศีลให้ครบกำหนดตามที่ลั่นสัจจะหรืออธิษฐานไว้ 

 

หลังจากผ่านพ้นเวลาช่วงนั้นไป ใจของผู้นั้นก็จะมีพลังเข้มแข็ง เหมือนได้พบชีวิตใหม่ การบำเพ็ญเนกขัมมบารมีในช่วงสั้นๆก็เกิดอานิสงส์อย่างสมบูรณ์

 

คำว่า “กรรมฐานหรือวิปัสสนาเป็นยอดของบุญ” ก็เพราะเป็นการสะเดาะเคราะห์แบบพุทธะ เป็นการแก้ดวงชะตาแบบวิทยาศาสตร์ ที่ดวงจิตเกิดพลังฝ่ายบวก เกิดความเข้มแข็งมีพลัง เพราะอำนาจแห่งสติสมาธิปัญญาที่อบรมจิตใจ 

 

หากใครทำเช่นนี้ได้ ท่านว่าบุคคลนั้นไม่ต้องพึ่งโหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย หรือให้ผู้วิเศษใดมาทายทักหรือทำนาย

 

แต่เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในโลกไม่อาจมีจิตใจเข้มแข็งที่เด็ดเดี่ยวแบบนั้น ครูบาอาจารย์บางท่านที่เกิดมาอนุเคราะห์โลก ท่านจึงผ่อนผันหาอุบายแก้ทุกข์แก้ปัญหาให้ผู้คนด้วยจิตเมตตากรุณา เหมือนการเข้าห้องฉุกเฉินจัดปฐมพยาบาลไปพลางก่อน 

 

บางทีคนกำลังทุกข์มากแสนสาหัสจะไปยกเอาพระไตรปิฎกมาสอนในช่วงนั้นก็ไม่ทันการ ท่านก็เลยตักน้ำมาหนึ่งขันราดศีรษะให้ด้วยอำนาจจิตอาศัยบารมีพุทธคุณ สติเขาก็กลับมา พลิกชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ก็เพราะบารมีพลังแห่งความรักความเมตตาอันบริสุทธิ์ของครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณ ซึ่งเป็นบารมีส่วนตนเฉพาะรูปเฉพาะองค์

 

แต่ฤทธิ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ก็คือ คำสอนที่ทำให้ใจของเรารู้ ตื่น เบิกบาน คลายทุกข์คลายร้อน เกิดความร่มเย็น เกิดสติปัญญาขึ้นมาทันทีในขณะนั้น อย่างนี้แหละคือความอัศจรรย์ซึ่งเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ที่ประเสริฐสูงสุด และเป็นปาฏิหาริย์ที่เราควรใส่ใจที่สุด

 

จำไว้เถิดว่า บุญอันยิ่งใหญ่ ก็คือ ดวงจิตที่มีความปลอดโปร่ง อิสระ ไม่วิตกกังวลกับอดีตอนาคต ไม่ยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งใด 

 

ขอจงรักษาใจอันมีค่าดวงนี้ของเราไว้ ให้อยู่กับบุญ อยู่กับกุศล อยู่กับวันนี้อย่างเต็มเปี่ยมมีสติ 

 

มองโลกด้วยแววตาอันสดใส มองเห็นโลกใบนี้ในแง่มุมที่ศักดิ์สิทธิ์และงดงาม

 

คุรุอตีศะ

๖ ตุลาคม ๒๕๖๗