แก่นสารชีวิต
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
แก่นสารชีวิต
หากจะไม่กล่าวอนุโลมไปตามคติทางโลก ในทำนองว่าความทุกข์ทั้งหลายของพวกเรานั้นมาจากระบบเศรษฐกิจ การเมืองหรือสังคม ฯลฯ
แต่กล่าวไปอย่างซื่อตรงตามคติทางธรรมอย่างเดียว ท่านจะบอกว่า ความทุกข์ทั้งหลายเกิดจากความหลงยึดติดในเหยื่อ ความหลงยึดมั่นถือมั่น
ความทุกข์เกิดจากจิตนี้ยังไม่เกิดปัญญาจักษุ ยังไม่เข้าใจในสัจธรรม ยังไม่เข้าใจแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต ยังไม่เข้าใจตัวเอง
เหมือนเนื้อร้องในบทเพลงที่ผู้ประพันธ์ร้อยเรียงว่า..
"...คิดทบทวนชีวิตที่ผ่าน สุดท้ายแล้วที่ต้องการ..คือแก่นสาร พบพานหลุดพ้น.."
หมายความว่า ในสายตาของพระอริยเจ้าแล้ว ท่านจะมองพวกเราที่กำลังดิ้นรนแก่งแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น
เป็นเพียงการวิ่งไปข้างหน้าเพื่อแย่งไขว่คว้าเอาพยับแดดซึ่งเป็นของไม่มีอยู่จริง
จนวันหนึ่งเกิดสติและปัญญาขึ้นมาว่าแล้วเราไปแย่งชิงวิ่งไขว่คว้าหาสิ่งอันเป็นมายานั้นเพื่ออะไร
เกิดการตื่นรู้ว่าสิ่งที่ทำมา ที่เป็นมา ที่เราคิดว่าเป็นแก่นสารมาตลอดนั้น แท้จริงแล้วช่างหาสาระอันใดมิได้เลย
ปัญญาที่เกิดขึ้นอัตโนมัติอย่างไม่อะไรกำหนดล่วงหน้านี้ จะทำให้เกิดความสลดในชีวิตที่ผ่านมา
ทำให้ค้นพบด้วยปัญญาของตัวเองว่า สิ่งที่เราต้องการจริงๆ อันเป็นแก่นสารที่แท้จริง ก็คือสภาวะจิตที่หลุดพ้นจากความทุกข์และสิ่งบีบคั้นร้อยรัดทั้งมวล
จิตดวงนี้แหละคือโลกุตระทรัพย์ ที่เป็นทรัพย์อันยอดเยี่ยมที่สุดในโลกทั้งสาม
อินทรีย์อย่างอ่อนที่สุด ก็มาเกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ
เป็นผู้พ้นจากความอาภัพ พ้นจากความตกต่ำ มีแต่เจริญรุดหน้าไปถ่ายเดียว
สิ่งที่เคยติดค้างหรือเป็นปมด้อยในหัวใจ
จะมากน้อยหรือเคยมีมายาวนานเพียงใด จะค่อยๆ คลี่คลายและสูญสลายไป
มีแต่หัวใจที่เดินตามรอยพระอริยเจ้าไปอย่างเด็ดเดี่ยว ไร้ความลังเลสงสัยตลอดชีวิต
คุรุอตีศะ
๒๔ กันยายน ๒๕๖๗