ใต้ร่มพระศาสนา

 ใต้ร่มพระศาสนา

 

ชีวิตคนเรานี้ไม่มีอะไรแน่นอน ยามดวงชะตาขาขึ้น ทำอะไรก็ดีไปหมด จะทำอะไร จะไปไหนก็มีคนยินดีต้อนรับชื่นชมรักใคร่

 

ยามถึงคราวตกอับต้องพบกับการเสื่อมลาภเสื่อมยศ เงินทองทรัพย์สินก็สูญหาย มิตรสหายที่เคยมีมากมายก็หายหมด จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร เขาก็รังเกียจ จะอธิบายเหตุผลอะไรก็ไม่มีใครอยากรับฟัง

 

ผู้ที่เคยผ่านการได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ผ่านพบมาทั้งคำนินทาและสรรเสริญ ความสุขและความทุกข์ จิตจะเกิดความสลดสังเวช มองเห็นความเป็นมายาไม่มีแก่นสารของชีวิต ดวงจิตจะเกิดความเบื่อหน่ายในวัฏสงสาร ใจจะน้อมไปในทางธรรมอย่างไม่ต้องมีใครชี้นำหรือชักจูงอีก

 

ผู้ที่มองเห็นความไม่จีรังของชีวิตดุจพยับแดด ใจจะเกิดการปลดปลง จะไม่จำนนต่อชีวิตหรือคิดสั้น แต่จะสลดใจกับความหลงในมายาของชีวิต ดวงจิตเกิดความสงบ จะมองเห็นคุณค่าของชีวิตที่ยังเหลืออยู่ จะเอาลมหายใจและชีวิตที่เหลืออยู่มอบถวายให้แก่พระธรรม

 

ขอเพียงมีอาหารพอประทังชีวิต ที่ซุกหัวนอน มีเครื่องนุ่งห่มพอปกปิดกาย เพื่อแลกเอาความสงบและความปลอดโปร่งสบายใจ 

 

ดวงใจจะเลื่อนไหลสู่อริยมรรค เมื่อได้สดับพระธรรมและเจริญสติภาวนา จะพบกับความสงบร่มเย็นของชีวิตในบั้นปลาย

 

ชีวิตในร่มเงาพระศาสนา ที่ประเสริฐ สูงส่ง และยิ่งใหญ่ ก็ตรงที่หัวใจของบุคคลนั้นได้พบความสุขคือความสงบแห่งหัวใจ

 

คุรุอตีศะ

๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๗