นำพลังบวกสู่ใจ

 นำพลังบวกสู่ใจ

 

ถ้ามีความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขชีวิตของเราให้ดีขึ้นและพบสิ่งต่างๆในด้านดีกว่าปัจจุบัน สิ่งสำคัญต้องแก้ที่ความคิดของเราก่อน

 

ชีวิตจะเป็นผลจากความคิดของเรา ถ้าเราคิดว่าชีวิตมีแต่ความผิดหวัง ก็มักจะเจอแต่ความผิดหวังเรื่อยไป ถ้าคิดว่าเราจะพบกับความสุขได้ ไม่นานความสุขความสมหวังจะมาสู่ชีวิตของเรา

 

ที่ท่านสอนให้ไปวัดฟังธรรมก็เพื่อสร้างจิตสำนึกในด้านดีให้เข้มแข็ง เพราะการซึมซับเอาสิ่งที่ดี ความรู้ของบัณฑิตนักปราชญ์ ชีวิตของเราก็จะพัฒนาไปตามดวงจิตและพลังที่ดีงามของท่าน ครูบาอาจารย์ท่านจึงจัดไว้ในฐานะที่สูง ควรแก่การเคารพบูชา เพราะนำพาชีวิตของเราให้ไปสู่ทีสูงส่ง

 

การปฏิบัติธรรมก็คือการลบล้างความคิดจิตใจในแง่ลบ แล้วน้อมนำเอาพลังสร้างสรรค์ในด้านบวกเข้ามาสู่หัวใจ ดังนั้นถ้าบุคคลนั้นยังไม่เปิดใจ จึงยากจะเกิดการพัฒนาในทางที่ดีขึ้น เพราะอัตตาจะขวางกั้นทำให้พลังศรัทธาไม่อาจสาดส่องถึงหัวใจ

 

ถ้าจะให้ชีวิตดีขึ้น ไม่อยากไปวัด ไม่ชอบฟังธรรม ก็อย่าดูละครที่เป็นปัญหาครอบครัวหรือสร้างความเครียดให้ตัวเองก่อนนอน เพราะจิตใต้สำนึกจะหน่วงเอาปัญหาชีวิตในละครเข้ามาสู่ชีวิตเราได้

 

พระกรรมฐานหรือผู้สั่งสอนศิษย์ให้อบรมจิตใจ เราจึงมักเคยได้ยินว่าท่านไม่ให้ดูทีวี ฟังวิทยุหรืออ่านหนังสือพิมพ์นิตยสารในช่วงการฝึกเบื้องต้น ก็เพื่อให้ตัดขาดจากอารมณ์ที่ขุ่นมัวจากข่าวสารเหล่านั้นเพื่อฟูมฟักจิตเบื้องต้นเสียก่อน

 

หลังจากนั้นจึงน้อมนำจิตของศิษย์เข้าสู่ธรรมะ ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี เมื่อทำได้แบบนี้การปฏิบัติธรรมจึงได้ผล เพราะสามารถเปลี่ยนจิตใจที่เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น กลายเป็นสติปัญญาที่เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต รู้ ตื่น เบิกบาน

 

เมื่อความคิดของเราเปลี่ยน โลกก็จะเปลี่ยน ชีวิตก็จะเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น ท่านจึงสอนให้หมั่นภาวนาไว้เสมอ เพราะเมื่อสติเข้มแข็งขึ้น ชีวิตจะดีขึ้นกลายเป็นคนละคน นี้คือผลของการปฏิบัติธรรม

 

คุรุอตีศะ

๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๗