มีชีวิตอย่างมีคุณค่า

มีชีวิตอย่างมีคุณค่า

  

พระพุทธเจ้าสอนเราให้ละทิ้งบาปความชั่ว บำเพ็ญความดีให้เต็มที่ และหมั่นรักษาจิตให้มีความผ่องใส  

 

แต่เราก็มักจะลืมคำสอนของพระองค์ในประการสุดท้ายนี้ไป เราปล่อยให้อาชีพการงาน ครอบครัว สภาพแวดล้อมและผู้คนมาบีบคั้นจนเสียน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง เรายอมทนได้ทุกอย่างโดยไม่เคยสนใจเหลียวแลหัวใจของตัวเองว่าตลอดมานั้นหัวใจของตนบอบช้ำและอ่อนล้าเพียงใด

 

พระพุทธศาสนาคือคำสอนให้สาวกของพระองค์มีชีวิตอย่างมีคุณค่า ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความมีสติและปัญญา คำว่า “พุทธะ” แปลว่า รู้ ตื่น เบิกบาน ดังนั้น ถึงเวลาที่เราต้องเริ่มหันมาให้ความสำคัญแก่หัวใจของเราเองเพื่อจะได้เป็นชาวพุทธอย่างจริงจังเสียที 

 

คือ ต่อไปนี้เราจะ มีชีวิตอยู่อย่างผู้รู้ คือไม่ถูกกลุ้มรุมด้วยโมหะอวิชชา เป็นผู้ตื่น คือมีความแววไว เตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ และเป็นผู้มีความเบิกบาน เพราะเข้าใจชีวิต เข้าใจผู้คน ปล่อยวางความยึดติด อันทำให้ใจของเราเศร้าหมอง ปลื้มปิติกับการได้ทำประโยชน์เกื้อกูล มองโลกและทุกชีวิตด้วยสายตาแห่งเมตตาอันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

จงให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีค่าที่สุดของเราคือหัวใจอันงดงามและสงบสุข สิ่งที่มาร้อยรัดบีบคั้นจิตใจทั้งหลายนั้น เมื่อความตายมาถึง ก็เอาอะไรไปไม่ได้ คนที่ว่ารักแสนรัก ก็ไม่เห็นมีใครสักคนที่จะสมัครใจยอมตายไปกับเรา 

 

ด้วยเหตุนี้ปวงเหล่าพระอริยเจ้า ท่านจึงพร่ำสอนเราด้วยเมตตามาทุกยุคสมัยว่า “จะได้ จะมี จะเป็นอะไรมาสักแค่ไหน ในบั้นปลายสุดท้าย เราทุกคนต่างก็ต้องปล่อยวางสิ่งทั้งมวล”

  

คุรุอตีศะ

๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗