ภูมิคุ้มกันรัก
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ภูมิคุ้มกันรัก
คู่รักหรือคู่สามีภรรยาในทุกวันนี้ มีปัญหาและความหวาดหวั่นใจประการหนึ่งที่หาทางออกไม่ได้ และเป็นโรคที่กัดกินหัวใจของคนส่วนใหญ่คือ โรคกลัวคู่ครองนอกใจ โรคชนิดนี้สร้างความหวาดกลัวและหวั่นใจที่ลึกซึ้งและเป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยทางจิตใจ และเป็นคนป่วยทางจิตเวชโดยนึกหาสาเหตุกันไม่ออกกันอยู่โดยทั่วไป
การกลัวการนอกใจ เป็นความกลัวที่ลึกซึ้งประจำกมลสันดานที่ไม่มีสิ่งใดมาห้ามได้ ไม่ว่าชายหรือหญิง ระบบศีลธรรมส่วนใหญ่ในโลกไม่ว่าลัทธิศาสนาใด ส่วนใหญ่ก็ต้องการควบคุมบังคับไม่ให้คู่ครองนอกใจกันนี้เอง ในทางพระพุทธศาสนาก็บัญญัติเป็นศีลข้อสามเลยทีเดียว และแม้ในคิหิปฏิบัติคือหลักการครองรักครองเรือนของฆราวาส ท่านก็ยังบัญญัติไว้ในหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย ให้ทั้งสามีภรรยาพึงปฏิบัติในข้อที่สามตรงกันเหมือนกันอีกว่า ไม่ให้นอกใจกัน
เรื่องนี้จึงแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่รู้กันมาแต่โบราณ และท่านก็หนักใจกันมานานแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ไม่ใช่จะมารู้จักกับความหนักอกหนักใจในเรื่องนี้เฉพาะยุคของเราเป็นแน่ จะเป็นคนยุคก่อน หรือเป็นคนยุคดิจิตอล ต่างก็กลัวการนอกใจของคู่ครองเหมือนกัน ที่สำคัญก็เป็นปัญหาถาวรมาคู่โลกตลอดมา เพราะเป็นธรรมดาของกิเลสตัณหาที่มีประจำดวงใจมนุษย์และสัตว์ ที่น้อยคนนักจะฟันฝ่าความเชี่ยวกรากของกิเลสหรือความปรารถนาในทางเพศนี้และดำรงตนอยู่ในคลองธรรมไม่ตกต่ำลงไปได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจในสายตาของพระอริยเจ้าเสมอมา คนที่ประคองตนและอดทนผ่านพ้นวิกฤติในเรื่องนี้ไปได้ จึงเป็นบุคคลที่ควรแก่การนับถือและน่าสรรเสริญน้ำใจยิ่งนัก
การที่จะไม่ประพฤตินอกใจคู่ครองได้ จะมุ่งอาศัยหรือเอาศีลธรรมมาบังคับกันทีเดียว บางทีก็ไม่อาจต้านกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากที่ถาโถมเข้ามาได้ ต้องอาศัยกำลังใจจากผู้ที่มีคุณธรรมและจิตใจสูงช่วยค้ำจุนในขณะใจอ่อนแอ และอย่าไปคิดหรืออ้างเข้าข้างตัวเองอยู่แต่ว่า “ไม่ได้คิดอะไร” หรือ “ฉันมีใจบริสุทธิ์” แล้วก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปเรื่อย มารู้ตัวอีกทีเรือก็จมลงในน้ำเสียแล้ว ทั้งที่ปากก็แก้ตัวตลอดมาว่า “ไม่ได้คิดอะไรๆๆๆ” อย่างนี้ก็มีมาก เพราะไปนึกประมาทในศัตรูที่มาในรูปของเทพบุตรเทพธิดา แต่สามีหรือภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาที่เอาจริงเอาจังกับหน้าที่การงานที่อยู่ทางบ้าน กลายเป็นยักษ์เป็นมารสำหรับเรา
การที่จะไม่นอกใจมีวิธีเดียวคือ ต้องไม่ให้โอกาสเพศตรงกันข้ามที่ไม่ใช่คู่ครองของเราเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนม หากยอมให้โอกาสก็มีโอกาสพลาดหรือไขว้เขวได้ เราอย่าได้ไว้ใจตัวเอง คนสมัยก่อนเขาเข้าถึงแก่นแท้ของเพศศึกษาที่เป็นองค์รวม ที่ไม่ใช่เรียนเพศศึกษาแต่เรื่องร่างกายและอวัยวะต่างๆแล้วก็อยากทดลองแบบที่เป็นกันอยู่อย่างยุคของพวกเรานี้
เพศศึกษาของคนโบราณนั้นคือการเข้าใจร่างกาย ชีวิต จิตใจ อารมณ์ความรู้สึกของหญิงชายตลอดสายตั้งแต่เด็กไปจนตาย จนกระทั่งเข้าใจเพศตรงข้ามตลอดสาย จนไม่ตกเป็นทาสของกามารมณ์ สุดท้ายก็ปล่อยวางความเป็นหญิงชายได้อย่างเคารพกันและบรรลุธรรมในที่สุด นี้ต่างหากคือเพศศึกษาอันแท้จริง
อย่างประเพณีการมีเรือนหอก่อนแต่งงาน ก็เพราะท่านเข้าใจเพศศึกษาอย่างลึกซึ้งว่า หากชายหญิงรักกันจนถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัวกันหรือได้เสียกันนั้น ในช่วงนั้นจะไม่อยากทำการทำงานอะไรหรืออยากไปไหนทั้งนั้น อยากจะอยู่ด้วยกันแบบนั้นแบบลืมทุกคนในโลก ท่านจึงรีบให้สร้างเรือนหอไว้ก่อน ก่อนจะถึงวันส่งตัว เพราะเหตุนั้นท่านจึงไม่ให้ชิงสุกก่อนห่าม เพราะให้อดทนไว้ก่อนบ่มจนได้ที่จนเข้าพิธีแต่งงาน รสรักจึงจะหวานและเป็นพลังที่งดงามและสร้างสรรค์
แต่พวกเราสมัยนี้อ้างว่าว่านั่นเป็นความคร่ำครึแสนจะโบราณ สมัยนี้เขาไปถึงดวงจันทร์ถึงดาวอังคารกันแล้ว เราก็เลยทันสมัยเรียนเพศศึกษาอยู่แค่สรีรศาสตร์ด้านเดียว แล้วก็เที่ยวพยายามทดลองให้ช่ำชองตามทฤษฎี แล้วก็หลงดีใจว่าข้าพเจ้าทั้งหลายนี้เข้าใจดีในเรื่องเพศศึกษา ผลสุดท้ายก็ต้องมาประจักษ์ว่า ความรักที่แสวงหานั้นไม่เคยได้พบพานเลยแม้เศษเสี้ยวธุลี และสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจก็คือการหยามหมิ่นเพศตรงกันข้าม ว่าแท้จริงแล้วหาความจริงใจไม่ได้ ผู้หญิงหรือผู้ชายที่รักแท้มีแต่ตำนานในนิยายเท่านั้น
ทุกสิ่งทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้น คือกฎแห่งกรรมที่ทุกคนต่างลิขิตมาด้วยตัวเอง แต่เราจำไม่ได้แล้ว หากเราปฏิบัติต่อสิ่งใดด้วยความรัก เราจะได้ความรักกลับคืนมา หากเราปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความดูหมิ่นและหยาบคาย ความรักความงดงามดังใจหมาย เราย่อมไม่อาจพานพบ
การที่จะมีภูมิคุ้มกันในความรัก ต้องเริ่มต้นจากการปฏิบัติตัวของเรา โดยเริ่มจากใจของเราที่จะไม่สนใจหวาดระแวงในการที่คู่รักของเราจะมีใครอื่น แต่เคารพและมั่นใจในบุญกุศลของตนเองว่า หากไม่เคยทำกรรมไว้ก่อนแล้ว สิ่งไม่ดีไม่งามย่อมเข้ามาสู่ชีวิตของเราไม่ได้ และแทนที่เราจะเอาแต่ระแวงว่าใครจะนอกใจ แต่ตัวเรานี้เองจะระวังจิตใจและประคองตนไม่ให้เป็นที่แคลงใจของคู่ครอง
เราอย่าประมาทและให้โอกาสแก่ตัวเองในเรื่องนี้ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษหรือสุภาพสตรี จะระมัดระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษโดยอุปนิสัย ไม่มีเรื่องหนักหนาสาหัสแล้ว ก็ไม่นั่งรถไปกับบุรุษหรือสตรีคนอื่นให้คู่ครองสะเทือนใจ แม้ปากเขาอาจจะพูดกับเราด้วยมารยาทว่าไม่เป็นไร แต่พึงทราบว่าภายในใจของเขาหรือเธอนั้นสะเทือนใจแล้ว
คนสมัยนี้มักชอบอ้างสังคมหรือการงาน ในการที่จะอาศัยโอกาสนั้นออกนอกทางได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่านี้คือยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่ทั้งหญิงและชายส่วนใหญ่มักออกทำงานนอกบ้าน จะให้อยู่ในสายตาของกันและกันตลอดเวลาย่อมเป็นไปไม่ได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมักได้นั่งรถไปตามลำพังกับชายอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตนได้โดยง่าย แต่เมื่อเราเลือกที่จะเอาเรื่องงานและเรื่องสังคมเป็นใหญ่ เราก็ต้องยอมรับและทำใจว่าเราและเขาอาจไม่เหลือความรักความจริงใจ และความซื่อสัตย์ต่อกันเหมือนแต่ก่อนมา
การที่คนสมัยนี้มักอ้างเหตุผลและความจำเป็นต่างๆนานา เพื่อให้สามีหรือภรรยาเข้าอกเข้าใจตน ขอให้ทราบเถิดว่า แม้อีกฝ่ายจะจำนนด้วยเหตุผล แต่ในหัวใจของเขาหรือเธอนั้นถูกกัดกร่อนและความรักนับวันแต่จะไม่เหลือหรือลดน้อยถอยลง เราอาจชนะเขาด้วยเหตุผล แต่เราจะไม่อาจชนะหัวใจของเขาได้เลย
หลักของการครองรักครองเรือนที่ถูกต้องนั้น ไม่ใช่การที่คอยระแวดระวังหรือกลัวแต่คู่ครองจะนอกใจ แต่คือการมีสติระวังใจ ไม่ให้หวั่นไหวเผลอใจไปนอกใจคู่ครองต่างหาก การเป็นสามีภรรยาที่ดีหรือการอยู่ในศีลไม่นอกใจนั้น ท่านให้ใช้เป็นหลักปฏิบัติไม่ใช่เพื่อเอาใจพระพุทธเจ้าหรือเอาใจใคร แต่คือหลักที่ใครปฏิบัติได้ ผู้นั้นก็คือผู้เรียนสำเร็จปริญญาชีวิต และได้รับปริญญาใจ หากคู่ครองฝ่ายใดปฏิบัติไม่ได้ เขาก็เป็นนักเรียนที่สอบตกไป ไม่ได้รับปริญญาชีวิตหรือปริญญาใจ
ดังนั้น หน้าที่ของเราก็คือช่วยเหลือเพื่อนคู่หูที่ทำท่าจะกลายเป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่เกเร ไม่ให้เดินออกนอกลู่นอกทาง เพื่อต่างจะได้สำเร็จปริญญา ได้สวมชุดครุยด้วยกัน ปริญญาในที่นี้คือปริญญาของพระอริยบุคคล ที่อดทนฟันฝ่าศึกษาเล่าเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต จนสำเร็จปริญญาชีวิตและปริญญาใจ คือได้กลายเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้นคือพระโสดาบันในบั้นปลาย ซึ่งก็คือปริญญาตรีของพระพุทธเจ้าหรือเหล่าพระอริยเจ้าทั้งหลายล้วนมีใจเกื้อกูลหวังให้เราเรียนสำเร็จปริญญาชนิดนี้ก่อนตาย
เราทั้งหลายต่างดิ้นรน ไขว่คว้าแสวงหาปริญญาของชาวโลกมามากมาย แต่ก็ไม่เห็นได้รับความเย็นอกเย็นใจอะไรนัก นอกจากจะใช้ประกอบเป็นใบสมัครงานเพื่อประกอบอาชีพ ดังนั้นเราทั้งหลายจงพากันมาสนใจปริญญาของพระพุทธเจ้าให้มากเข้าไว้เถิด แล้วจะพบความเย็นอกเย็นใจในชีวิต
เมื่อเราปรารถนาที่จะมีความรักที่เป็นพลังสร้างสรรค์ในชีวิต เราก็ต้องปฏิบัติตนให้สมกับที่เราจะได้รับสิ่งอันมีคุณค่าทางจิตใจ นั่นก็คือ บางครั้งก็ต้องยอมเสียสละโอกาสของความก้าวหน้าเพื่อถนอมและรักษาครอบครัวหรือความรักไว้ หากเราปรารถนาความรักและความไว้วางใจ เราก็ต้องไม่มักง่ายเดินทางไปกับใครก็ได้ โดยเอาแต่คิดเข้าข้างตนเองว่าใจบริสุทธิ์ การอ้างเหตุผลต่างๆนานานั้นอาจจะอ้างได้ แต่ความไว้วางใจอาจไม่มีให้เหมือนเดิม การเลือกสังคม เลือกความก้าวหน้า เลือกความสำเร็จ เลือกที่จะทำอะไรให้ได้ตามใจตนนั้นเราย่อมมีสิทธ์เลือกที่จะทำได้ แต่เราก็ต้องมีสปิริตในหัวใจว่าเราอาจได้สิ่งเหล่านั้น แต่เราอาจไม่ได้ความรักความภักดี เส้นทางของชีวิตที่งดงาม ไม่ได้มีไว้ให้คนโลภที่จะเอาทุกอย่าง แต่เป็นเส้นทางสำหรับคนผู้มีใจเด็ดเดี่ยวและเสียสละเท่านั้น
อย่างที่พูดไว้หลายครั้งแล้วว่า เรื่องความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก อันเป็นส่วนของหัวใจ ไม่ใช่เรื่องของเหตุผลอันเป็นส่วนของสมอง ดังนั้น การเรียนมาก รู้มาก อาจมีเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้มาก โดยที่อีกฝ่ายหาหาเหตุผลมาเถียงตอบไม่ได้ แต่ก็จงรับทราบว่า เราก็ชนะด้วยเหตุผลไป แต่ความรักอันยิ่งใหญ่ก็นับวันจะห่างไกลคนเจ้าเหตุผลไปทุกที ความไว้วางใจไม่ใช่เรื่องการมาจาระไนกันด้วยเหตุผล แต่คือการปฏิบัติตนที่มาจากใจที่เคารพและให้เกียรติถนอมน้ำใจกันต่างหาก การพูดว่า”ไม่มีอะไร”ที่ใครๆมักชอบอ้างนั้นย่อมไม่เพียงพอต่อความไว้วางใจ แต่คือต้องถึงขั้นการไม่มีท่าทีหรือการปิดโอกาสด้วยความมีสติ โดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายต้องมีความหึงหวงนั่นต่างหาก ความไว้วางใจกันและความรักแท้ต่อกันจึงจะค่อยงอกเงยขึ้นในหัวใจ
ภูมิคุ้มกันความรัก ไม่ใช่เกิดจากการทำตัวหรือปฏิบัติตัวอย่างไรก็ได้ แต่คือการมีสติคอยระวังใจของตนอันเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งนั่นเอง เมื่อเจริญสติภาวนาไปเรื่อยๆ ภูมิคุ้มกันแห่งความรักนอกจากจะเกิดขึ้นแก่ชีวิตแล้ว เรายังอาจได้รับปริญญาชีวิตและปริญญาใจของพระอริยเจ้าพร้อมสรรพในชีวิตนี้
คุรุอตีศะ
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖