การทำความดีที่แท้จริง

 การทำความดีที่แท้จริง

 

การทำความดีที่แท้จริง เมื่อทำแล้วจิตใจต้องเป็นกุศลคือมีความสุขมีความชื่นบาน แต่ถ้ารู้สึกว่าทำความดีแล้วมีแต่ความทุกข์ตรม บางทีอยากนั่งร้องไห้คนเดียวโดยไม่มีเหตุผลอะไร อย่างนั้นไม่ใช่ความดี แต่อาจเป็นการพยายามให้ใครมองว่าเราเป็นคนดี ด้วยการแบกรับความเห็นแก่ตัวของคนอื่น จนตัวเองแบกต่อไปอีกไม่ไหวต่างหาก

 

การพยายามทำความดีกับคนมีกิเลสมาก เห็นแก่ตัวมากรู้จักเอาแต่รับฝ่ายเดียว พยายามให้ถูกใจ จะเหมือนกับการเอาสิ่งของหรือสิ่งมีค่าทิ้งลงในก้นเหว ถมลงไปเท่าไหร่ย่อมไม่รู้จักเต็ม ด้วยเหตุนี้พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านจึงเตือนสติเหล่าผู้มีพื้นจิตที่ชอบเสียสละช่วยเหลือคนอื่น ให้หมั่นสร้างสมกุศลบารมีไว้ติดตัวอันจะทำให้เกิดความอุ่นใจ

 

 ไม่เอาชีวิตจิตใจไปทุ่มเทสนองความเห็นแก่ตัวของคนบางคนหรือคนไม่มีคุณธรรมจนตัวเองกลายเป็นคนบาป เพราะรู้สึกผิดหวังหรือพร่ำเพ้อว่าทำไมหนอทำความดีแล้วไม่เห็นได้ดี ชีวิตทำไมมีแต่ความทุกข์ ทั้งที่ทำความดี ทำเพื่อคนอื่นหรือทำเพื่อเขามาแทบตาย

 

ตอบง่ายๆ ตรงไปตรงมาที่สุด ก็คือ สิ่งที่ทำนั้นไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ความดีตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าและเหล่าผู้รู้นักปราชญ์ทั้งหลาย คำสอนเหล่านั้นเป็นคำสอนของปุถุชนผู้มัวเมาอยู่ในโลกในวัฏสงสารทำเพื่อให้คนอื่นเขาไม่ว่าเราได้ ให้ถูกใจสังคม บางทีเราคิดว่าทำดี แต่เราก็ทำไปเพราะมุ่งหวังให้ถูกอกถูกใจของใคร หรือมุ่งหมายให้ใครๆ มองว่าเราเป็นคนดี จึงฝืนใจฝืนทนทำมาตลอดต่างหาก

 

อย่ามัวแต่แบกความเห็นแก่ตัวของคนอื่น จนตัวเองแทบเป็นบ้า เพราะนั่นไม่ใช่กุศลความตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแต่อย่างใด ความดีของพระพุทธเจ้าทำแล้วจิตจะมีพลังและผ่องใส

 

บุคคลที่ทำความดีแล้วชีวิตมีแต่ปัญหา คนประเภทนี้ท่านบอกว่า ต้องเข้าห้องไอซียูทางจิตใจ คือ เลิกเอาใจใคร เลิกวิ่งตามความต้องการของใคร รีบสร้างกุศลอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นอาหารของใจ เราเอาใจใครต่อใครมามากจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ต่อไปนี้เราจะหันมาดูแลและเอาใจตัวเราเอง

 

คุรุอตีศะ

๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖