ก้าวเดินท่ามกลางสายฝน

ก้าวเดินท่ามกลางสายฝน


                                คนทั่วไปมักกลัวเปียกฝน เพราะไปคำนึงถึงแต่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งตัว เอาแต่นึกกลัวเอกสารจะเปียก เลยพลาดสิ่งหนึ่งไป คือความรู้สึกที่ปีติและเบิกบานในการได้เดินท่ามกลางสายฝน

 
                                เด็กๆมักชอบวิ่งออกไปเล่นน้ำฝนเวลาฝนตก ส่วนผู้ใหญ่มักเอาแต่ห้ามปรามและอ้างเหตุผลต่างๆ แต่เด็กก็มักดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง อย่างน้อยก็ได้วิ่งไปตากฝนสักหน่อยให้เปียกปอนและชื่นฉ่ำใจ


                                พวกเราทั้งหลายเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราได้ลืมความรู้สึกที่เป็นสุข ความเบิกบาน เมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่วิ่งออกไปเล่นน้ำฝนโดยไร้เดียงสานั้นไปเสียสิ้น เราลืมความสุขที่เป็นไปตามธรรมชาติ ที่ไม่ต้องอาศัยเหตุผล คิดอะไรอย่างสาละวนหลายตลบกว่าจะตัดสินใจแต่ละเรื่องได้ และนั่นแหละที่ทำให้ความสุขในชีวิตของเราได้ขาดหายไป เพราะความเป็นเด็กของเราที่เต็มเปี่ยมด้วยความวางใจต่อธรรมชาติ ได้ถูกกลืนหายไปเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่  เราลืมไปแล้วว่า ความสุขสมัยเป็นเด็กนั้น เป็นเพราะเราไม่กลัวเปียกฝนจนเกินไป


                                โดยทั่วไปคนกลัวจะเปียกฝน  โดยลืมไปว่า เสื้อผ้าเปียกไม่นานก็แห้งได้ เพียงเราเดินท่ามกลางสายฝนอย่างเต็มใจ ขณะนั้นเราจะสัมผัสได้ถึงใจที่เปี่ยมสุข


                                ที่เราเป็นทุกข์เพราะเราไปตั้งโปรแกรมไว้ในใจว่า”ไม่อยากเปียกฝน” เราจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ตัวเราถูกฝน และความทุกข์ก็เริ่มเกิดนับแต่นั้น ทั้งที่ในบางคราวฝนเพียงตั้งเค้า ไม่ได้ตกลงมาจริง  แต่ใจของเราก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวลนานา เพราะความคิดที่ยึดมั่นถือมั่นว่า “เราจะไม่ยอมเปียกฝน”


                                ลองเปียกฝนดูบ้าง  บางทีเราจะได้สัมผัสกับความปีติและเบิกบานที่บอกใครไม่ได้ ความสุขที่เกิดจากการได้เปียกฝน  ความสุขที่เกิดจากความชุ่มฉ่ำจากเม็ดน้ำฝน ความสุขจากการไม่ต้องวิ่งหนีฝน  ความสุขที่เกิดจากความเต็มใจและยอมรับความจริง ยอมรับเอาน้ำฝนที่หล่นจากฟากฟ้า ที่พร่างพราวลงมาชะโลมชีวิตของเราให้สดชื่นและฟื้นคืนสู่ความมีพลัง   ความสุขเช่นนี้คือวิถีแห่งอริยะ


                                ชีวิตคนเราหากเอาแต่กลัวจะเปียกฝน  จะมีแต่ความวิตกกังวลตลอดไป  จงยอมรับธรรมชาติของฝนที่ตกลงมา  บางคราก็ยอมเปียกฝนบ้างจะเป็นไรไป อย่ามองชีวิตและใช้ชีวิตเพียงด้านเดียว  คนส่วนใหญ่จำกัดชีวิตของตัวเองไว้เพียงแคบๆว่าจะไม่ยอมเปียกฝน  จึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสความสุขที่ลึกล้ำและเรียบง่ายแบบที่เด็กวิ่งออกไปเล่นน้ำฝน  พลาดโอกาสที่จะพบกับความชุ่มฉ่ำอิสระและเบิกบาน รวมทั้งพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไป


                                ในบางคราว ชีวิตของคนเราต้องกล้าเดินฝ่าสายฝน  ต้องกล้าที่จะเดินท่ามกลางสายฝน  จึงจะพบความสำเร็จ  ในสายตาของคนทั่วไปอาจมองว่าคนที่เดินท่ามกลางสายฝนเป็นบุคคลที่น่าสงสาร แต่หารู้ไม่ว่าชีวิตของคนที่เอาแต่หลบอยู่ในร่ม  จะไม่มีวันได้รู้จักและสัมผัสคุณค่าความมีพลังของคนที่กำลังเดินฝ่าสายฝนด้วยความเบิกบานอย่างนั้นเลย  ใจที่อาจหาญของคนที่กล้าเดินฝ่าสายฝน ย่อมเต็มเปี่ยมด้วยความกล้าแกร่งและทรงพลัง


                                เพียงกล้าออกเดินฝ่าสายฝนไป  ปีติที่ยิ่งใหญ่ยังคงรอเราเสมออยู่ข้างหน้า เพียงกล้าเดินท่ามกลางสายฝนอย่างเต็มใจ  ไม่คำนึงถึงการเปียกปอน ไม่คำนึงถึงการขู่ของสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบจนเกินไป การก้าวต่อไปอีกเพียงไม่กี่ก้าว เราอาจพบกับหลักชัยพร้อมกับสายฝนที่หยุดตกพอดี

 


                                                                                         คุรุอตีศะ
                                                                                     ๑๐  มิถุนายน  ๒๕๕๖