ดวงใจที่งดงามจึงจะได้ความรักแท้

 

ดวงใจที่งดงามจึงจะได้ความรักแท้

 

                 ทุกชีวิตทุกดวงใจ ล้วนต้องการและโหยหาความรัก มนุษย์ทุกคนจะดีหรือชั่ว ต่างก็ต้องการได้รับความรักจากผู้อื่นเหมือนกัน ทุกคนต้องการเป็นที่รักของผู้อื่น ต้องการจะได้ความรักแท้จากหัวใจ

 

              แม้จะมีความปรารถนาเช่นนั้น แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่ได้พบกับความรักแท้ หากใครได้พบความรักชนิดนี้ ย่อมเหมือนการได้รับพรอันยิ่งใหญ่ ทรัพย์สินเงินทองหรืออำนาจเกียรติยศใดๆ ล้วนต่ำต้อยและไร้ค่าเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ในหัวใจของผู้ที่รู้จักความรักแท้

 

                 ผู้คนส่วนใหญ่ในโลก มักได้รู้จักความรักเพียงเปลือกนอกและผิวเผิน ชีวิตของคนที่เจ้าชู้หรือที่ถูกใครๆตราหน้าว่าหลายใจ แท้จริงแล้วก็มาจากชีวิตของผู้นั้นยังไม่พบกับความรักแท้นั่นเอง

 

                 เพราะเหตุว่าชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ ยากนักจะได้พบหรือได้รู้จักผู้ที่จะสอนให้เราได้รู้จักความรักแท้ เราทั้งหลายจึงได้รู้จักเพียงความต้องการในร่างกายแห่งชายหญิงเท่านั้น หากยินดีพอใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันก็ตัดสินใจที่จะผูกมัดกันไว้เพื่อเป็นสมบัติของเราคนเดียว แล้วพากันเรียกขานสิ่งนั้นด้วยคำอันสวยหรูว่า “การแต่งงาน” และเพื่อเป็นการผูกมัดกันไว้ให้แน่นหนาและมั่นคงยิ่งขึ้น ก็ต้องมีการจดทะเบียนสมรสด้วยเพื่อเป็นหลักประกันในการจัดการเรื่องทรัพย์สินหากอีกฝ่ายผิดสัญญา

 

                 การเริ่มต้นชีวิตด้วยการมองที่ผลประโยชน์และการเก็งกำไร โดยให้ความสนใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเรื่องรอง ก็ไม่ต่างกับการลงทุนทำธุรกิจอย่างหนึ่ง ฝ่ายชายก็ลงทุนแบบหนึ่ง ฝ่ายหญิงก็ลงทุนอีกแบบหนึ่ง แล้วร่วมกันลงทุนเพื่อแสวงหาผลกำไร หากไม่ได้รับกำไรตามที่คิดไว้หรือขาดทุน ผู้ร่วมหุ้นก็อยากจะถอนหุ้นแล้วไปหาลู่ทางไปตั้งบริษัทใหม่ แล้วในที่สุดก็แสวงหาเรื่อยไป โดยไม่รู้ว่าวันไหนจึงจะได้ผู้ร่วมหุ้นที่จริงใจและรักแท้

 

                 เรื่องของความรักเป็นเรื่องของหัวใจ เราต้องเข้าใจเรื่องนี้ไว้เป็นพื้นฐาน ส่วนความปรารถนาในทางเพศเป็นส่วนของสัญชาตญาณ ไม่จำเป็นต้องมีความรักหรือความจริงใจอะไรต่อกันก็มีได้ หากเราแสวงหาความรักแท้โดยเอาความต้องการในส่วนของสัญชาตญาณนำหน้า เราจะไม่ได้พบหรือรู้จักความรักแท้จนตลอดชีวิต  

 

                 การแต่งงานหรือการจดทะเบียนสมรส ไม่ได้เป็นสิ่งตัดสินว่าบุคคลนั้นได้พบกับความรักแท้เสมอไป  อาจเป็นเพียง “ผลประโยชน์ที่ลงตัว”เท่านั้นก็เป็นได้  ขอให้เราก้าวข้ามหัวใจที่เต็มไปด้วยการลงทุนหรือหวังผลประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่ง  นั่นจึงจะเป็นต้นเค้าหรือการเริ่มต้นที่จะได้สัมผัสกับความรักแท้  การแต่งงานหรือทะเบียนสมรสย่อมไม่มีความหมาย สำหรับผู้ที่มีหัวใจรักแท้ที่มอบให้แก่กัน

 

                ความรักที่แท้จริง เริ่มต้นที่หัวใจที่งดงามของเราก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากเรามีความรักแท้และจริงใจแผ่รังสีออกไป จนกระทั่งสัมผัสกับดวงใจของอีกฝ่ายหนึ่ง กระแสแห่งความรักความเมตตาที่แท้จริงนั้น จะทำให้ได้ความรักแท้สะท้อนกลับมา แม้บุคคลนั้นไม่ได้คาดหวังหรือต้องการมาก่อน

 

                 คนส่วนใหญ่มักบอกว่าไม่กล้าทุ่มเทหัวใจให้ใคร กลัวจะอกหักและผิดหวัง  คนที่คิดอย่างนี้ก็มักจะอกหักและผิดหวังตามที่ใจของตัวเองวิตกไว้ล่วงหน้า เพราะว่า ยิ่งกลัวความผิดหวัง ก็ยิ่งมักพบแต่ความรักที่หลอกลวงและไม่จริงใจ เพราะเริ่มต้นเราก็ไม่จริงใจกับใครๆเสียแล้ว

 

                คนที่ไม่กล้ารักผู้อื่นเพราะกลัวความผิดหวัง ก็เพราะรักตัวเองมากกว่าที่จะเสียสละหรือทุ่มเทความรักความงดงามให้แก่ผู้อื่น จึงมักพบกับความผิดหวังอยู่เสมอ เพราะเรื่องของความรักเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพมากในตัวมันเอง คนที่มีน้ำใจกล้าหาญและเสียสละโดยไม่คำนึงถึงตัวเองเท่านั้น จึงจะได้สิ่งอันล้ำค่าของชีวิตคือความรักอันงดงามมาสถิตในชีวิตและเต็มเปี่ยมในหัวใจ

 

               ชีวิตของคนที่แต่งงานหรือสามีภรรยา หากไปวางใจหรือสรุปเอาง่ายๆว่า หากช่วยกันทำมาหากินและสร้างฐานะได้มั่นคงแล้ว ความรักก็จะมั่นคงหรือมีความแท้รักต่อกันอย่างนั้นมักจะประสบปัญหาในภายหลัง เพราะเป็นเพียงการทำกิจการหรือร่วมหุ้นลงทุนด้วยกันแล้วได้ผลกำไรตามที่คาดหวัง หากวันใดกิจการไม่ดี ความรักก็จะพลอยคลอนแคลนตามไปด้วย เพราะเอาความรักอันเป็นของสูงส่งไปผูกมัดไว้กับฐานะหรือทรัพย์สินเงินทองอันเป็นของเปลือกนอก ซึ่งเทียบค่ากันไม่ได้กับเรื่องของหัวใจหรือความรัก

 

                ขอให้เข้าใจว่า การแต่งงานก็ส่วนหนึ่ง การจดทะเบียนสมรสก็ส่วนหนึ่ง การสร้างฐานะก็ส่วนหนึ่ง และความรักแท้ในหัวใจที่มีให้กันก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งหลายชีวิตจะพบด้วยตนเองว่า สิ่งที่กล่าวมานี้ บางทีก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

 

                 หากปรารถนาความรักแท้ อันเปรียบเสมือนสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ให้เริ่มต้นที่ใจของเรานี้ก่อน หัวใจของเราต้องมีความรักแท้เป็นต้นทุนไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ในตอนยังไม่มีความรักแบบหนุ่มสาวหรือความรักแบบชายหญิง เราก็ต้องมีความรักต่อพ่อแม่พี่น้องอย่างเต็มหัวใจของเรา สิ่งใดที่พอจะเสียสละและอดทนหรือทุ่มเทให้พ่อแม่หรือพี่น้องคนรอบข้างใกล้ชิด เราก็ทุ่มเทเสียสละและมอบความรักและความหวังดีให้คนเหล่านั้นอย่างปราศจากความลังเล ขอเพียงให้คนที่เรารักได้คลายทุกข์และมีความสุข เราก็อิ่มอกอิ่มใจแล้ว จิตใจอย่างนี้จะมีความรักที่เปี่ยมในหัวใจตลอด

 

               เมื่อเติบโตขึ้นตามวัยเป็นหนุ่มเป็นสาว หัวใจที่ฝึกไว้ในการที่จะมอบความรักที่แท้และงดงาม ก็จะมีอานุภาพช่วยประคับประคองให้เราได้พบกับความรักแท้โดยไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาแต่อย่างใด หัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญูรู้คุณ  จะมีความศักดิ์สิทธิ์ในการที่จะช่วยขจัดความรักที่หลอกลวงหรือคนที่ไม่จริงใจออกไปจากชีวิตอย่างอัตโนมัติ

 

                แท้จริงแล้ว หัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญูรู้คุณต่อความดีงามของคนอื่นนั่นเอง จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดความรักแท้และความงดงามมาสู่ชีวิตของบุคคลนั้น  คนที่กตัญญูจะมีน้ำใจกล้าหาญ เสียสละ อดทน และมีใจบากบั่นในการสร้างคุณความดีผิดจากคนทั้งหลาย  คนชนิดนี้มักไม่ค่อยต้องการเรียกร้องความรักจากใคร และชอบเป็นผู้ให้มากกว่า ยิ่งไม่ต้องการไม่ปรารถนา แต่ความรักและสิ่งดีงามกลับยิ่งไหลหลั่งมาสู่ชีวิตของเขา  

 

                อย่ามัวไขว่คว้าแสวงหาความรักแท้อยู่เลย  จงมอบดวงใจของเรานี้ภักดีต่อสรรพชีวิตทั้งมวล หมั่นเสียสละและแบ่งปันน้ำใจออกไปทีละน้อย ความรักที่เราโหยหาจะค่อยๆเคลื่อนเข้ามาสู่ชีวิต

 

                ดวงใจที่งดงามจึงจะได้ความรักแท้  ทำหัวใจของเราให้งดงามไว้ทีละน้อย  บ่มเพาะความรักอันงดงามขึ้นในดวงใจของเราทีละน้อยส่งสายตามองโลก มองผู้คน สรรพสัตว์และต้นไม้ใบหญ้าด้วยความเมตตาและสำนึกขอบคุณ อย่างน้อยสิ่งต่างๆก็ยังให้ความสุขแก่เรา โดยที่เราก็ยังไม่สามารถทดแทนบุญคุณอะไรได้มากมายนัก

 

                  เพียงการได้มีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ  เพียงได้รัก ก็เพียงพอแล้ว ชีวิตนี้ขอเพียงได้ให้อะไรแก่โลก เพียงเท่านี้คุ้มค่าและสุขใจแล้ว ส่วนการจะได้สิ่งใดหรือจะมีใครมารักเราหรือไม่ ไม่มีความจำเป็นอีกแล้ว  แต่แม้เราไม่ปรารถนาและไขว่คว้าแสวงหาต้องการ  การดำรงอยู่ด้วยดวงใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆนี้ เราจะไม่รู้สึกขาดแคลนความรักอีกเลยชั่วนิรันดร์

 

คุรุอตีศะ

๓๑  พฤษภาคม  ๒๕๕๖