ชีวิตดุจน้ำค้าง
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ชีวิตดุจน้ำค้าง
จากกรณีของนางสาวรัตนา รามจาตุ อายุ ๑๙ ปี ตำแหน่งนางงามมิสแกรนด์ 2017 อุทัยธานี ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต หลังจากครองตำแหน่งมาได้เพียง ๔ วัน ทำให้นึกถึงสัจธรรมของชีวิตที่พระพุทธองค์สอนว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก ดุจน้ำค้างยามเช้าบนยอดหญ้า พอแสงอาทิตย์สาดส่องมา ไม่นานก็เหือดแห้งหายไป” ชีวิตของนางสาวรัตนา หรือน้องเฟี้ยส เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เรานึกถึงสัจธรรมในข้อนี้
นอกจากการได้ตระหนักถึงความที่ชีวิตนี้เป็นของน้อยดังกล่าวแล้ว อีกประการหนึ่งที่ใครจะกล่าวถึงก็คือ ในทางไสยศาสตร์หรือผู้ที่ถือในเรื่องโชคลางหรือมีความเชื่อในเรื่องดวงชะตา เคยมีผู้รู้ท่านบอกว่า หญิงชายในวัยเข้าสู่อายุ ๑๙ ปี มักจะมีเรื่องราวที่สำคัญและยุ่งยากเกิดขึ้นในชีวิต ดังเช่น ในละครเรื่องนาคี จะเห็นได้ว่าเริ่มต้นเรื่องราวเมื่อคำแก้วอายุ ๑๙ ปี ซึ่งเท่าที่เคยสังเกตดูคนหลายคนโดยเฉพาะสตรีมักจะเกิดเรื่องราวสำคัญเป็นจุดพลิกผันบางอย่างในช่วงนี้ นับว่าแปลกมากเหมือนกัน
ในส่วนตัวผู้เขียนเองนั้น ก็มีเหตุการณ์สำคัญที่พลิกผันชีวิตมากมายหลายอย่างในช่วงที่อายุได้ ๑๙ ปี เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองจะอายุสั้น แต่คงมีบุญกุศลบางอย่างช่วยค้ำจุนเพื่อจะได้มามีชีวิตเช่นวันนี้ก็ได้ จึงทำให้มีรุ่นพี่คนหนึ่งพาไปกราบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ก่อนที่ท่านจะละสังขารไม่ถึง ๑๐ วัน
ในวันนั้นหลวงปู่ท่านมองนิ่งๆแล้วพูดแค่ว่า “ให้ดูจิต”แล้วก็มอบเหรียญของท่านใส่มือให้เหรียญหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ ตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าหลวงปู่เป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นที่เข้าถึงและเข้าใจเรื่องสุญญตาเหนือกว่าใครในบรรดาศิษย์หลวงปู่มั่นทั้งปวง
ชีวิตนี้น้อยนัก ร่างกายนี้เปราะบางพร้อมที่จะแตกทำลายคืนกลับสู่ธรรมชาติไม่รู้วันไหน มหาภูตรูป ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่ประชุมกันเป็นร่างกายนี้ ไม่รู้ธาตุดินจะกลับคืนสู่ผืนดิน ธาตุน้ำจะกลับคืนไปยังแหล่งเดิมในวันใด ก่อนที่จะได้ร่างกายนี้มาและมีปฏิสนธิวิญญาณมาประชุมกันก่อเกิดเป็นคน เราก็ไม่รู้เป็นอะไรมาก่อน ชีวิตนี้เป็นของน้อยดุจน้ำค้างที่ไม่นานก็เหือดหายไป สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตหาใช่การประสบความสำเร็จในสิ่งใดไม่ แต่คือการมีโอกาสสร้างบุญบารมี ได้ปฏิบัติธรรมก่อนร่างกายแตกทำลายลง
ผู้รู้เคล็ดลับของชีวิตและสิ่งลี้ลับท่านเคยบอกว่า บุคคลที่เคยอยู่ในฐานะยากจนหรือต้อยต่ำ เมื่อชีวิตพบความรุ่งโรจน์กะทันหัน ท่านให้รีบแก้เคล็ดไปทำบุญครั้งใหญ่หรือไปใส่ชุดขาวถือศีลอยู่ในวัดสัก ๗ วัน เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ท่านให้เหตุผลว่าเพราะดวงแข็ง ดวงแรงหรือพุ่งมากเกินไป ต้องข่มไว้ด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อปรับสมดุลของชีวิตให้พอดี ชีวิตต่อจากนั้นจึงจะดำเนินไปด้วยดี
คนที่ดวงดีมาก มีความสำเร็จอย่างรวดเร็ว หรือประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยหรืออายุยังไม่ถึง ๓๐ ปี ท่านว่าส่วนใหญ่ก็จะมีศัตรูหรือมีวิบากกรรมคอยติดตาม ต้องรีบหาที่สงบเพื่อตั้งหลักให้ใจปราศจากความวิตกกังวลฟุ้งซ่าน หลังจากนั้นค่อยดำเนินชีวิตอย่างมีสติและใช้ชีวิตปกติตามเดิม
การเดินทางสมัยนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นง่าย ท่านว่าเป็นเพราะส่วนหนึ่งสมัยนี้คนมีจิตอกุศลมากเนื่องจากศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาถูกทำลาย ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณท่านก็มักเก็บตัวไม่ค่อยได้เดินทางเลยไม่มีโอกาสแผ่เมตตาแผ่ส่วนกุศลให้อสุรกายหรือสัมภเวสีข้างทางที่ต่างทุกข์ทรมานและอดอยากมาก
ยิ่งพระพุทธศาสนาถูกทำลายมาก คนก็ยิ่งไม่มีศรัทธาที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เหล่าดวงวิญญาณ ครูบาอาจารย์บางท่านเดินทาง พอคนเห็นก็พูดลบหลู่พระสงฆ์โดยไม่รู้ว่าบางองค์บางท่านคือพระผู้ทรงคุณแต่ไปเหมารวมด้วยอิทธิพลของการโหมกระพือข่าวในทางร้ายของเหล่าผู้ไม่หวังดี การที่พระผู้ทรงคุณไม่ค่อยได้เดินทางจาริกโปรดสัตว์เช่นนี้ สัมภเวสีหรือดวงวิญญาณที่รอคอยบุญกุศลจึงมีอยู่ทั่วไป
ในช่วงที่พระพุทธศาสนาอ่อนแออย่างนี้ เวลาเดินทางไกลขอให้พวกเราทั้งหลายตั้งจิตนึกถึงพระรัตนตรัยเสียก่อน หากทำได้ขอให้สมาทานศีล ๕ ไว้เสมอก่อนจะออกเดินทาง และในช่วงระหว่างการเดินทางอย่าปล่อยจิตให้เกิดอกุศลมากจนลืมตัว จงตั้งจิตแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไว้เสมอตลอดการเดินทาง
เวลาสามีหรือคู่ครองต้องขับรถเดินทางไกลที่ต้องใช้สมาธิ หากไม่มีเรื่องจำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงการโทรศัพท์หรือส่งไลน์คุยกันในเรื่องที่ทำให้คนที่กำลังขับรถเกิดความกังวลจนเสียสมาธิในช่วงนั้น อย่าดูโทรศัพท์อย่าพยายามพิมพ์ตอบไลน์ รอให้ถึงจุดแวะพักเสียก่อนค่อยคุยกัน การขับรถอย่างมีสมาธินั้นจะทำให้มีพลังลึกลับในฝ่ายดีบางอย่างช่วยคุ้มครอง หากไม่มีอุปฆาตกกรรมมาตัดรอนแล้ว แม้เป็นช่วงเวลามีเคราะห์หรือดวงตกก็จะปลอดภัย
ในช่วงเวลานี้ทุกคนจงอดทนต่อสิ่งบีบคั้นต่างๆไปให้ได้ ใครที่เคยหันหลังให้ศาสนา ก็ถึงเวลาที่ต้องหาสาระของชีวิตและที่พึ่งทางใจได้แล้ว การท่องเที่ยวต่างๆจะไม่ค่อยสนุกหรือปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อน จนกว่าดวงชะตาบ้านเมืองจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่ในปี ๒๕๖๓ อันเป็นยุคชาวศิวิไลซ์อย่างเต็มตัว
ขอให้พวกเราทั้งหลายจงพากันใส่ใจในทาน ศีล ภาวนา ให้มากกว่าอย่างอื่น เราจะมัวหลงเพลิดเพลินสนุกสนานเหมือนช่วง ๓๐ ปีมาก่อนหน้านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แต่ก่อนนั้นเป็นยุคที่พระอริยเจ้าและการปฏิบัติธรรมกำลังเบ่งบาน ครูบาอาจารย์ท่านแผ่เมตตาและบารมีไปทุกหนทุกแห่งเพื่อคุ้มภัย แต่ตอนนี้ท่านปล่อยวางให้เป็นไปตามกรรมของคนไทย ขอจงมั่นคงในพระรัตนตรัยและศีล ๕ ไว้ จะทำให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง
คุรุอตีศะ
๒ มิถุนายน ๒๕๖๐
