สิ่งมีค่าภายใน

สิ่งมีค่าภายใน

          เราแสวงหาสิ่งภายนอกมากมาย จนบางครั้งเราได้ลืมเลือนสิ่งมีค่าที่อยู่ภายในไปสิ้น เราหวังที่จะให้คนอื่นมาสนใจหรือชื่นชมในตัวเรา ทำให้เราต้องจำนนหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนอื่น

         เราแสวงหาวุฒิการศึกษาหรือใบปริญญาเพื่อให้คนอื่นยอมรับว่าเราเป็นคนมีความรู้  เราแสวงหาทรัพย์สินเงินทองมากกมายจนเกินความจำเป็นเพื่อให้คนยอมรับว่าเราเป็นเก่งหรือมีความสามารถเหนือคนอื่น

           เราทำทุกอย่างเพื่อหวังว่าจะมีคนมารักใคร่หรือมีคนมาสนใจ จนกระทั่งได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปอย่างมากมาย สุดท้ายก็ยังไม่พบว่าจะมีใครรักเราอย่างแท้จริง

            การแสวงหาภายนอกย่อมไม่วันพบความสมหวัง ยิ่งแสวงหามากเพียงไร หัวใจยิ่งเวิ้งว้างและทดท้อ ยิ่งอยากให้คนมารักมาสนใจ หัวใจกลับเต็มไปด้วยความว้าเหว่และเฝ้ารอ ยิ่งดิ้นรนไขว่คว้าก็ยิ่งท้อไม่รู้ชีวิตควรจะเดินไปทางใด

            ยิ่งแสวงหาการยอมรับภายนอกเราจะยิ่งพบแต่ความผิดหวัง เพราะว่าสิ่งที่มีค่าที่แท้จริงไม่ได้อยู่ข้างนอก แต่อยู่ข้างในหัวใจดวงนี้

             หากการแสวงหาจากภายนอกเป็นความสำเร็จแล้ว พระพุทธองค์และพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านคงบอกให้เราแสวงหาโดยไม่ต้องออกบวชหรือแสวงหาความหลุดพ้นแต่อย่างใด แต่เพราะสิ่งที่มีค่าที่แท้จริงเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน จะค้นพบได้ด้วยการเจริญสติสมาธิภาวนา

             เราอาจยังต้องแสวงหาสิ่งภายนอกตามสังคม ค่านิยมและบริบทสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราไปก่อน เพียงแต่เราต้องตระหนักอยู่ตลอดว่าสิ่งที่ค่าที่แท้จริงอยู่ภายในชีวิตและหัวใจดวงนี้ไว้เสมอ

               การจะได้อะไรมา เป็นอะไร มีอะไรตามค่านิยมของสังคมในยุคหนึ่งๆพาดำเนิน เราอาจต้องยอมรับและเผชิญกับความเป็นจริงในชีวิต แต่เราจะไม่ทิ้งสัมมาอริยมรรคภายในใจของเรา

               อริยมรรคคือสิ่งมีค่าภายในที่จะตามเป็นมิตรแท้ของเราข้ามภพข้ามชาติ ถึงเวลาหนึ่งร่างกายอันเปราะบางของเราอาจเสื่อมสลายไป แต่โลกุตตรทรัพย์ภายในจะทำให้เราไม่ไปสู่ภพภูมิที่ตกต่ำหรือสามารถปิดอบายภูมิได้อย่างเด็ดขาดได้กลับมาเกิดเพื่อทำมรรคผลให้สูงขึ้นไป

               ศรัทธาอันเป็นอริยทรัพย์จะทำให้เราอบอุ่นและรู้สึกว่าร่ำรวยอยู่เสมอไม่ว่าภายนอกจะเป็นเช่นใด อริยมรรคจึงเป็นสิ่งมีค่าอันยิ่งใหญ่ที่เราไม่อาจให้สิ่งใดมาอยู่เหนือสิ่งนี้ได้เพราะเป็นสมบัติที่แท้จริงเพียงสิ่งเดียว

                                                                  คุรุอตีศะ
                                                         ๔  กุมภาพันธ์  ๒๕๖๐