มีสติในชีวิตจริง

 มีสติในชีวิตจริง

 

 

                    คนสมัยก่อนเป็นสังคมเกษตรกรรม ต้องทำอะไรด้วยมือตนเอง ต้องใช้แรงกายออกกำลังหรือเคลื่อนไหวร่างกายตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งพลบค่ำ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมของท่านจึงเหมาะแก่การใช้วิธีนั่งทำสมาธิและหลับตา จิตย่อมรวมและเกิดความสงบได้ง่าย เพราะมีการออกกำลังกายที่ได้สมดุลกับการคิดหรือเคลื่อนไหวทางจิต  พระอริยเจ้ารุ่นก่อนจึงสอนการปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิและเดินจงกรม


                     คนสมัยนี้อยู่ท่ามกลางความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยี การปฏิบัติธรรมของคนสมัยนี้ที่มีการนั่งอยู่กับที่เกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย การทำสมาธิจึงได้แก่การดูจิต มีการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่นทำโยคะ กวาดใบไม้ ทำความสะอาดบริเวณ ให้ร่างกายกับจิตสมดุลเสียก่อน จิตจึงจะเริ่มคลายจากความฟุ้งซ่าน ลดความวิตกกังวลลงไป เพราะเมื่อได้ทำงานหรือเคลื่อนไหว จิตจะมาจับที่ร่างกาย ความคิดความปรุงแต่งของจิตจะลดลง ความสงบใจจึงบังเกิด วิธีการเจริญภาวนาจึงเป็นไปตามยุคตามสมัย


                    คนรุ่นก่อนท่านไม่มีความเก็บกดทางอารมณ์เพราะไม่ต้องเรียนหนังสือ พออายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ถ้ามีใครมาสู่ขอท่านก็ให้ออกเรือนเป็นฝั่งเป็นฝาไปได้เลย พอลูกโตขึ้นมาท่านก็สมัครใจแยกกันนอนได้แล้ว


                     คนสมัยนี้นั่งและนอนกดข่มปีศาจลึกลับอยู่วุ่นวาย เพราะต้องเรียนหนังสือให้จบสำหรับคนมีความประพฤติเรียบร้อย แต่ถ้าเป็นพวกห้าวหาญกล้าแหกกฎหน่อย ก็ต้องรีบชิงสุกก่อนห่ามเพราะกลัวจะไม่ได้กินของอร่อย การแอบกินอย่างหลบๆซ่อน ก็เลยกลายเป็นพลังด้านลบบั่นทอนพลังความรักที่งดงาม


                     สำหรับคนรุ่นใหม่ที่หนุ่มสาวมีความเสรีในการคบหากันโดยไม่อาจมีประเพณีใดมาขวางกั้นได้อีก หากใครมีสติและปัญญาในการใช้ชีวิตก็จะค้นพบตัวเองและมีพลังชีวิตมหาศาล  เช่น หากสังคมเปิดเสรีและเท่าเทียมกันในทางเพศ แต่หากบุคคลนั้นมีสติรู้จักรักนวลสงวนตัว จิตใจของบุคคลนั้นจะเข้มแข็งและมีศักยภาพมากกว่าคนรุ่นเดียวกัน จะเป็นบ่อเกิดแห่งพลังริเริ่มสร้างสรรค์ยิ่งกว่าใครอย่างมากมาย


                   สังคมใดที่สตรีทั้งหลายมีค่านิยมปล่อยตัวปล่อยใจโดยง่าย ชายคนใดสงวนตัวไม่ไปเกลือกกลั้วเพียงเพื่อเห็นเป็นความสนุก ก็จะทำให้ชีวิตเกิดพลังในด้านบวก จงเลือกเป็นคนโง่สำหรับเรื่องนั้น แล้วเก็บพลังไว้สำหรับสร้างตนสร้างครอบครัว จงรักษาตัวเราไว้ครองคู่กับสตรีที่จะเป็นคู่ครองที่แท้จริงของเรา


                   หากเป็นหญิงจงรักษาคุณค่าของตัวเองไว้ คนอื่นเขาจะทำตน “ง่าย”กับผู้ชายทั่วไป แต่นั่นมิใช่ผู้หญิงอย่างตัวฉัน อย่าทำสิ่งใดเพื่อทดลองหรือหาความสนุกเพราะจะเกิดความอดสูใจ เมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาสู่ปกติแล้วจะนึกเสียใจอยู่ทุกวัน จะนึกดูถูกตัวเองและเป็นปมด้อยในใจไปตลอดที่ไม่มีใครรู้กับเรา


                   หากเราต้องการมีคู่เราก็จงตัดสินใจแต่งงานอย่างองอาจ พลังทางเพศเช่นนั้นจะนำพาให้หัวใจของคนทั้งสองเกิดพลังที่สร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องมีสินสอด ไม่จำเป็นต้องมีแหวนเพชร ไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา ไม่จำเป็นต้องมีเงินจัดงานแต่งงาน แต่เรามีหัวใจที่สัตย์ซื่อต้องตรงกัน หากไม่มีหรือไม่พบบุคคลผู้เช่นนั้น เราก็เรียนหนังสือหรือทำงานโดยไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาคู่ครอง


                   ที่มีประเพณีแต่งงานของแต่ละศาสนาหรือลัทธิทั่วทั้งโลก ก็เพราะท่านตระหนักถึงพลังทางเพศของหนุ่มสาวว่าเหมือนพลังน้ำอันมหาศาลอยู่เหนือเขื่อน  ขนบธรรมเนียมประเพณีก็คือวิธีการตั้งสติอย่างหนึ่ง เพื่อให้พลังทางเพศมีโอกาสเปลี่ยนหัวใจคนทั้งสองให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ต่อไป


                   หากบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนไม่ดี จากพลังงานศักย์ก็จะกลายเป็นพลังงานจลน์ทำลายหรือทำให้เกิดน้ำท่วมสร้างความทุกข์ยากของผู้คน ต้องตัดสินใจแต่งงานจึงจะ “อิ่ม” หากทำอะไรครึ่งๆกลางๆพลังที่ว่านี้จะเปลี่ยนเป็นพลังลบ นอกจากไม่รู้สึกเต็มไม่รู้สึกอิ่ม ยังจะกลายเป็นพลังในด้านลบคอยทำลาย


                ขอฝากมายังสตรีที่ยังอยู่ในวัยเรียนและยังเป็นพรหมจารี จงยึดมั่นในประเพณีที่ดีงามไว้อย่าให้ใครชักชวนให้พลาดตกลงไปในกระแส จำไว้ว่า ความภูมิใจในตัวเองของสตรีจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตกเป็นสมบัติของใคร อย่ายอมตกเป็นของใครจนกว่าเขาจะแสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมากับพ่อแม่ของเรา


                หากไม่อาจครองสติเพราะสภาพแวดล้อมเป็นไปและสิ่งต่างๆก็เกิดขึ้นแล้ว จงกล้าที่จะเผชิญความจริงแล้วก็จัดพิธีแต่งงานกันเสีย อย่าไปคิดเรื่องอนาคตว่าจะอยู่กันสั้นหรือยืดยาวไกล สิ่งนั้นจงปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตที่จะเป็นไป แต่สิ่งที่เราควรทำระหว่างสองคนคือการมีชีวิตในปัจจุบันและสร้างตัว


                ขอแนะนำว่าการใช้ชีวิตของผู้คนจนกระทั่งถึงปี ๒๕๖๕ ควรจะใช้ชีวิตแบบ Low profile หรือเรียบง่ายตามประเพณีจะทำให้เป็นช่วงชีวิตที่เป็นก้าวผ่านที่ดีและจะปลอดภัยจากสิ่งต่างๆ ใครที่ใช้ชีวิตที่หรูหราทันสมัยมาแล้ว ลองใช้ชีวิตติดดินหรือแบบคร่ำครึดูบ้างจะเกิดความสบายใจ การปล่อยตัวให้ไหลตามกระแสอย่างที่เคยทำได้จะยากขึ้น ต่อไปนี้ไม่ว่าหญิงหรือชายควรอยู่อย่างบุรุษและสตรีผู้มีศีลจึงจะดี


                ใครที่มีภาระครอบครัวจงทำหน้าที่ของตนให้ดีเถิด สามีภรรยาที่อยู่กันมานานเจ็ดปีขึ้นไป ต่อจากนี้จงอย่าเอาแต่การงานหรือเรื่องเงินเป็นใหญ่ แต่จงชักชวนกันหันมารักษาศีล  เป็นหนุ่มสาวหรือวัยรุ่นจงรักนวลสงวนตัวทั้งหญิงหรือชาย ให้ใฝ่ใจในธรรมและมั่นคงในคำสอน ชีวิตในภายหน้าจะพบกับสิ่งที่สูงค่าและภูมิใจ


                    การทำหน้าที่ของตนนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมอยู่ในตัวเองแล้ว ให้มีสติในขณะที่ทำงานหรือขณะกำลังทำหน้าที่ การดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า หรือการดูแลสามีภรรยาในยามยาก นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมที่พยายามส่งเสริมตลอดมา การปฏิบัติธรรมนั่งหลับตาก็จะสมความปรารถนาในบั้นปลาย


                    เมื่อต้องดูแลพ่อแม่จงดูแลท่านให้เต็มที่ เมื่อมีภรรยาสามีจงซื่อสัตย์ต่อกันและให้อภัยต่อกันไว้เสมอ เมื่อเป็นหนุ่มเป็นสาวจงรักษาพรหมจรรย์ไว้จนกว่าจะพบคนที่ใช่ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็จะได้เจอ เมื่อยังต้องเรียนหนังสือก็อดเปรี้ยวไว้กินหวานประคองสติอยู่เสมอ นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมและมีสติในชีวิตจริง

 

 

                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                       ๑๙  พฤศจิกายน  ๒๕๕๙