ผลจากประชามติ

 ผลจากประชามติ

 

 

                    ชะตาบ้านเมืองกำลังเดินไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะอ่อนแอลงไป  กระแสแห่งการเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยจะเริ่มเข้มแข็งและทรงพลังขึ้น


                    สถาบันชั้นสูงที่เคยทรงความศักดิ์สิทธิ์มาช้านานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสความต้องการแห่งยุคใหม่ อาชีพข้าราชการที่ทรงเกียรติมาเนิ่นนานจะถูกลบหลู่ ถูกบั่นทอนอำนาจและศักดิ์ศรี

 
                    นักการเมืองที่เคยมุ่งหาคะแนนเสียงทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับเลือกตั้ง ต่อจากนี้จะเริ่มเกิดหลักการใหม่คือต้องแข่งขันกันที่นโยบายและคุณงามความดี อาชีพทหารที่ทรงอิทธิพลต่อสังคมไทยมาช้านาน ต่อไปนี้จะเริ่มถูกตีกรอบและจำกัดบทบาทหน้าที่อันเป็นผลจากสภาพของสังคมที่เปลี่ยนไป


                    คณะสงฆ์จะเกิดการปฏิรูปตัวเองครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีกฎหมายลักษณะปกครองสงฆ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา  ประชาชนจะเสื่อมศรัทธา กล้าขัดแย้ง กล้าปฏิเสธต่ออำนาจและอิทธิพลของพระสงฆ์ที่อิงอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์มาช้านาน


                    จะเกิดการขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นพระสังฆาธิการกับชาวบ้านอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน จากที่พระสงฆ์มีบทบาทต่อชุมชนในแทบทุกด้านตลอดมา ต่อไปนี้จะเกิดวิกฤติศรัทธาทำให้วัดวาอารามถูกแบ่งแยกและถูกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น


                    ในทางศาสนาจะก่อเกิดลัทธินิกายต่างๆขึ้นมากมายต่อจากนี้  จะไม่มีองค์กรใดเข้มแข็งพอที่จะปกครองให้รวมศูนย์อำนาจที่ส่วนกลางได้อีกแล้ว หลังจากเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมือนหนึ่งไม่มีปัญหาอันใดตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี


                     หลังจากวันที่ ๗ สิงหาคมไปแล้ว จะเกิดอุทกภัยหลายส่วนของประเทศไทย อีกไม่นานก็จะมีข่าวใหญ่หลังจากรอคอยเวลาที่เหมาะสมมาเนิ่นนาน


                     สำหรับผู้ที่มีศรัทธาและเชื่อมั่นในกรรมดีขอให้ดำรงตนในศีล ๕ เมื่อมีโอกาสและมีเวลาจงหันหน้าสู่การปฏิบัติธรรมและพยายามรักษาศีล ๘


                      ต่อจากนี้สายกรรมฐานที่เคยรุ่งเรือง จะเกิดความเสื่อมโทรมเหลือเพียงรูปแบบภายนอกมากกว่าเนื้อแท้ภายในตามที่ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนท่านได้เคยทำนายไว้  ความเจริญทางเทคโนโลยีสมัยใหม่จะทำให้นักบวชทั้งหลายตกอยู่ในอำนาจนิวรณ์ยากที่จะยกจิตสู่ปฐมฌาน เพราะจิตไม่เข้มแข็งพอที่จะปลีกหลีกเร้นออกจากความสะดวกสบายและลาภสักการะเหมือนเหล่าพระเถรานุเถระรุ่นก่อน


                        ฝ่ายญาติโยมฆราวาสทั้งหลายก็เคว้งคว้างสับสนกับชีวิต ทั้งเรื่องอาชีพการทำมาหากิน ทั้งเรื่องความรักและครอบครัว  สิ่งต่างๆจะเริ่มบังคับและเร่งรัดผู้ที่เคยสั่งสมบารมีในทางธรรมให้หันหน้าสู่การปฏิบัติธรรมอย่างเต็มตัว  คนที่มีครอบครัว คนที่ว่ายวนอยู่ทางโลก จะหันมาสนใจธรรมะมากกว่าพระเณร


                       ผู้ที่จะเป็นหลักและเป็นที่พึ่งทางใจผู้คนในยามยาก จะต้องเคยผ่านความทุกข์ยาก ผ่านอุปสรรคและไม่ติดรูปแบบที่หวังจะให้คนบูชาหรือกราบไหว้  ต้องมีเมตตากรุณาแม้ว่าเขาจะแข็งกระด้างไม่เคารพ ไม่รู้จักการทำบุญบริจาค ก็ต้องอนุเคราะห์ให้ข้อคิดหรือตักเตือนอบรมสั่งสอนกันไป  พอเขารู้ธรรมเนียมทางศาสนาและเข้าใจ เขาก็จะเลื่อมใสศรัทธาไปเอง


                         นี้คือสิ่งที่ท้าทายต่อผู้ที่เกิดมาเพื่อรองสังคมในยุคใหม่  เป็นนักการเมืองหรือข้าราชการก็ต้องเป็นด้วยใจ ต้องมีอุดมการณ์เพื่อสังคมจึงจะยืนหยัดอยู่ในสังคมอย่างสง่างามและทำให้ประชาชนเกิดความนิยมนับถือ  เป็นนักบวชก็ต้องมุ่งบวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ลดละโลภะโทสะโมหะในฐานะของศากยบุตรเพื่อเป็นแบบอย่างของสังคม  ผู้คนทั้งหลายจะไม่ยอมนิยมนับถือพระสงฆ์เพียงเพราะตำแหน่งยศศักดิ์หรือความรู้ปริญญาแบบทางโลกอีกต่อไป


                         พระสงฆ์อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวถึง ๒๐ ปี พระศาสนาจึงจะเข้าที่และรุ่งเรืองขึ้นมาจนเป็นที่ศรัทธาของมหาชนอีกครั้งหนึ่ง  หลังจากนั้นพระพุทธศาสนาจะเริ่มเคลื่อนออกไปจากประเทศไทยครั้งใหญ่ จะไปสู่โลกตะวันตกมากขึ้น

 
                         หลังจากนั้นบ้านเมืองจะเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ประชาชนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันกลายเป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตย สยามประเทศจะเปลี่ยนผ่านจากยุคถิ่นกาขาวเป็นยุคที่ ๑๐ อันมีชื่อว่า “ยุคชาวศิวิไลซ์” โดยสมบูรณ์

 

 

                                                                                    คุรุอตีศะ
                                                                           ๖  สิงหาคม  ๒๕๕๙