พระคุณร่มโพธิ์ทอง

พระคุณร่มโพธิ์ทอง

 

 

 

                    พอใกล้จะถึงวันแม่ปีใด หลายคนกังวลใจว่าจะทำอะไรหนอให้แก่แม่  บางคนก็เฝ้าแต่น้อยเนื้อต่ำใจว่าเราต้องรับจ้างล้างจานในภัตตาคาร บางคนต้องฝืนใจทำงานให้เจ้านายเพื่อจัดงานในวันแม่ก็มี

 
                    บางคนก็เฝ้าแต่เสียใจว่าไม่มีรถยนต์พาแม่ไปเที่ยวในวันแม่เหมือนคนอื่น  บางคนก็ทนกล้ำกลืนทำงานเพื่อแลกเงินในขณะที่เขาจัดงานฉลองวันแม่กันอย่างชื่นมื่น เขาจัดงานฉลองกันใหญ่โตแต่เราต้องทนก้มหน้าทำงานไม่เคยรู้สึกยินดีกับการหยุดงานราชการ  แม้จะคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่สักแค่ไหนก็ไปไม่ได้เพราะยังยากไร้ต้องเอาเหงื่อแลกเศษเงิน  ตัวเราแม้จะมีแม่เหมือนใครเขา แต่ก็ไม่มีโอกาสกลับบ้านเลย


                    ความกตัญญูรู้คุณไม่ถูกจำกัดเพียงแค่ช่วงวันที่ ๑๒ สิงหา สิ่งเหล่านี้เพิ่งมารณรงค์ในฐานะให้พสกนิกรพากันจงรักภักดีระลึกถึง “แม่แห่งชาติ” มากกว่า  ส่วนแม่ผู้ให้กำเนิดของเรานั้น เรื่องอะไรจะต้องรอให้ถึงวันที่ ๑๒ สิงหาคมเสียก่อน จึงจะซื้อดอกมะลิหรือไปหาแม่ ทั้งที่ควรไปหาแม่ได้ทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ 

 

                    การตอบแทนคุณพ่อและแม่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องขึ้นกับกาลเวลา  นอกเสียจากว่าบุคคลนั้นครอบครัวนั้นไม่เคยคิดหรือนึกถึงพระคุณของพ่อแม่เลยตลอดทั้งปี อย่างน้อยวันที่ ๑๒ สิงหาก็คิดถึงแม่เสียหน่อย อย่างน้อยก็ดีกว่าคิดเอาแต่ประโยชน์ครอบครัวของตนเพียงเท่านั้น แล้วปล่อยแม่อยู่ตามลำพัง


                  อย่าน้อยใจว่าเราต้องทำงานไม่มีค่ารถกลับไปหาพ่อและแม่  การที่ใจของเราบากบั่นพากเพียรเพื่อความสุขของท่านอย่างแน่วแน่ นั่นแหละคือความกตัญญูที่สาดส่องอยู่ในหัวใจแล้ว


                  แม่ของเรามีพระคุณยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นดินและแผ่นฟ้า เรื่องอะไรจะมาตัดสินความรักของลูกที่มีต่อแม่ด้วยดอกมะลิเพียงดอกเดียวและวันเดียวแค่นี้  หากเรามีความซาบซึ้งในพระคุณท่านอยู่ในหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องพาท่านไปเที่ยว ในเมื่อท่านมีความสุขสงบใจและภูมิใจในตัวเราที่มีลูกกตัญญูและตั้งมั่นในความดี  แม้พาท่านไปเที่ยวรอบโลก ก็ไม่ทำให้ท่านสุขใจเท่ากับลูกได้ทำแต่กรรมดี ภาคภูมิใจกับลูกที่ประเสริฐของเราคนนี้ได้ทำประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา หรือสังคม


                  การตอบแทนคุณหรือความกตัญญูนั้นมี ๒ ระดับ คือ ๑.ความกตัญญูแบบอวิชชา ๒.ความกตัญญูแบบวิชชา การตอบแทนแบบอวิชชาก็คือความกตัญญูที่สอนให้ไม่ลืมคุณพ่อแม่ ต้องหาข้าวหาน้ำให้ท่านอย่าให้อดอยาก เมื่อท่านแก่เฒ่าก็เลี้ยงดูท่านตามฐานะและอัตภาพของเราอย่างสุดกำลัง ความกตัญญูแบบอวิชชานี้ก็คืออย่างที่สอนกันโดยทั่วไป ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักเข้าใจเรื่องความกตัญญูในระดับอวิชชานี้  แม้ความกตัญญูในระดับนี้ก็ยังหาได้ยากในมนุษย์ทั่วไป เพราะผู้คนมักเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าสิ่งใด


                 ส่วนความกตัญญูแบบวิชชานั้น คือการตอบแทนคุณท่านตามแบบพระพุทธองค์สอน โดยพระองค์ทรงสอนว่า แม้ลูกจะเอาพ่อและแม่มาวางไว้บนบ่าคนละข้าง ปล่อยให้ท่านทั้งสองอุจจาระปัสสาวะใส่ จำต้องเช็ดล้างอยู่อย่างนั้นไม่มีการรังเกียจ พร้อมทั้งปรนนิบัติไม่ให้อนาทรร้อนใจทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดระเวลา ๑๐๐ ปี  แม้กระนั้นก็ไม่อาจทดแทนคุณท่านได้แม้เพียงครึ่งเดียว


                  จนกว่าบุตรหรือธิดาผู้มีศีล จะสามารถชักนำบิดามารดาของตนให้เป็นสัมมาทิฐิ  จากที่ท่านเป็นผู้ไม่มีศีล ให้ท่านเป็นผู้มีศีล จากที่ท่านเป็นคนใจคอคับแคบตระหนี่ ให้ท่านเป็นคนรักการให้ทานยินดีในการบริจาค จากที่ท่านเป็นคนไม่มีให้ศรัทธา ให้มีศรัทธา จากที่ท่านไม่มีปัญญาในทางธรรม ให้ท่านเกิดดวงปัญญาเห็นแสงสว่างในทางธรรม


                    เมื่อบุคคลใดนำพาบิดามารดาให้พบทางสว่างในทางธรรม จากที่ท่านเป็นผู้ไม่มีศีล ให้เป็นผู้มีศีล จากเป็นผู้ไม่รู้จักให้ทาน ให้เป็นผู้ยินดีให้ทาน จากเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ให้เป็นผู้มีศรัทธา จากไม่มีปัญญาทางธรรมให้เป็นคนมีปัญญา บุคคลนั้นจึงจะชื่อว่า “ได้ตอบแทนคุณบิดามารดาอย่างสมบูรณ์”


                    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงพยายามสอนให้บุคคลทั้งหลาย “กตัญญูแบบอวิชชา”ไปก่อน อย่างที่ท่านสอนไว้ใน “๒๔ ยอดกตัญญู” นั่นคือตัวอย่างที่หาได้ยากยิ่ง  จนกว่าบุคคลนั้นจะพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้มีศรัทธา มีศีล มีปัญญาที่เข้มแข็งภายในตนแล้ว ก็จะมีพลังในการชักนำให้บิดามารดารู้จักอริยทรัพย์ จนสามารถตอบแทนคุณของท่านหรือ “กตัญญูแบบวิชชา” ต่อไป

 
                     การออกบวชประพฤติพรหมจรรย์หรือการสละทางโลกเพื่อใช้ชีวิตในทางศาสนา จึงเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่ยิ่งใหญ่  ด้วยเหตุนี้จึงมีวลีในงานบรรพชาอุปสมบทที่เราได้ยินจนชินหูคำหนึ่งว่า “บวชเพื่อทดแทนคุณ หรือบวชเพื่อทดแทนค่าน้ำนม” เรื่อยมาในวัฒนธรรมประเพณีของไทย


                     คนที่ตั้งใจไม่แต่งงานหรืออยู่เป็นโสดเพราะคิดว่าจะได้มีโอกาสเลี้ยงดูพ่อและแม่  จึงมีพลังจิตที่สูงส่งมหาศาลที่ใครมิอาจไปดูหมิ่นหรือล่วงเกินได้  จิตใจเช่นนั้นจะมีความหนักแน่นมีสมาธิอยู่ในตัว จะเหมือนมีเทวดาคุ้มครองให้เขาไม่ทุกข์ทรมานกับความรู้สึกทางเพศอย่างที่ปุถุชนทั้งหลายถือเป็นเรื่องใหญ่และพากันเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีสมรรถภาพสมบูรณ์ทั้งหญิงชาย หากได้แต่งงานเขาก็จะเป็นพ่อบ้านแม่เรือนที่มีความรักมีพลังสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์ เพราะเขาหรือเธอต่างมีพลังแห่งความรักที่สูงส่งอยู่แล้วในตัวอันมีพื้นฐานมาจากแรงกตัญญู


                    ใครที่คิดจะดูหมิ่นหรือดูถูกคนเป็นโสดก็คำนึงถึงข้อนี้ไว้บ้างก็ดี  ต้องดูด้วยว่าที่เขาอยู่เป็นโสดนั้นเขาน่าสงสารเพราะหาคู่ไม่ได้ หรือเป็นเพราะแรงกตัญญูที่มีอยู่ประจำจิตของเขา


                     ใครก็ตามที่อยู่เป็นโสดเพราะแรงกตัญญูต่อพ่อแม่  หากอายุเข้าสู่วัย ๓๙ ปีขึ้นไป จิตใจอาจเริ่มไม่สดใส เกิดความเบื่อหน่ายต่อความจำเจ เพราะต้องทนเก็บกดต่อเรื่องราวมากมายหลายอย่างที่ปรึกษาใครไม่ได้  วิธีแก้ไขก็คืออย่าทนต่อความจำเจอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน เพราะจะเริ่มเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้รำคาญ ทั้งที่แต่ก่อนนั้นบางคนอาจได้ชื่อว่าเป็นคนใจดี  ต้องหาโอกาสขออนุญาตพ่อและแม่เพื่อไปปฏิบัติธรรมรักษาศีล  ความอบอุ่นใจ ความความร่มเย็น เบิกบานจะบังเกิด ความกดดันต่างๆจะคลี่คลาย


                      การเปิดให้ผู้คนมาปฏิบัติธรรมรักษาศีลในช่วงวันแม่แห่งชาติในปีนี้  ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้คนที่มีชีวิตจำเจอยู่แต่กับพ่อและแม่ จะได้มีโอกาสตอบแทนคุณท่านแบบวิชชาได้มากขึ้น  คนที่เลี้ยงดูพ่อแม่นั้น เป็นธรรมดาที่บางทีก็ขาดสติต้องมีการดุด่าท่านบ้าง บางทีก็มีกรรม บางทีก็เผลอสติทำอะไรให้ท่านร้องไห้เสียใจบ้างก็ต้องมี  สิ่งที่จะช่วยให้เราได้ล้างกรรม นึกขอขมากรรมต่อท่าน พร้อมทั้งเป็นโอกาสได้สร้างบารมีเพื่อความปลอดโปร่งของหัวใจ ก็คือการได้มีโอกาสใส่ชุดขาว รักษาศีล ปฏิบัติธรรม

 
                      ใครที่ตลอดทั้งปีไม่เคยได้เจอหน้าแม่หรือไม่เคยนึกถึงแม่ อย่างน้อยวันที่ ๑๒ สิงหา ก็ควรถือโอกาสเอาดอกมะลิไปกราบเท้าท่าน ส่วนใครที่เจอแม่บ่อยๆหรือเลี้ยงดูพ่อแม่อยู่แล้ว  ย่อมเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีอยู่แล้วที่เหนือกว่าวันเดือนปีใดๆ  วันที่ ๑๒ สิงหาจะมาใช้วัดคุณค่าความกตัญญูที่อยู่ในใจของเราไม่ได้ เพราะเรามีความกตัญญูอยู่ทุกวัน


                       พระคุณพ่อและแม่คือร่มโพธิ์ทองของชีวิต เพียงตั้งจิตระลึกถึงคุณท่านไม่ว่าอยู่ที่ไหน นั่นแหละคือความกตัญญูในหัวใจได้บังเกิดแล้ว  วันที่ ๑๒ สิงหา เราอาจต้องทำงาน  อาจต้องมีความจำเป็นในเรื่องครอบครัว  ก็อย่าน้อยใจหรือเสียใจว่าเราไม่ได้แสดงออกซึ่งความกตัญญู จงทำหน้าที่ของเราให้ดี


                       ใครที่คิดถึงแม่ ก็จงไปกราบเยี่ยมเยียนแม่  ใครที่มีศรัทธาอยากเพิ่มพูนบุญบารมีให้แก่แม่ยิ่งกว่าการให้ข้าวปลาอาหารการเลี้ยงดู จงใส่ชุดขาวออกบวชรักษาศีล ซึ่งจะเป็นของขวัญให้แม่ที่ดีที่สุด


                       การบวชปฏิบัติธรรมคือการตอบแทนคุณพ่อแม่ที่ยิ่งใหญ่  จะมีเงินทองหรือเลี้ยงดูท่านด้วยอาหารอันมากมายเท่าใดย่อมไม่เท่ากับการเลี้ยงใจของท่าน  วันนี้เราอาจมีภาระความจำเป็นบางอย่างยังไม่อาจทดแทนคุณของท่านได้อย่างใจ  ขอขอตั้งจิตอธิษฐานไว้ในใจว่าสักวันเราจะหาทางทดแทนคุณท่านให้ได้พร้อมมูลทั้งความกตัญญูแบบอวิชชาและวิชชา

 

 

                                                                         คุรุอตีศะ
                                                              ๒  สิงหาคม  ๒๕๕๙