หัวใจที่เข้มแข็ง

 หัวใจที่เข้มแข็ง

 

 

                    การพิสูจน์ว่าใครจะเป็นผู้ใฝ่ใจในคุณธรรมความดีแค่ไหน จำต้องอาศัยเวลาและอุปสรรคต่างๆเป็นเครื่องทดสอบ  การทำความดีอันเกิดจากการมีคนอื่นคอยเอาใจหรือเพราะคนอื่นคอยโอนอ่อนผ่อนตามไม่ขัดใจ จะยังไม่ใช่การทำความดีที่ประกอบด้วยหัวใจอันเข้มแข็ง


                    ผู้ชายบางคนได้ชื่อว่าเป็นคนดี ก็เพราะมีภรรยาคอยปรนนิบัติเอาอกเอาใจ ผู้หญิงบางคนได้ชื่อว่าเป็นคนดี ก็เพราะมีสามีที่รู้จักเอาใจและเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครให้หัวใจต้องระคายเคือง


                     ความดีเพราะมีแต่สิ่งที่เป็นอิฏฐารมณ์คือสิ่งที่ถูกใจ จะยังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนดีแท้  ต้องให้ชีวิตได้ประสบต่อความผันแปรหรืออนิฏฐารมณ์คือสิ่งไม่ถูกใจ นั่นแหละจึงจะถือว่าได้รับการพิสูจน์


                    มีภรรยาขี้บ่น ไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะแต่ก็ประคับประคองกันไป มีความเข้าใจไม่ถือสา นั่นจึงจะแสดงว่ามีความรักความเมตตาที่แท้จริงในใจ  มีสามีที่ถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงเอาเปรียบอยู่เรื่อยไป แต่ก็อดทนไม่บ่นไม่ด่าค่อยๆบอกค่อยๆเตือนกันไป นั่นแหละคือความรักความเมตตาที่มอบให้แก่กันที่แท้จริง


                   ผู้ที่จะทำความดีและสร้างชีวิตให้สำเร็จ  จะต้องปลุกหัวใจของตนให้องอาจและมีอุตสาหะ จะต้องพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคและมีหัวใจที่เข้มแข็ง  การสร้างความดีนั้น แท้จริงแล้วก็คือการพากเพียรเพื่อสละอัตตาตัวตน  สิ่งนี้ย่อมใช้ได้กับทุกคนไม่ว่าในทางโลกหรือทางธรรม


                   มีเกร็ดประวัติของพระอาจารย์ประยุทธ์ ธมฺมยุตฺโต ที่สามารถนำมาเป็นอุทาหรณ์และเป็นกำลังใจในการเป็นผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งแก่คนทั้งหลาย อย่างเช่น ตอนที่ท่านได้พบกับหลวงปู่ตื้อ  อจลธมฺโม  แล้วถูกสอบสวนว่าก่อนบวชไปทำอะไรมา ขอให้บอกมาตามตรง พระหนุ่มก็ตอบว่าเป็นโจรมา


                   พอได้รับคำตอบอย่างอาจหาญแบบลูกผู้ชาย ก็ถือว่าการสอบเข้าเป็นศิษย์สำเร็จ แล้วท่านก็พาไปหน้าพระประธานในศาลาหญ้า แล้วพูดกับพระหนุ่มผู้ซึ่งเพิ่งบวชได้เพียงหนึ่งพรรษาแต่ชีวิตที่ผ่านมานั้นช่างมืดดำและโชกโชนว่า “เมื่อมาขอเป็นศิษย์ เรื่องที่เป็นความผิดพลาดในอดีตก็ให้ผ่านไป  แต่จงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพุทธองค์ว่าจะขอบวชตลอดชีวิต จะไม่ลาสิกขาไปเป็นฆราวาสอีกเป็นอันขาด”


                   ท่านก็ทำตามอย่างไม่ข้องขัดหรือลังเล  นี่คือจุดเริ่มต้นของการเริ่มแผ้วถางสร้างทางแห่งความดี  โดยเฉพาะคนที่เคยใช้ชีวิตที่ผิดพลาดมาแล้ว จะต้องเด็ดเดี่ยวเช่นนี้จึงจะพบจุดหมายอันสูงสุดของชีวิต


                   ครั้งหนึ่งท่านเดินธุดงค์ในแถบภาคเหนือมีพระ ๑ รูป และสามเณรอีก ๑ รูป เป็นศิษย์ติดตามไปด้วย  ปกติแล้วการธุดงค์ไปตามดงดอยก็จะมีชาวเขาใส่บาตรให้ฉันพอประทังชีวิต แม้เขาจะไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา


                   แต่คณะพระธุดงค์ไม่รู้ว่าในช่วงเวลานั้นทางการกำลังปราบปรามการลักลอบปลูกฝิ่นอย่างหนัก  ทำให้ชาวเขาที่ปลูกฝิ่นเป็นอาชีพมานานมีความหวาดระแวงว่าท่านกับพระเณรอาจเป็นเจ้าหน้าที่ปลอมตัวมา  หัวหน้าเผ่าชาวเขาจึงสั่งห้ามลูกบ้านทุกคนห้ามใส่บาตรพระอย่างเด็ดขาด  ท่านพระอาจารย์ประยุทธ์กับพระเณรจึงไม่ได้อาหารเลย อุ้มแต่บาตรเปล่ากลับกลดต้องพากันอดอาหารอยู่นานถึง ๖ วัน


                  แม้จะไม่เคยได้อาหารจากหมู่บ้านชาวเขา  พอถึงรุ่งเช้าวันที่ ๗ ท่านก็พาพระเณรออกบิณฑบาตเป็นกิจวัตร คราวนี้หัวหน้าเผ่าออกมาใส่บาตรพระอาจารย์ประยุทธ์ด้วยตนเองเลยทีเดียว พระเณรที่ติดตามมาก็มีผู้ใส่บาตรรูปละห่อเหมือนกัน  อาหารที่ได้ในวันนั้น เป็นข้าวต้มเละๆที่ดูปฏิกูลน่ารังเกียจยิ่งกว่าอาหารที่ใช้เลี้ยงสุนัข  พระเณรที่อดข้าวมาถึงวันที่เจ็ดเกือบจะอาเจียนแต่ก็จำฝืนให้ลงลำคอ


                   สำหรับอาหารที่หัวหน้าเผ่าใส่บาตรให้ท่านพระอาจารย์ประยุทธ์นั้น พอท่านเปิดฝาบาตรเตรียมจะเริ่มฉัน ก็มีกลิ่นเหม็นเน่าลอยขึ้นมาจากบาตรกระทบจมูก สิ่งที่อยู่ในบาตรนอกจากจะเป็นข้าวต้มเละๆยิ่งกว่าอาหารสุนัขแล้ว ก็ยังมีอะไรคล้ายกับข้าวอยู่ก้นบาตร ท่านจึงใช้นิ้วเขี่ยดู  ปรากฏว่าคือ “หนูเน่า”ที่เขาเอามันต้มลงไปด้วยความจงใจคิดกลั่นแกล้งเพื่อให้ท่านหนีไปอย่างเจ็บแสบที่สุด


                    ความเป็นคนโทสจริตกล้าได้ทำให้ท่านทำผิดทำบาปมาหลายครั้งในชีวิตฆราวาส  โทสะนั้นที่ไม่เคยปรากฏมานานแต่บัดนี้ได้พลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  ท่านได้อุ้มบาตรลุกออกจากแถวพระเณรไปนั่งสงบสติอารมณ์จากการที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยามและถูกสบประมาทอย่างแรง


                   ท่านตั้งสติน้อมพิจารณาด้วยปัญญาว่า “เราและเขาต่างมีบุพกรรมต่อกันมาในอดีต  มิฉะนั้นคงจะไม่ได้มาพบกันและเราเองต้องมาได้รับการกลั่นแกล้งที่รุนแรงจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวเช่นนี้  เมื่อเขาทำกับเราเช่นนี้ก็เป็นการดี ที่เราจะได้ถือเอาโอกาสนี้เป็นการใช้หนี้ให้แก่เขา เพื่อให้สิ้นเวรกรรมต่อกัน”


                    เมื่อสติปัญญาเกิดขึ้นมา จิตได้คลายจากโทสะอย่างรวดเร็ว แล้วเกิดความรักความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีประมาณ  ท่านเกิดความสุขความเยือกเย็นใจและความผ่องใสแห่งดวงจิต  เป็นชีวิตที่เกิดใหม่อยู่ภายใน หลังจากนั้นโทสะและปฏิฆะก็ไม่หลงเหลือในขันธสันดานของท่านอีก


                    หัวใจที่เข้มแข็งของท่าน  ทำให้ท่านผ่านวิกฤติครั้งสำคัญมาได้ พร้อมทั้งเกิดอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ที่มิอาจบอกใคร นั่นคือทำให้ภูมิจิตภูมิธรรมภายในของท่านสูงส่งและมั่นคงนับแต่นั้นมา

 

                                                                                   คุรุอตีศะ
                                                                        ๓๑  กรกฎาคม  ๒๕๕๙