เส้นทางของพุทธสาวก

 เส้นทางของพุทธสาวก

 

 

                  การบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็นับว่าเป็นเรื่องที่คนทั่วไปทำได้ยากยิ่งแล้ว  แต่การที่บวชแล้วมีโอกาสได้ศึกษาและปฏิบัติเพื่อเข้าถึงธรรม  กลับเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า


                  เมื่อบวชศึกษาและปฏิบัติจนกระทั่งเข้าถึงมรรคผลนิพพาน เป็นสิ่งยากแสนยากแล้ว แต่การประกาศศาสนาเผยแผ่ธรรมเพื่อประโยชน์และเกื้อกูลมหาชนไม่เลือกชนชั้นวรรณะยิ่งยากกว่าหลายเท่า


                  การที่มีครูบาอาจารย์หรือพระภิกษุบางรูปมีผลงานในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนอย่างมากมาย ต่อมาได้มีกระแสข่าวโจมตีจนกลายเป็นผู้ร้ายหรือตกเป็นจำเลยของสังคม จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจของผู้คนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้นหรือว่าเป็นผู้ที่เติบโตขึ้นมาภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวก็ตาม


                   เหตุใดจึงมีผู้ไปเคารพกราบไหว้ท่านที่สังคมตราหน้าว่าเป็นคนชั่วร้าย อันเกิดจากอิทธิพลของข้อมูลข่าวสารที่ยึดพื้นที่ทางความคิดและจิตใจของผู้คนไว้ได้หมด  แต่ทำไมคนที่ได้ชื่อว่าชั่วร้ายจึงมีใบหน้าผ่องใส ไม่มีการกล่าวร้ายต่อศัตรูหรือต่อใครอย่างไร้การเสแสร้ง  มีแต่ความเป็นปกติธรรมชาติและความยิ้มแย้มแจ่มใส


                   แม้จะมีคนเข้าใจต่อตัวท่านเองว่าเป็นชั่ว คนเลว คนผิด จนกระทั่งไม่อยากให้มีพื้นที่ไว้ให้ยืนแม้แต่ตารางวาเดียว แต่ท่านกลับมีแต่การไม่ถือสา  มีแต่ความรักความเมตตา มีแต่การให้อภัย  จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้ที่สังคมตราหน้าว่าเป็นผู้ร้าย เหตุใดจึงมีความยิ้มแย้มแจ่มใสยิ่งกว่าผู้ที่ได้รับการยกย่องในสังคม


                   ท่านไว้ผมยาว ใส่เสื้อผ้าไปตามแต่จะนุ่งห่มได้ จะเรียกว่าจีวรหรือเรียกอะไรก็ตามใจ  แต่ทำไมกลับมีแต่ความรักความเมตตาและความอบอุ่นเหมือนพลังแม่เหล็กอยู่รายล้อมต่อทุกคนที่มีโอกาสอยู่ใกล้


                   พระภิกษุหลายรูปแม้จะมีทั้งสบงจีวรสังฆาฏิพร้อมทั้งปลงผมและหนวดเรียบร้อย แต่ทำไมกลับไม่มีตบะบารมีเหมือนอย่างท่าน  พระภิกษุเหล่านั้นไปกราบไหว้ทำความเคารพต่อผู้ที่ชั่วร้ายได้อย่างไรกัน  หรือว่า..แท้ที่จริงนั้น ท่านคือหงส์แต่พวกกาพากันแต้มสีดำจนผู้คนหลงคิดว่าท่านเป็นกา


                    ในโลกมนุษย์อันเต็มไปด้วยมายาและมีแต่จะต้องเสื่อมสลายหาความจีรังมิได้  การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ การถูกกลั่นแกล้งให้คนดีๆเสียชื่อเสียงจนกลายเป็นผู้ร้าย  เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายบนโลกมนุษย์อันเต็มไปด้วยคนทุศีลเป็นส่วนใหญ่นี้


                     คนที่ทำความดีแท้ๆ อาจถูกใส่ร้ายให้กลายเป็นคนชั่ว  คนชั่วที่ไม่มีศีล อาจถูกยกย่องว่าเป็นคนมีเกียรติหรือเป็นคนดี  นี้คือสิ่งที่กำลังเป็นไปตามยุค “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย ส่วนน้ำเต้าน้อยจะถอยจม” ตามคำทำนายโบราณ


                    เส้นทางของพุทธสาวกที่มีบารมีสูงส่งในการประกาศเผยแผ่ศาสนา จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีมารผจญ ดุจเรือลำใหญ่จะต้องเจอคลื่นใหญ่ ต้องเจอกับพายุร้ายยิ่งกว่าเรือลำน้อยๆธรรมดาทั้งหลาย


                    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ความเป็นพระไม่ได้อยู่ที่โกนหัว ห่มจีวร แต่คือใจที่มีธรรมเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ ต่อให้โจรร้ายกระชากจีวรออกก็ไม่ทำให้เธอสูญสิ้นความเป็นพระแต่อย่างใด” ดังนั้น บุคคลใดที่เข้าถึงความรู้ ตื่น เบิกบาน  ย่อมคือพระแท้เสมอ เพราะความเป็นพระไม่ได้อยู่ที่จีวร แต่คือความสะอาด สว่าง สงบแห่งดวงใจ ความมีเมตตาให้อภัย ความเป็นผู้มีสติในทุกอิริยาบถและทุกการกระทำ


                     ความเป็นพระแท้หรือพุทธสาวกนั้น ย่อมเลยพ้นรูปแบบที่สมมุติในพิธีกรรมเมื่อแรกเริ่มการบรรพชาอุปสมบท  สิ่งนั้นย่อมเป็นเพียงวิธีการเริ่มต้นคล้ายกับการพยายามสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร

 
                    เมื่อสำเร็จเป็นนายพัน นายพลแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบเหมือนตอนเป็นนักเรียนแต่อย่างใด เปรียบได้กับ บุคคลที่มีภูมิธรรมเข้าถึง “ความเป็นพระแท้อยู่ที่ใจ” จะโกนหัวห่มจีวรหรือไม่ ก็ไม่มีอำนาจใดในจักรวาลสามารถมาบั่นทอนหรือทำลายความเป็นพระแท้ของบุคคลนั้นได้เลย


                   ขอให้เราทั้งหลายจงเข้าใจความเป็นพระแท้ไว้เช่นนี้  เข้าใจเส้นทางมหาวิบากของผู้มีบารมีใหญ่ในการเผยแผ่ประกาศพระศาสนา  ตัวเรานี้มีบุญบารมีน้อยเพียงเศษเสี้ยวของท่าน  มิอาจเอาความคิดความเห็นของเราเป็นมาตรฐานในการไปตัดสินท่านเหล่านั้นแต่อย่างใด  เหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป มิอาจเข้าใจชีวิตและความเป็นไปของพระราชามหากษัตริย์ผู้มีอำนาจสูงส่งในแผ่นดิน


                     เราจึงขอตั้งหน้าบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาให้ยิ่งขึ้น  เพื่อให้เรามีสติที่สมบูรณ์จนกระทั่งสามารถอดทนต่ออุปสรรคและมรสุมของชีวิตได้เหมือนกับท่านเหล่านั้น


                     ชีวิตท่านเหล่านั้นเปรียบเสมือนเรือลำใหญ่ออกสู่ท้องทะเลหลวงได้เผชิญกับคลื่นลมมาแล้วจนเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย  แต่พวกเราทั้งหลายยังมิอาจพายเรือลำน้อยออกสู่มหาสมุทรได้ถึงเพียงหนึ่งไมล์ทะเล


                     เราจะขอมุ่งมั่นสร้างเรือเดินสมุทรที่แข็งแกร่งและลำใหญ่ จนพอที่จะสู้กับคลื่นลมได้เหมือนอย่างท่านเหล่านั้นผ่านมาแล้ว  เราจะยึดเอาดวงแก้วสามประการพร้อมสติและปัญญาในการสร้างสรรค์เรือลำใหญ่

 
                       แม้วันนี้เราจะยังเหมือนคนขี้ขลาดยังไม่กล้าออกจากฝั่งแต่อย่างใด  สักวันเราจะเกิดความมั่นใจจนออกสู่ทะเลหลวงอย่างกล้าหาญยิ่งใหญ่ ก้าวขึ้นสู่ฟากฝั่งอย่างปลอดภัยเช่นกับพุทธสาวกทั้งปวง

 

                                                                               คุรุอตีศะ
                                                                    ๒๔  กรกฎาคม  ๒๕๕๙