กว่าจะเป็นพระแท้

 กว่าจะเป็นพระแท้

 

 

                วันนี้เป็นวันพระขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘  อีกเพียงสัปดาห์เดียวก็จะถึงเทศกาลเข้าพรรษา  เป็นโอกาสที่เราทั้งหลายจะได้ทำบุญกุศล บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ขัดเกลากาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาด เพื่อความสงบสุขของจิตใจ


                 คำว่า “พระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ” กว่าที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจะฝึกฝนตนจนเป็นพระแท้ให้ผู้คนได้กราบไหว้  ช่างยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด หากท่านไม่ได้เล่าไว้ ยากนักที่เหล่าศิษย์และคนรุ่นหลังจะทราบ

 
                ดังจะยกประวัติและปฏิปทาของ “หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก” แห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาเล่าเพื่อบำรุงศรัทธาคือความเชื่อมั่นและปสาทะคือความเลื่อมใสไว้พอเป็นสังเขป เพื่อเป็นสังฆานุสติและเป็นขวัญกำลังใจในการสร้างกุศลคุณงามความดี สมกับที่ท่านเป็นพระแท้ดำรงพระศาสนามายาวนาน


                เด็กชายจงสมัยยังเล็ก เป็นเด็กขี้โรค พอโตขึ้นอายุได้ ๘ ขวบ แทนที่จะได้มีความสุขสนุกสนานเหมือนเด็กในวัยเดียวกัน แต่เด็กชายจงกลับมีนัยน์ตาฝ้าฟางมองไม่ค่อยเห็น  หูที่เคยเป็นปกติก็เริ่มตึงฟังอะไรไม่ค่อยได้ยิน  เวลาจะไปดูลิเกก็ต้องเป็นภาระของพ่อแม่และคนอื่นต้องคอยเดินจูงข้ามทุ่งนาทุลักทุเลเป็นที่อิดหนาระอาใจของคนที่ต้องคอยรับผิดชอบดูแล แทนที่จะได้ดูลิเกอย่างสนุกกลับเป็นทุกข์และกังวล


                 พออายุได้ ๑๒ ปี ด้วยความที่ไปไหนก็ลำบากและเป็นภาระของคนอื่น สถานที่ที่เด็กชายจงชอบไปและรู้สึกมีความสุขและสบายใจก็คือการได้ไปวัด  พอไปบ่อยๆเข้า พ่อนึกรำคาญก็เลยพลั้งปากออกมาว่า "แกจะไปไหนก็ไม่ไปเหมือนคนอื่น แต่ชอบไปวัด ถ้าอย่างนั้นก็บวชซะเลยเป็นไร” พอเด็กชายจงได้ยินพ่อพูดแบบนั้นก็แสนดีใจเลยบอกพ่อกับแม่ว่าจะขอบวชอยู่วัดไปตลอด


                 พอเด็กชายจงบวชเป็นสามเณรได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุมหัศจรรย์เกี่ยวกับตัวของสามเณรจงขึ้นมาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ คือดวงตาที่เคยฝ้าฟางมองไม่ค่อยเห็นมาตั้งแต่ยังเด็ก ก็กลับมองเห็นเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป หูที่เคยตึงไม่ค่อยได้ยินอะไร ก็ได้ยินเหมือนคนปกติ โดยไม่ได้กินยาหรือรักษาแต่อย่างใด


                 ความอัศจรรย์ของเด็กชายจงในเรื่องนี้เป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว พวกหนึ่งลงมติว่าคงจะเป็นบุญของสามเณรที่ได้บวชในร่มผ้ากาสาวพัสตร์โรคภัยไข้เจ็บจึงได้หาย ส่วนบางพวกบอกว่า คงจะเป็นบุญบารมีของเด็กชายจงที่มีเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองไว้ ทำให้หูและตาของเด็กชายจงไม่ต้องไปได้เห็นได้ยินอะไรที่จะเป็นเหตุให้ปรุงแต่งกิเลสไปตามวิสัยชาวโลก เมื่อบวชแล้วจึงได้ทำให้มีหูตาเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป


                 พระในสมัยก่อนท่านมักจะออกธุดงค์หลังจากออกพรรษารับกฐินแล้วเป็นปกติ  หลวงพ่อจงท่านก็จะออกธุดงค์องค์เดียวในฤดูแล้งอยู่ประจำสมัยที่ท่านยังเป็นหนุ่ม


                 ครั้งหนึ่ง ท่านตั้งใจอธิษฐานจะเดินธุดงค์องค์เดียวเพื่อไปกราบนมัสการพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ที่ประเทศพม่า แต่เมื่อเดินจาริกตามลำพังไปถึงพระพุทธบาท สระบุรี ก็มีพระภิกษุ ๒ รูป ขอร่วมเดินธุดงค์ด้วยท่านก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด ต่อมาพอถึงลพบุรีก็มีพระภิกษุอีก ๒ รูปร่วมคณะจาริกธุดงค์ รวมเป็นคณะจาริกธุดงค์รวม ๕ รูปด้วยกัน ก่อนจะเข้าอาณาเขตของดงพญาไฟ


                 พอเดินเข้าป่าที่แสนทุกข์ยากลำบากและเต็มไปด้วยภยันตรายได้เพียงสองวัน พระภิกษุรูปหนึ่งก็ป่วยและมรณภาพลงในท่ามกลางป่าอันมืดทึบแสนน่ากลัวนั้น  ในคณะก็พากันจัดการฝังร่างของท่านไว้กลางป่าตามแต่จะทำได้ท่ามกลางความกันดารทุกอย่าง แล้วท่านก็พาคณะเดินธุดงค์ต่อไป ไม่มีรูปใดย่อท้อ กลัวอดหรือกลัวตาย ต่างถวายชีวิตเพื่อพระบรมศาสดาและมรรคผลนิพพานโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน


                พอเข้าเขตจังหวัดนครสวรรค์ ก็มีพระภิกษุอีกรูปหนึ่งขอร่วมเดินธุดงค์ด้วย ในคณะก็กลับมามีจำนวน ๕ รูปเหมือนเก่า แต่พอเดินไปได้อีกพักใหญ่ ก็มีงูจงอางเข้ามาฉกกัดพระภิกษุรูปหนึ่งในคณะ ยังไม่ทันที่จะหายามารักษาท่านก็ล้มลงสิ้นใจ  คณะก็พากันขอแรงชาวบ้านแถวนั้นช่วงฝังร่างท่านไว้ตามมีตามเกิด แต่ทุกรูปก็ไม่หวั่นไหว ยังคงเดินต่อไป ไม่มีรูปใดขอกลับวัดหรือมีทีท่าว่าท้อแท้สิ้นหวังแต่อย่างใดเลย


                 เดินจาริกมาถึงเขตบึงบอระเพ็ดอันกว้างใหญ่และมีจระเข้มากที่สุด ขณะเดินไปตามคันดินปริ่มน้ำที่ทุลักทุเล ฉับพลันก็มีจระเข้ตัวใหญ่พุ่งขึ้นมาคาบพระภิกษุรูปหนึ่งที่กลางตัวจนร่างขาดเป็นสองท่อน มันคาบเอาส่วนล่างหายจมลงไปในน้ำท่ามกลางความตะลึงของพระทุกรูปโดยไม่อาจทำอะไร  นอกจากนำร่างกายส่วนบนของท่านมาช่วยกันจัดการฝังไว้แล้วก็ตั้งหน้าจาริกธุดงค์ต่อตามที่เปล่งวาจาอธิษฐานบารมี


                 พอถึงตะพานหิน ก็มีพระภิกษุอีก ๒ รูปขอร่วมเดินธุดงค์กับคณะ แต่ปรากฏว่าพอถึงแม่สอดพระภิกษุในคณะต่างก็ล้มป่วยและมรณภาพทั้งหมด เหลือแต่หลวงพ่อจงองค์เดียวเดินเข้าสู่พม่าตามลำพัง


                 หลวงพ่อจงท่านได้เล่าให้ศิษย์ผู้ใกล้ชิดฟังว่า ในบรรดาพระภิกษุทุกรูปที่ร่วมธุดงค์กับท่านครั้งนั้น ไม่มีรูปใดเป็นพระบวชใหม่หรืออ่อนพรรษา ทุกรูปล้วนมีพรรษามากเคยเดินธุดงค์มาแล้วโชกโชน บางรูปมีอภิญญาจิต บางรูปมีอนาคตังสญาณอันแจ่มชัดรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้อย่างแม่นยำไม่เป็นสองรองใคร


                 พระภิกษุรูปหนึ่งท่านบอกกับหลวงพ่อจงล่วงหน้าว่า “บ่ายวันนี้ผมจะป่วย แล้วผมจะตายในคืนนี้” พอตกตอนบ่ายท่านก็ป่วยขึ้นมาจริงๆ พอตกถึงเวลาค่ำท่านก็ข่มเวทนาสวดมนต์และนั่งภาวนาในกลด พอรุ่งเช้าก็พบว่าท่านมรณภาพในท่านั่งสมาธิ อันเป็นเจตนาของท่านในการที่จะมรณภาพในฌานสมาบัติ


                    ในการตั้งจิตอธิษฐานเพื่อไปกราบพระมหาเจดีย์ชเวดากองของหลวงพ่อจงในครั้งนั้น  ในระหว่างเดินทางได้มีพระภิกษุขอร่วมเดินทางจาริกธุดงค์ ๖ รูปด้วยกัน แต่ทุกรูปล้วนมรณภาพลงทั้งหมดในระหว่างทาง มีแต่หลวงพ่อจงองค์เดียวอยู่รอดปลอดภัยจนกระทั่งเดินทางเข้าสู่ประเทศพม่าแล้วได้กราบพระมหาเจดีย์ชเวดากองสมดังปณิธานสำเร็จ นี้คือบุญญาภินิหารและการทรงอภิญญาจิตของท่านโดยแท้


                    เมื่อเราทั้งหลายได้ระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณเช่นนี้แล้ว ดวงจิตจะเป็นกุศลมีความผ่องแผ้ว มีพลังแห่งศรัทธา หัวใจจะรู้สึกสดชื่นมีพลังเต็มเปี่ยม เพราะพลังแห่งสังฆานุสติภาวนา


                      หลวงปู่ครูบาอาจารย์ทุกรูป ท่านอดทนพากเพียรบากบั่นมาอย่างหนักหนาสาหัสกว่าจะเป็นพระแท้ให้ผู้คนกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ

 
                      เราทั้งหลายก็ควรน้อมจิตว่าจะขอเข้มแข็งไม่ท้อแท้หวั่นไหวต่ออุปสรรคปัญหาใดๆ จะขอตั้งใจพากเพียรสร้างความดีเจริญสติภาวนาตามรอยพระอริยเจ้าทั้งหลายจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่  เพียงเท่านี้หัวใจของเราก็มีความสุข อบอุ่นและร่มเย็นแล้ว

 

 

                                                                                     คุรุอตีศะ
                                                                          ๑๒  กรกฎาคม  ๒๕๕๙