เส้นทางชีวิต

เส้นทางชีวิต

 

 

                    ชีวิตจะเดินไปบนเส้นทางไหน  หนทางที่เราเดินมาแสนยาวไกลแต่ทำไมกลับดูเวิ้งว้างไร้จุดหมาย  เราได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้บางสิ่งอย่างมากมาย  แต่เหตุใดหนอชีวิตกลับยิ่งไร้ความหมายและว้าเหว่ยิ่งขึ้น


                    สำหรับบางคน แต่ก่อนนั้นคิดว่าเมื่อตัดสินใจแต่งงานชีวิตจะพบกับความมั่นคงและยั่งยืน  แต่มาบัดนี้กลับรู้สึกชีวิตพบทางตัน บางวันนอนแล้วไม่อยากตื่น ต้องย้อนกลับถามตัวเองว่า ชีวิตนี้ต้องการอะไร


                    ทำไมชีวิตที่ผ่านมาจึงรู้สึกว่าเหมือนเป็นความฝันอันว่างเปล่า?  อาจเป็นเพราะเราไปมุ่งแสวงหาไขว่คว้าสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระอันยิ่งใหญ่ก็ได้   จิตใต้สำนึกที่ซ่อนอยู่ข้างในจึงตักเตือนและเรียกร้องให้รีบเร่งแสวงหาเอาสิ่งที่เป็นสาระที่แท้จริงของชีวิต ให้เร่งสร้างบุญบารมี ก่อนที่ร่างกายนี้จะแตกสลายไป


                   เราอาจเป็นคนหนึ่งที่ไปแสวงหากามารมณ์โดยเข้าใจว่าเป็นความรักเรื่อยมา  อาจแสวงหาการยอมรับของสังคม ด้วยการสะสมทรัพย์สินเงินทองไว้ให้มากเพื่อหวังให้คนไม่ดูหมิ่น  เราอาจแสวงหาอำนาจหรือเกียรติยศโดยหวังจะให้คนนับถือและเห็นความสำคัญ ทั้งที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุ่มเทแสวงหามาทั้งชีวิตนั้น เป็นเพียงการได้เสวยบุญเก่าที่เคยทำไว้ แต่มัวเพลิดเพลินเกินไป จนลืมสร้างบุญใหม่ให้สมกับชีวิตได้เกิดมา


                   ชีวิตของคนเรามิได้เกิดมาเพียงชาตินี้ชาติเดียว  ไม่ใช่ไม่มีนรกสวรรค์อย่างที่นักวิชาการสมัยใหม่หรือลัทธิการเมืองบางอย่างมักพยายามล้างสมองหรือกล่าวอ้างให้ได้ยินบ่อยๆเช่นนั้น

 
                   สาธุชนทั้งหลายขอให้เข้าใจไว้ประการหนึ่งเถิดว่า ผู้ที่ไม่มีนรกสวรรค์ก็มีแต่พระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะแล้วเท่านั้น เพราะไม่มีการเกิดอีกในภพภูมิใด  แต่สำหรับปุถุชนคนทั้งหลาย ยังมีกิเลสหลงทำบุญบ้าง หลงทำบาปบ้าง  นรกสวรรค์จะยังไม่หายไปไหน แม้ว่าจะอยู่ในลัทธิศาสนาใด แม้ว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม


                  ไม่ควรกล่าวอ้างว่าไม่มีนรกสวรรค์เพื่อจะทำอะไรตามใจกิเลสได้อย่างอิสระ  หากผู้พูดยังไม่ใช่พระอรหันต์สิ้นกิเลส ยังยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ อำนาจความยิ่งใหญ่ แสดงว่ายังมีอุปาทานอยู่ในดวงใจเช่นปุถุชนคนทั้งหลาย  ขอจงอย่ากล่าวว่าไม่มีนรกสวรรค์แต่อย่างใด  เพราะจะส่งผลทำให้ผู้คนที่ชีวิตกำลังเคว้งคว้าง จิตใจกำลังอ่อนแอถึงทางตันหรือกำลังจะพลัดตกลงไปสู่เหวลึกทั้งหลาย ต้องมีชีวิตที่หลงถลำลึกลงไป เขาจะได้มีสติและยับยั้งชั่งใจครองตนอยู่ในศีลธรรม ไม่หลงทำบาปทำกรรมให้เขาต้องมีชีวิตมืดมนไปกว่าเดิม


                    หากเรายังเป็นคนหนึ่งยังอยากได้ อยากมี อยากเป็น ยังพอใจที่จะโลดแล่นดิ้นรนอยู่ในกระแสของโลกนี้ ขอจงเชื่อนรกสวรรค์ไว้ก่อนเถิดจะปลอดภัยกว่า  อย่างน้อยหากร่างกายแตกดับไปสู่ปรโลกในภพหน้า เกิดนรกสวรรค์มีจริงอย่างที่ท่านว่าไว้จะได้ไม่ตกใจเคอะเขินหรือนั่งกอดเข่าร้องไห้แก้ไขอะไรไม่ทันการ

 
                    หากเราคือคนหนึ่งที่ไม่อยากคิดถึงเรื่องนรกสวรรค์ เพราะเป็นสิ่งตอกย้ำบาปหรือความผิดในอดีตทำให้ใจเกิดความเศร้าหมอง ในกรณีนี้เราไม่ต้องสนใจหรือคิดเรื่องนรกสวรรค์ก็ได้  แต่ต้องหมั่นเจริญสติ หมั่นให้ทาน รักษาศีลตั้งแต่วันนี้เพื่อล้างหัวใจให้ใสสะอาดด้วยอริยมรรคที่พระอริยเจ้าทั้งหลายได้ชี้ทางให้เดิน  เส้นทางนี้คือเส้นทางที่จะไปให้พ้นทั้งนรกและสวรรค์ แม้ว่าอดีตที่ผ่านมานั้นจะทำบาปกรรมมาก็ตาม


                   เส้นทางชีวิตที่ทุกคนควรเดินจึงได้แก่ “อริยมรรค” อันเป็นเส้นทางที่ประเสริฐ หรือจะเรียกว่าเป็นเส้นทางของผู้ประเสริฐอย่างนั้นก็ได้  ที่ว่าเป็นเส้นทางประเสริฐ เพราะเป็นเส้นทางที่บุคคลใดได้เดินแล้วจะเริ่มมีความหวัง มีความรักความอบอุ่นอันลึกซึ้งมั่นคงอยู่ภายใน รู้สึกถึงความมีอิสระมีความปลอดโปร่งใจ


                   เมื่อเดินไปตามเส้นทางที่พระองค์ตรัสสอนจนสุดสาย จะมีอานิสงส์ มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ คือทำให้ดวงจิตยืนอยู่เหนือดีเหนือชั่ว เหนือบุญเหนือบาป  เหนืออิทธิพลของนรกและสวรรค์ เหนือโลก เหนือสมมุติบัญญัติทั้งปวง


                   หากจะพูดถึงนรกสวรรค์แล้วไซร้  ผู้ที่เดินไปบนเส้นทางแห่งอริยมรรคนี้จนถึงจุดหมายแล้วเท่านั้น จึงจะมีความชอบธรรมและสามารถกล่าวได้ว่านรกสวรรค์สำหรับท่านนั้นไม่มี  (อริยมรรคก็คือสตินั่นเอง)


                   เหตุที่นรกและสวรรค์ไม่มีอีกแล้วสำหรับท่านผู้เข้าถึงธรรมเหล่านี้ ก็เพราะท่านละตัณหาและอุปาทานได้อย่างเด็ดขาด  ใจของท่านไม่มีสิ่งร้อยรัด บริสุทธิ์สะอาดยืนอยู่เหนือสมมุติในโลกทั้งปวง


                    สำหรับปุถุชนที่ยังว่ายวนอยู่ในกระแสกิเลสทั่วไปนั้น  ยังมีภูมินรกสรรค์ไว้สำหรับรองดวงจิตเมื่อร่างกายแตกดับไปสู่ภพหน้าแล้วเสมอ  นี่คือเหตุผลที่พระศาสดาในทุกศาสนาจึงมีการสอนเรื่องนรกสวรรค์


                    จนกว่าบุคคลนั้นจะมีโอกาสฟังธรรมและปฏิบัติธรรม สามารถดำเนินจิตตามอริยมรรคจนบรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบัน  แต่เนื่องจากท่านละสักกายทิฐิสังโยชน์ได้ บางท่านอาจพูดหรือใช้โวหารแบบปรมัตถสัจจะตามหลักอนัตตาสุญญตาว่าไม่มีนรกสวรรค์ก็อาจทำได้ แม้ว่าในความเป็นจริงนั้นท่านเองยังจะต้องเกิดอีก ๗ ชาติสำหรับพระโสดาบันประเภทที่มีอินทรีย์อ่อนที่สุด จนกว่าจะบรรลุเป็นพระอรหันต์สิ้นอนุสัย  จึงจะพ้นสมมุติไม่มีนรกสวรรค์อย่างเด็ดขาด ไม่มีทั้งคำว่าสมมุติและปรมัตถ์โดยสิ้นเชิง


                    ภูมินรกและสวรรค์ย่อมไม่มีอีกแล้วสำหรับท่าน  เพราะดวงจิตเข้าสู่สภาวะนิพพานเป็นโลกุตตรจิตยืนอยู่เหนือโลก พ้นแล้วจากการเวียนว่ายตายเกิด พ้นแล้วจากสังขารการปรุงแต่งทั้งปวง ไม่มีธาตุขันธ์ต้องไปเสวยหรือไปสู่ภพภูมิใดอีกทั้ง ๓๑ ภูมิ  นี้คือเส้นทางชีวิตที่ประเสริฐแท้ อันเป็นชีวิตนิรันดร

 

 

                                                                                     คุรุอตีศะ
                                                                         ๒๖  มิถุนายน  ๒๕๕๙