ทวีปทั้ง ๔ ในพระพุทธศาสนา
- รายละเอียด
- หมวด: LanDharma
ทวีปทั้ง ๔ ในพระพุทธศาสนา
เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวจากองค์การนาซ่าว่า นักบินอวกาศได้ค้นพบดาวดวงใหม่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าโลก ชนิดที่ว่าโลกที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้เทียบไม่ได้เลย
ดาวที่ค้นพบใหม่นี้ได้ถูกตั้งชื่อเป็นรหัสเรียกขานว่า HD904790B มีขนาดใหญ่กว่าโลก มีทวีปที่หลากหลายเขียวขจี มีน้ำสะอาดจำนวนมากมาย มีมหาสมุทรที่ปราศจากมลพิษซึ่งตรงกันข้ามกับโลกของเราใบนี้ มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ มีชั้นบรรยากาศที่สมดุลบริบูรณ์ทำให้ไม่มีภัยพิบัติใดๆ มีอุณหภูมิ ๗๕ องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ ๒๔ องศาตลอดทั้งปี
จึงขอถือเอาโอกาสนี้กล่าวถึงทวีปทั้ง ๔ ที่กล่าวไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อเทียบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ อันจะทำให้เราเห็นความอัศจรรย์ของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้รู้แจ้งโลก
ในความเห็นส่วนตัว คำว่า “ชมพูทวีป” ที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ผู้เขียนไม่มีความเชื่อตามการตีความของนักปราชญ์สมัยใหม่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ที่พยายามตีความพระไตรปิฎกให้เข้ากันได้กับนักวิทยาศาสตร์ว่าชมพูทวีปคือประเทศอินเดียหรือภูมิภาคบริเวณแถบนั้น
แต่ผู้เขียนมีความเชื่อตามที่พระไตรปิฎกกล่าวไว้ ที่บอกว่าชมพูทวีปคือโลกมนุษย์ที่เราอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ แล้วยังมีโลกมนุษย์อื่นอีกในจักรวาล ซึ่งมีชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างจากมนุษย์ในโลกของเรานี้มาก อันได้แก่มนุษย์ในอีก ๓ ทวีป คือ อมรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป และอุตตรกุรุทวีป ซึ่งมีรูปนามหรือสสารพลังงานเหมือนโลกมนุษย์เรา (คือไม่ใช่อทิสมานกายหรือภพภูมิในโลกวิญญาณหรือโลกทิพย์) ทั้งไม่ใช่ “ปรโลก” หรือโลกหลังความตายที่พวกเรามองด้วยตาไม่เห็น แต่เป็นภูมิของมนุษย์ที่ประณีตสูงกว่า
คำว่า “ปรโลก” ตามที่เราศึกษากันมา และเข้าใจกัน ย่อมหมายถึงโลกหลังจากตายแล้ว อันได้แก่ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ โลกนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน
ตามหลักฐานในพระไตรปิฎก โลกหรือว่าทวีปในจักรวาลนี้ มีอยู่ ๔ ทวีปได้แก่ ชมพูทวีป (โลกมนุษย์) อมรโคยานทวีป ปุพพะวิเทหะทวีป และอุตตรกุรุทวีป
สำหรับเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่เราๆพูดถึงกัน ในความเห็นส่วนตัวแล้วเชื่อว่า UFO หรือ Alien เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ซึ่งอาจจะมาจากโลกอื่นหรือมาจากทวีปทั้ง ๓ นอกจากชมพูทวีปคือโลกมนุษย์ที่เราอยู่อาศัยก็ได้ เพราะจักรวาลนี้กว้างใหญ่ไพศาลเกินจินตนาการตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น ก็ทราบกันแล้วว่าดวงอาทิตย์และดาวพระเคราะห์ที่เราเห็นอยู่นี้ก็เป็นเพียงจักรวาลหนึ่ง
ในพระสูตรยังได้กล่าวถึงโชติกะเศรษฐีว่าโชติกะเศรษฐีนั้น เป็นคนมีบุญมาก ขนาดพระเจ้าแผ่นดินคือพระเจ้าอชาตศัตรูยังเกิดความริษยา ทั้งยังเป็นคนที่เกิดมาเพื่อทำนุบํารุงพระพุทธศาสนาอีกด้วย
พอถึงเวลาที่ท่านจะมีภรรยา ปรากฏว่าหาคู่บารมีไม่ได้ เพราะกําลังแห่งบุญของท่านสูงมาก ไม่มีหญิงคนไหนในโลกเทียบได้ ไม่มีหญิงใดคู่ควรที่จะมาเป็นภรรยาท่าน พระอินทร์ทราบดังนั้น จึงได้ไปนําหญิงสาวจากอุตตรกรุทวีปมาให้เป็นภรรยา เมื่อท่านออกบวชแล้วบรรลุพระอรหันต์ ภรรยาก็กลับคืนสู่อุตตรกุรุทวีป ในเรื่องนั้นยังกล่าวถึงอุตตรกุรุทวีปว่าเป็นถิ่นที่ไม่มีมลพิษ ไม่มีเขม่า ควันไฟ และฝุ่นละออง
ในพระพุทธศาสนาไม่มีคำว่า “มนุษย์ต่างดาว” หรืออาจจะเรียกชื่อบาลีอย่างอื่นก็ได้ แต่ผู้รู้ภาษาบาลียังอาจแปลเข้าไม่ถึงความหมายให้เราเข้าใจ เนื่องจากเป็นความรู้สมัยใหม่ในยุคของพวกเรา แต่ก็มีเรื่องของจักรวาลหรือทวีปอื่นปรากฏอยู่พระไตรปิฎก ซึ่งน่าจะเป็นอันเดียวกันกับมนุษย์ต่างดาว
โดยในจูฬนีสูตรและอรรถกถากล่าวว่า ในโลกธาตุขนาดเล็ก มีจักรวาลอยู่หนึ่งพัน (สหสฺสีจูฬนิกาโลกธาตุ) ในโลกธาตุขนาดกลาง มีล้านจักรวาล (ทวิสหสฺสีมชฺฌิมิกาโลกธาตุ) และในโลกธาตุขนาดใหญ่มีแสนโกฏิจักรวาล (ติสหสฺสีมหาสหสฺสีโลกธาตุ) และในแต่ละโลกธาตุหรือแต่ละจักรวาลนั้นมีทวีปใหญ่ๆอยู่ ๔ ทวีป คือ ชมพูทวีป อมรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป และอุตตรกุรุทวีป
ในจูฬนีสูตรและอรรถกถา กล่าวถึงเรื่องของโลกธาตุหรือจักรวาล และทวีปต่างๆที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงตรัส ซึ่งมีมูลเหตุมาจากการที่พระอานนท์ทูลถามพระพุทธองค์ ว่าพระองค์ทรงสามารถแสดงธรรมให้สัตว์โลกได้ยินไกลขนาดไหน เพียงใด ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสตอบว่า พระองค์สามารถแสดงธรรมให้ผู้ที่อยู่ในจักรวาล ได้ยินได้ฟังเป็นจำนวนแสนโกฏิจักรวาล ซึ่งเป็นการแสดงถึงอานุภาพและกำลังของพระพุทธเจ้าว่ามีกว้างขวางหาประมาณมิได้ เพราะทรงมี “ทศพลญาณ” หรือ “อนาวรญาณ”
นอกจากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกหลายแห่งดังกล่าวมา ต่อมาภายหลังได้มีผู้รู้ที่ทรงอภิญญาและทรงปฏิสัมภิทาได้อธิบายขยายความเรื่องทวีปทั้ง ๔ เพิ่มเติม รวมความได้ดังนี้
๑. ชมพูทวีป (คือโลกมนุษย์ของเรานี้) ตั้งอยู่ทางทิศใต้เขาพระสุเมรุ มนุษย์ที่เกิดในชมพูทวีป มีความสูง ๔ ศอก มีอายุขัยประมาณ ๑๐๐ ปี อายุจะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับคุณธรรมของมนุษย์เอง สมัยหนึ่งมนุษย์ในชมพูทวีปเคยมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปี แต่เมื่อคุณธรรมเสื่อมลง อาหารเลวลง อายุก็ลดลง ต่อไปภายภาคหน้ามนุษย์ในชมพูทวีป จะมีอายุเพียง ๑๐ ปี เท่านั้น และตัวจะเตี้ยถึงขนาดต้องสอยมะเขือกิน
๒. อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเขาพระสุเมรุ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก (มีใบหน้าวงกลม) คล้ายวงพระจันทร์ คนหน้าเหมือนดั่งเดือนแรม จมูกโด่ง คางแหลม มนุษย์ที่อมรโคยานทวีป มีความสูง ๖ ศอก มีอายุขัย ๕๐๐ ปี
๓. ปุพพวิเทหะทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์เต็มดวง คนหน้ากลมเหมือนดวงจันทร์ มีใบหน้าตอนบนโค้งตัดลงมาเหมือนบาตร มีความสูง ๙ ศอก มีอายุขัย ๗๐๐ ปี
๔. อุตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีใบหน้าเป็นรูป ๔ เหลี่ยม รักษาศีล ๕ เป็นนิจ ไม่ยึดมั่นถือมั่นเรื่องทรัพย์สมบัติบุตรภรรยาสามีว่าเป็นของๆตน ไม่มีความทุกข์ใจอันเกิดความรู้สึกหึงหวงเหมือนมนุษย์ในชมพูทวีป มีความสูง ๑๓ ศอก มีอายุขัย ๑,๐๐๐ ปี มนุษย์ที่อุตตรกุรุทวีป เมื่อตายจากทวีปนี้ ทุกคนจะได้ไปเกิดในเทวภูมิ เนื่องจากไม่ได้ทำบาปกรรมมีศีล ๕ ตลอด
จากหลักฐานในพระไตรปิฎกนั้น จึงนับได้ว่านอกจากโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ที่เรียกว่าชมพูทวีปนี้แล้ว ยังมีจักรวาลและโลกอื่นหรือทวีปอื่นอยู่อีกเป็นจำนวนมาก มนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในทวีปเหล่านั้น จะมีรูปร่างหน้าตา การดำเนินชีวิตอย่างไร และทวีปเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ไม่มีรายละเอียดระบุไว้ในพระไตรปิฎก สิ่งเหล่านี้จึงขึ้นกับความเชื่อส่วนตัวของแต่ละคน และประสบการณ์ทางจิตที่ได้รับการฝึกฝนของผู้รู้ที่ท่านได้สมาธิชั้นสูง อันเป็นอจินไตยยากที่คนทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกสมาธิชั้นสูงจนได้อภิญญาจะเข้าใจได้
ดังนั้น หาเราตีความตรงๆตามพระไตรปิฎกว่า ทวีปทั้ง ๔ ในพระพุทธศาสนา ได้แก่ชมพูทวีป ซึ่งได้แก่โลกมนุษย์ที่เรามีทวีปต่างๆเรียกกันในตำราเรียนว่าทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา เหล่านี้คือทวีปหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีอีก ๓ ทวีปที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ คือ อมรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป และอุตตรกุรุทวีป ซึ่งทวีปเหล่านั้น มีวิทยาการเจริญ มีอายุขัยสูงกว่าโลกมนุษย์ของเราหรือดาวเคราะห์ดวงนี้มาก ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่องค์การนาซ่าจะค้นพบดาวดวงใหม่และค้นพบมนุษย์ต่างดาวที่มาจากโลกอื่น
คุรุอตีศะ
๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๙