ทำใจให้ผ่อนคลาย

 ทำใจให้ผ่อนคลาย

 

 

                   การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง จิตใจจะไม่ตึงเครียดหรือร้อนรนกระสับกระส่าย  อารมณ์  จิตใจ และร่างกายจะต้องมีความผ่อนคลายเป็นเบื้องต้น  เพราะเหตุนี้ท่านจึงจัดกรรมฐานเพื่อการฝึกสมาธิไว้ถึง ๔๐ ประเภท เนื่องจากผู้คนทั้งหลายมีจริตนิสัยแตกต่างกัน


                    ผู้หนักไปในศรัทธาจริต   มักชอบอิริยาบถนั่ง  ผู้หนักไปในพุทธิจริตหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปัญญาจริต มักชอบเดินจงกรมหรือทำสมาธิพร้อมกับการเคลื่อนไหว

 
                    บางคนชอบอยู่ในป่าที่ไม่ค่อยได้เจอใคร  บางคนชอบภาวนาในถ้ำหรือที่มืดทึบ  บางคนชอบนั่งบนภูเขาหรือที่สูงๆสามารถมองทิวทัศน์ได้รอบตัว  หากได้สถานที่เป็นสัปปายะแก่จริตของตนแล้ว  ความสงบจะเกิดขึ้นได้ง่าย  เพียงภาวนาครู่เดียวสมาธิก็บังเกิด อย่างนี้ก็มีอยู่มากมาย


                    คนปัญญาจริต จะไม่ชอบการบริกรรมหรือการทำสมาธิแบบจดจ่อเพ่งวัตถุ  จะพอใจกับการกำหนดสติระลึกรู้ตัวไปกับสภาพความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้น  ส่วนคนศรัทธาจริต หากทำอย่างนั้น  จะรู้สึกเหมือนไม่ได้ปฏิบัติ  จะต้องได้นั่งหลับตาภาวนา  ต้องใช้คำบริกรรม จิตจึงจะลงตัว ความสงบจึงจะเกิด


                     กรรมฐานที่สอนกันอยู่ตามสำนักต่างๆ  ส่วนใหญ่จะเหมาะกับคนศรัทธาจริต เนื่องจากเป็นคนส่วนใหญ่ที่ต้องสอนแบบนั้น  ครูบาอาจารย์ที่สอนกรรมฐานแบบปัญญาจริตนั้นมีน้อย  ที่พอจะยกตัวอย่างได้เพื่ออธิบายในที่นี้ ได้แก่ หลวงปู่ดูลย์  อตุโล  หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ  หลวงพ่อชา  สุภทฺโท และที่สอนอยู่ในปัจจุบันก็คือหลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช  ซึ่งในกรณีของหลวงพ่อปราโมชนี้ เหตุที่คนไม่ค่อยเข้าใจท่าน เพราะผู้คนไปเอาสำนักกรรมฐานทั่วไปมาเป็นมาตรฐานตัดสินท่าน  ทั้งที่การสอนดูจิตนั้น  ถือว่าเป็นระดับจิตตานุปัสสนาทีเดียว


                    เราทั้งหลายมีชีวิตอยู่ท่ามกลางชีวิตสมัยใหม่  เราแทบไม่มีชาวบ้านชนบทที่ไม่มีไฟฟ้า เหมือนสมัยหลวงปู่มั่นเดินจาริกธุดงค์อีกแล้ว  มีมือถือมีอินเทอร์เน็ตแทบทุกคน เราฝึกความซับซ้อนของจิตมาตั้งแต่เข้าโรงเรียน  ใจของเราไม่อาจคงความซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนคนรุ่นปู่รุ่นย่ารุ่นตารุ่นยายอีก  ใจของเราเต็มไปด้วยความหมกมุ่นกังวลใจ  กรรมฐานเพื่อช่วยเหลือคนยุคใหม่ จึงได้แก่สมาธิแบบผ่อนคลาย


                    ด้วยเหตุนี้  ยามใดที่สังเกตว่าผู้คนที่มามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังเกินไปเพื่อจะสวดมนต์ให้เก่ง  เมื่อเอาความจริงจังนำหน้าแต่ไม่เข้าใจการวางจิตให้ผ่อนคลาย  บางทีก็ให้เลิกสวดมนต์เสีย  เพราะเราสวดมนต์เพื่อส่งเสริมการเจริญสติ ให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย การสวดมนต์ที่จะทรงความหมาย ต้องปากและใจมีความสอดคล้องกลมกลืนกัน


                     ในทางส่วนตัวแล้ว  ไม่สนับสนุนให้ทำกรรมฐานแบบเคร่งเครียด  เพราะผู้คนสมัยปัจจุบันนั้นมีความเคร่งเครียดเกินพออยู่แล้ว  มีบางคนมาบอกว่า “พอหมดปัญหาชีวิตที่กำลังมีอยู่นี้ จะไปปฏิบัติเข้ม” ก็ตอบไปว่า “แค่นี้ก็เข้มจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ยังจะไปหาความเข้มอะไรให้มันหนักขึ้นมาอีก”


                     อย่าใจร้อนรีบเร่งปฏิบัติโดยหวังว่าจะให้บรรลุภายใน ๗ วัน  ใครที่มุ่งมั่นและตั้งความหวังไว้เช่นนั้น  บอกได้เลยว่าต่อให้นานถึง ๗ ปี ก็ไม่รู้จะพบกับธรรมะหรือความสุขในชีวิตหรือเปล่า


                   หมั่นฝึกสติแล้วอยู่กับชีวิตที่เป็นความจริงในวันนี้  สามีภรรยาทะเลาะกันไม่เข้าใจกัน  อาจไม่ใช่แก้ไขโดยวิธีไปนั่งกรรมฐาน  แต่คือการรู้จักไม่ถือสา รู้จักให้อภัยต่อกัน  สิ่งที่หัวใจของเราต้องการที่แท้จริงนั้น หาใช่กรรมฐานหรือนั่งวิปัสสนาเพื่อพระนิพพาน  แต่คือต้องการความรักความเข้าใจกันต่างหาก


                     บางคนไปปฏิบัติกรรมฐานกลับมาแล้ว  ก็วางตนเป็นคนพิเศษ  สามีเข้าใกล้ก็รังเกียจ  ภรรยาถามไถ่ก็นั่งเฉยทำตัวเหมือนพระผู้บรรลุขั้นอรหันต์ กรรมฐานนั้น มีไว้ให้ปฏิบัติแล้วทำให้เราเข้าใจตนเอง จะได้เข้าใจคนอื่น  มีเมตตากรุณาต่อกัน  เมื่อปฏิบัติธรรมมาแล้ว เราจะต้องไม่วางตัวเป็นคนดีมีคุณธรรม  หากถังขยะเต็ม  ก็รีบเอาไปเทใส่ถัง  นั่นแหละครอบครัวจึงจะอบอุ่นและร่มเย็น (หรือว่าจะมีใครเถียง?)


                     หากใครยังไม่รู้ว่าที่ว่า “ทำกรรมฐานๆๆ” นั้น  มันเป็นเช่นไรหนอ?  ขอตอบง่ายๆตามประสาผู้มีความรู้น้อยว่า “ก็หัดทำใจให้ผ่อนคลายไว้บ่อยๆ” แบบนี้พอจะทำได้ไหม?  หากมีคนอื่นมาบอกว่า “นี่ไม่ใช่กรรมฐาน” ก็ปล่อยให้เขาว่าไป  หากเรารู้สึกว่าหัวใจมีกำลังหรือรู้สึกสบายใจ ก็วางจิตอย่างนั้นแหละเรื่อยไป  อย่างนี้ก็คือกรรมฐานสำหรับตัวเราแล้ว


                    อิริยาบถสี่ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ให้ได้สัดส่วนสมดุลกัน  พยายามอย่านอนดึกตื่นสาย จะทำให้ระบบตับ ไต ถุงน้ำดีทำงานไม่ปกติ จะทำให้เป็นคนขี้โกรธและอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เสมอ


                    อย่าไปดูภาพยนตร์ที่น่าตื่นเต้น หวาดเสียว สยองขวัญ หวาดหวั่นน่ากลัว  คลอเรสเตอรอลจะเริ่มพอกพูนทั้งที่ไม่ได้ทานไขมัน   เพราะคลอเรสเตอรอลจะสูงขึ้น สำหรับคนที่มีความตกใจกลัวบ่อยๆ


                    ทำใจให้ผ่อนคลาย หัดอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น  ธรรมชาติจะเป็นหมอที่ดีที่สุดในการเยียวยารักษาทั้งร่างกายและจิตใจ  เมื่อใจผ่อนคลายแล้วปัญหาชีวิตจะหมดไป ร่างกายก็จะแข็งแรง

 

                                                                               คุรุอตีศะ
                                                                    ๑๑  มิถุนายน  ๒๕๕๙