สมบัติที่แท้จริง

สมบัติที่แท้จริง

 

 

                  ตราบใดที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ ตราบนั้นคนเราจะยังต้องเกิดอีกชาติแล้วชาติเล่า  การจะได้เกิดใหม่ในภพภูมิแบบไหนนั้น  ก็ขึ้นอยู่กับจิตดวงสุดท้ายว่าจะมีสภาพที่เศร้าหมองหรือผ่องใสเพียงใด

 

                    หากจิตเศร้าหมองหรือห่วงกังวล กรรมก็จะชักนำให้ไปปฏิสนธิในทุคติ  แต่หากบุคคลนั้นในตอนเป็นมนุษย์เคยสร้างกุศลกรรมไว้มาก จนจิตมีความคุ้นเคยกับความดี และเมื่อจิตดวงสุดท้ายดับลงในขณะที่จิตมีความผ่องใสหรือเป็นกุศล ก็จะชักนำให้กลับมาปฏิสนธิเป็นมนุษย์เพื่อสร้างบารมีต่อ หรือว่านำพาไปเกิดในภูมิที่ประณีตในสรวงสวรรค์  

                   สิ่งเหล่านี้ญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์จะไม่มีโอกาสรู้ได้เลย นอกจากท่านผู้ที่มีดวงจิตบริสุทธิ์พร้อมทั้งมีอภิญญาจิต สามารถรู้การตายและการอุบัติเกิดขึ้นของเหล่าสัตว์ได้อย่างแน่ชัดดุจการองเห็นภาพในจอทีวี ซึ่งท่านเรียกคุณวิเศษข้อนี้ว่า “จุตูปปาตญาณ” (จุ-ตู-ปะ-ปา-ตะ-ยาน) ซึ่งแม้พระอรหันต์ธรรมดาที่ไม่ได้อภิญญาก็ไม่อาจพยากรณ์การไปสู่ภพใหม่ของบุคคลได้

                    ดังนั้น การรู้ว่าบุคคลนั้นตายแล้วไปเกิดที่ไหนหรือเกิดเป็นอะไร จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ผู้รู้หลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือการได้พบคำตอบของชีวิตว่า แท้จริงแล้ว ความเป็นอยู่ที่จะเป็นสาระที่แท้จริงของคนเรานั้น คือการสร้างบุญบารมี สร้างกุศลเพื่อประคองดวงจิตของคนให้ผ่องใส เพื่อว่าร่างกายนี้แตกดับตายลงในวันใด จะได้ไปสู่ภพใหม่ที่เป็นสุคติภูมิ อย่างน้อยก็ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างความดีใหม่

                   ผู้ที่เข้าใจสาระของชีวิตได้เช่นนี้  ย่อมมองเห็นการแสวงหาลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนาที่ผู้คนต่างพากันแย่งชิงแสวงหาหรือไขว่คว้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น  ว่าแท้จริงแล้วในที่สุด สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถนำติดตัวไปได้เมื่อความตายมาถึง

                   แสวงหาหรือมีมากมายเพียงใด ก็กองไว้เป็นสมบัติของโลกตามเดิม ตนเองก็ได้โลงหนึ่งใบกับเงินหนึ่งบาทที่เขาใส่ในปาก เขาพากันร้องไห้อาลัยกันอยู่พักหนึ่งแล้วก็ลืมเราไป พอนานไปบางทีเขาก็ลืมทำบุญอุทิศกุศลให้  มีแต่บุญกุศลที่ตนเคยทำไว้ตอนเป็นมนุษย์เท่านั้น ที่จะติดตามตัวเองไปในภพหน้า

                  เมื่อปัญญาอันแยบคายเช่นนี้เกิดแก่บุคคลนั้น  เขาจึงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ก่อสร้างสมบัติภายในคือการสร้างบารมีหรือสร้างบุญกุศล มากกว่าการก่อสร้างสมบัติภายนอก นี้คือลักษณะของดวงจิตที่จะเกิดการเลื่อนไหลไปสู่ทางธรรมของผู้ที่มีวาสนาได้สดับธรรมและตระหนักถึงสาระที่แท้จริงของชีวิต

                   เราทั้งหลายเมื่อรู้ว่าสาระที่แท้จริงของชีวิตคืออะไรเช่นนี้แล้ว  จงพากันหมั่นสร้างสมบัติภายในคือบุญกุศลนี้ให้มากอย่าให้ขาดสาย จงให้ความสำคัญต่อการมีสติในการรักษาคุ้มครองหัวใจมากกว่าการแสวงหาทรัพย์สมบัติภายนอกหรือสิงอื่น

                  เพราะนี้คืออริยทรัพย์ภายในที่จะสถิตแนบแน่นมั่นคงอยู่ในดวงใจ  จะติดตามเราไปสู่ภพหน้าโดยไม่ต้องอาศัยหรือรอให้ใครทำบุญอุทิศให้ และย่อมเป็นที่พึ่งของตนได้อย่างแท้จริง

 

คุรุอตีศะ

๒๒  มีนาคม  ๒๕๕๙