ชีวิตคือการเดินทาง

 

ชีวิตคือการเดินทาง

 

                                                               

           ชีวิตคือการเดินทาง  การหาหลักประกันให้แก่ชีวิตจึงเป็นเพียงการไล่ไขว่คว้าเงา อันเปรียบประดุจความฝัน  คิดว่าเมื่อได้สิ่งนั้นมาครอบครองแล้ว ชีวิตจะมีหลักประกัน  แต่เมื่อย้อนมองให้ดีๆ เราจะรู้สึกชีวิตนี้คล้ายดังความฝัน  ไม่เคยหยุดนิ่ง มีแต่การเดินทางเรื่อยไป

 

            การเดินทางของชีวิต  ไม่ได้วัดด้วยระยะทางเป็นไมล์หรือหลักกิโลเมตร  แต่คือการที่ชีวิตนี้มีทั้งความสุขและความทุกข์ ความดีใจและเสียใจ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มาเป็นเครื่องทดสอบจิต  ใจที่ยอมรับและปล่อยวางได้เพียงใดนั่นเอง  คือเครื่องวัดระยะทางว่าเราเดินมาได้ไกลแค่ไหน

 

             หากเราเต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น  ถือสาไปทุกเรื่อง ไม่สามารถให้อภัยต่อความผิดพลาดของใคร  เราก็เดินทางได้เพียงใกล้ๆหรือเดินไปได้ไม่ทันถึงไหน  จนกว่าใจดวงนี้จะรู้จักให้อภัย  การเดินทางของเราจะก้าวกระโดดเหมือนจรวด  เพราะนั่นแสดงถึงการเติบโตภายในของจิตวิญญาณ

 

             เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสะสมหรือเพื่อการยึดมั่นถือมั่น  แต่เกิดมาเพื่อเรียนรู้ความเป็นไปของโลกและรู้เท่าทันมายาของสรรพสิ่ง  สิ่งที่เราประสบพบเจออยู่นี้ประดุจดั่งความฝัน  แต่เรานั้นมักยึดมั่นว่าเป็นความจริง  จนกระทั่งทุกสิ่งเสื่อมสลายไป  เราจึงประจักษ์แจ้งในอนิจจัง

 

             อย่ายึดมั่นถือมั่นสิ่งใดจนเป็นภาระหนักแก่ดวงจิต  การเดินทางคือชีวิต  ทุกสิ่งกำลังเลื่อนไหลไปดุจสายน้ำ  วันนี้สุข พรุ่งนี้ทุกข์  วันนี้ทุกข์ พรุ่งนี้สุข  ต้องฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามสุดยากแค้นลำเค็ญ  จนกว่าดวงจิตนี้จะมองเห็นพระไตรลักษณ์รู้ชัดในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

 

             การพยายามหาหลักประกันความมั่นคงให้แก่ชีวิต  เราอาจดำเนินไปตามธรรมเนียมของโลก  แต่เราควรพร้อมที่จะให้ชีวิตเลื่อนไหลไปไม่ยึดติดต่อสรรพสิ่ง

 

             เพราะแท้ที่จริงแล้ว ไม่มีหลักประกันความมั่นคงอันใดที่แท้จริง  เพราะทุกสิ่งล้วนตกอยู่ภายใต้ความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง  นั่นก็คือ กฎแห่งความเป็นอนิจจัง

 

 

                                                                        คุรุอตีศะ

                                                               ๒๒  ธันวาคม  ๒๕๕๘