หัวใจต้องการความรัก

หัวใจต้องการความรัก

 

 

                      แท้ที่จริง  หัวใจของชายหญิงต้องการความรัก  การดิ้นรนแสวงหาเงินทองหรือชื่อเสียงเกียรติยศอำนาจมากมาย  ก็เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความรักดังที่หัวใจต้องการและมุ่งหมาย

 

                  ความรักเป็นทั้งความลี้ลับ เป็นทั้งความน่ากลัว เป็นทั้งความศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งขึ้นอยู่กับดวงจิตของแต่ละคนว่าต้องการค้นหาความรักแบบไหนและสภาพจิตเป็นอย่างไร

 

                   การที่อยากแต่งงาน ก็เพราะเชื่อว่าการแต่งงานจะสามารถรักษาความรักให้มั่นคงยืนนานตลอดไป  แต่น้อยคนจะเฉลียวใจว่าการแต่งงานก็คือการปิดประตูทุกบานเพื่อหวังเก็บอากาศที่สดชื่นที่ลอยมาทางหน้าต่างให้อยู่ในห้องตลอดไป

 

                   คนที่รอคอยการแต่งงานก็เป็นทุกข์ว่าเมื่อไหร่หนอ เราจะสามารถครอบครองอากาศที่สดชื่นนั้นไว้เพียงคนเดียวได้  ส่วนคนที่แต่งงานก็มีความวิตกและทุกข์ใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอึดอัดไม่สบาย เนื่องจากห้องที่ปิดหน้าต่างไว้ทุกบานเริ่มมีกลิ่น หายใจไม่สะดวก

 

                    การแต่งงานอันเกิดจากรักแท้คือการเข้าถึงความรักในระดับหนึ่ง  แต่หากไม่สร้างกุศลความดีร่วมกันให้สม่ำเสมอต่อไป  ความรักก็อาจกลายเป็นความเกลียดชังและเริ่มเป็นศัตรูกันอยู่ลึกๆ กลายเป็นการจองเวรต่อกันอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ  ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ตระหนักในเรื่องนี้จึงคิดว่าสร้างฐานะหรือมีเงินทอง ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วที่ความรักจะยังคงอยู่ตลอดไป  แต่ก็ต้องพบกับผิดหวังอยู่ร่ำไป  การแต่งงานจึงกลายเป็นเส้นทางที่ตีบตันเมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่ง

 

                   ความรักอันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ชายหญิงขั้นต่ำสุด จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ  ความรักในขั้นนี้หากทั้งสองพากันประมาท ไม่รีบขวนขวายสร้างกุศลเพื่อยกความรักให้สูงขึ้นไป ท่านว่าความรักจะมีความสุขและเข้าอกเข้าใจกันอยู่ได้อย่างมากเพียง ๓ ปีเท่านั้น

 

                    ความรักของชายหญิงที่จะยั่งยืนมั่นคงต่อไปได้ ก็เพราะทั้งสองร่วมกันสร้างกุศล สร้างบารมีร่วมกันและประคองตนอยู่ในศีลไม่ขาดสาย การสร้างกุศลบารมีร่วมกันของคนทั้งสอง  จะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้มีมารแทรกเข้ามาได้หรือมือที่สามสามารถล่วงล้ำก้าวเข้ามา

 

                     การครองคู่ของอริยบุคคลที่ใช้ชีวิตฆราวาส  ท่านดำรงอยู่ด้วยสติและปัญญา ด้วยความมีสติรู้เท่าทันในความไม่จีรังของสรรพสิ่ง  ตระหนักรู้อยู่ในจิตว่าที่ยังครองคู่และมีความสุขกันอยู่ได้ทุกวันนี้ก็ด้วยกุศลบารมีช่วยค้ำจุน  ดังนั้น เราจะขอหมั่นสร้างกุศลและภาวนาด้วยความไม่ประมาทเพื่อเป็นแรงเกื้อหนุน  ให้ชีวิตนี้พอมีความสุขไปตามอัตภาพ ได้มีโอกาสสร้างกุศลเจริญสติได้ทำบุญ  ได้ช่วยเหลือเกื้อกูล และมีชีวิตเพื่อได้ทำความดีต่อไปจนกว่าจะตายจากกัน

 

                    มนุษย์ทั้งชายและหญิงแท้จริงแล้วต้องการความรัก  แต่น้อยคนจะรู้หลักว่าการเข้าถึงความรัก ไม่จำเป็นต้องแต่งงานมีสามีภรรยาก็ได้  แต่ต้องพัฒนาดวงจิตให้เข้าถึงความรักอันเกิดจากการได้พบ “อริยทรัพย์ภายใน” เส้นทางของพระอริยบุคคลส่วนใหญ่ท่านจึงมีมาตรฐานในลักษณะที่ก้าวพ้นการแต่งงาน

 

                   ไม่มีพระอริยบุคคลท่านใดสรรเสริญการแต่งงานหรือการมีคู่  เพียงแต่ท่านเข้าถึงปัญญาอันลึกซึ้งแยบคายที่มุ่งประโยชน์เกื้อกูลต่อหญิงชายทุกระดับชั้น  ท่านรู้ชัดว่าคนที่แต่งงานนั้น ย่อมมีความวิตกกังวลและมีความทุกข์อันหนักอึ้งหลายเท่ากว่าคนยังไม่แต่งงาน  ดังนั้น  หากคนที่แต่งงานสามารถเข้าใจหลักธรรมและใช้ชีวิตได้สอดคล้องกับความเป็นจริง  ก็จะสามารถปลดเปลื้องความหนักอึ้งนั้นลงได้ โดยที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติต่อไป แต่จะปลอดโปร่งสบายใจมากกว่ากว่าแต่ก่อน  เพราะเกิดสติปัญญาที่เข้าใจชีวิตและเข้าใจตัวเอง

 

                  คนที่จิตส่วนลึกไม่คิดอยากแต่งงาน ทั้งๆที่ร่างกายและจิตใจก็สมบูรณ์พร้อมไปทุกด้านเหมือนคนอื่น  แสดงว่าอดีตชาติเคยเห็นทุกข์โทษของการแต่งงานหรืออาจเคยเป็นนักบวชสั่งสมบ่มบารมีมาก่อน  คนประเภทนี้แม้จะมีสัญชาตญาณทางเพศเช่นเดียวกับหญิงชายทั่วไป  แต่จะให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจหรือเป็นทุกข์ใจอยู่ลึกๆ เมื่อจินตนาการว่าต้องไปเป็นสามีหรือภรรยาของใครไปจนวันตาย

 

                     ใครที่เป็นเช่นนี้ควรตั้งใจบำเพ็ญบารมีและมีภาวนาเป็นที่ตั้ง  การประกอบอาชีพการงานหรือการแสวงหาความก้าวหน้าใดๆ ก็ให้ถือว่าเป็นเพียงการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง แต่การเจริญสติทำสมาธิภาวนาจะเป็นตัวหลักในการดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้  ตบะบารมีที่บำเพ็ญไว้ดีแล้ว จะมีเหตุทำให้สามารถก้าวผ่านสัญชาตญาณนั้นไปได้โดยไม่ต้องได้แต่งงานไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย แล้วชีวิตในบั้นปลายจะพบกับความสุขสงบอันลึกซึ้งในเส้นทางของอริยบุคคล

 

                       แท้ที่จริงแล้วหัวใจของทุกคนต้องการความรัก  ต่างกันเพียงแต่ว่าความรักนั้นจะเป็นแบบปุถุชนจนวันตายหรือเป็นแบบก้าวขึ้นสู่ความเป็นอริยบุคคลเท่านั้น

 

                      หากเจริญสติต่อเนื่องไปตามลำดับ  ดวงจิตก็จะพัฒนาขึ้นสู่ที่สูงโดยที่เราไม่ต้องมุ่งมั่นอยากเป็นอริยบุคคลแต่อย่างใด ความรักอันสะอาดบริสุทธิ์จะอุบัติขึ้นภายใน  เป็นความรักแท้ซึ่งเกิดขึ้นในจิตดวงนี้เอง  ไม่ขึ้นอยู่กับความเป็นสามีหรือความเป็นภรรยาแต่อย่างใดเลย

 

                      ความรักนี้นี่เองคือความรักแห่งพุทธะ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือการแต่งงานหรือการไม่แต่งงาน  เหนือความเป็นหญิงเป็นชายทั้งหลาย

 

                     การปฏิบัติธรรมทั้งมวล แท้ที่จริงแล้วก็เพื่อให้หัวใจดวงนี้เข้าถึงความรักอันสูงส่งชนิดที่ยืนอยู่เหนือความไม่จีรังของร่างกาย  ความรักที่พระอริยบุคคลท่านมุ่งหมาย... ก็คือความรักแท้อันอมตะที่ไม่มีวันตายชนิดนี้นั่นเอง

 

 

                                                                                   คุรุอตีศะ

                                                                         ๘  กรกฎาคม  ๒๕๕๘