คติธรรมสากล : ๒
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
คติธรรมสากล
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
เป้าหมายหลักของการเรียนในโรงเรียน คือผลการสอบที่ดี ที่เห็นกันว่าจะเป็นบันไดก้าวแรกสู่ “ความสำเร็จในอาชีพ” ซึ่งไม่ได้วัดกันที่คุณค่าซึ่งจะพึงมีต่อปัจเจกบุคคลนั้นหรือต่อสังคม แต่ส่วนมากจะหมายถึงความสามารถในการหาเงิน
การ “ได้รับความสำเร็จ”ไม่ได้หมายความว่าพอใจกับศักยภาพที่ได้รับการเติมเต็ม หรือการได้ทำการงานที่มีคุณค่าให้แก่สังคม แต่กลับหมายถึงการได้เสวยความมั่งคั่ง มีเวลาว่างมากๆ และมีเกียรติมีฐานะ
สมมุติฐานที่แพร่ไปอย่างกว้างขวางว่า เงินคือปัจจัยหลักวัดความสำเร็จและความสุข ทำให้คนจำนวนล้านๆ ตกเป็นทาสของมัน
การห่วงใยผู้อื่น ความสำเร็จในงานสร้างสรรค์ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของคนอื่นเป็นที่ตั้งอย่างไม่คำนึงถึงตนเอง พฤติกรรมที่ดีเหล่านี้ยังมีผู้เห็นคุณค่ากันอยู่ แต่ไม่ว่าจะมองในแง่ไหน คุณธรรมดังกล่าวกลับพบได้น้อยกว่าความหรูหราฟุ่มเฟือย และการใช้ชีวิตกันตามสบาย
กระนั้นก็มีหลักฐานอ่อนมากที่แสดงให้เห็นว่าการร่ำรวยมากๆ จะทำให้มีความสุขมาก มีตัวอย่างเศรษฐีที่แบกทุกข์มากมายนัก ผู้รอเวลาจะได้พบความสุข ตำนานความเชื่อผิดๆ ยืนยันว่าเงินไม่แค่นำความเพลิดเพลินมาให้เท่านั้น แต่จะนำความสุขที่มั่นคงมาให้ด้วย
คานธีถึงกับพยากรณ์ไว้ว่า “การแสวงหาความสุขสบายทางวัตถุกันอย่างไม่หยุดยั้ง และหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนี้ เป็นความชั่วร้าย ผมกล้าจะพูดต่อไปด้วยว่า ถ้าชาวยุโรปไม่อยากตายอยู่ใต้น้ำหนักความสะดวกสบายที่พวกเขากลายเป็นทาสไปแล้วนั้น พวกเขาต้องปรับโลกทัศน์ของตนเสียใหม่”
และในเมื่อวัฒนธรรมของเรายิ่งหมกมุ่นอย่างถลำลึกอยู่กับการบริโภค อยู่กับวัตถุสิ่งของ ตามที่มันกระตุ้นให้เราเกิดความต้องการใหม่ๆ และความจำเป็นจอมปลอม ให้ความหวังแก่เราว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลไปอย่างไร้ขีดจำกัด และเราจะได้รับความบันเทิงอย่างไม่สิ้นสุด จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณา ว่าศรัทธาที่มีต่อเงินและการอยากครอบครองให้มากๆ จะนำเราไปถึงไหน
.... และก็ถึงเวลาด้วยเช่นกัน ที่จะต้องพิจารณาคุณค่าของความเรียบง่าย ความเงียบและความวิเวก
แมกซ์ ปิการ์ด เขียนไว้ใน The World of Silence ว่า “ความเงียบ เป็นปรากฏการณ์อย่างเดียวในปัจจุบันที่ ‘ไม่มีประโยชน์’ ความเงียบไปกันไม่ได้กับโลกของกำไรและประโยชน์ใช้สอย มันก็แค่มีอยู่เท่านั้นเอง ดูเหมือนจะไม่มีเป้าหมายอื่นใด ใครจะเอาไปทำประโยชน์อะไรก็ไม่ได้....คุณเอาอะไรจากความเงียบไม่ได้ มันไม่ ‘ก่อให้เกิดผลเป็นผลิตภัณฑ์’ ความเงียบจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งไร้ค่า
“ทว่า ความเงียบมีพลังในการช่วยเหลือ และการบำบัด ได้ดีกว่า ‘สิ่งมีประโยชน์’ ใดๆ จู่ๆ ความเงียบซึ่งไร้จุดมุ่งหมาย ไม่แสวงประโยชน์ มาปรากฏอยู่ใกล้ๆ เรา ซึ่งเต็มด้วยความมุ่งหมาย แล้วเราก็ตกใจไปกับความไร้เป้าหมายของความเงียบนั้น
มันแทรกเข้ามาในกระแสความมุ่งหมาย ให้พลังกับคนที่สังคมรังเกียจ บรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้ถูกรังแก ทำให้สิ่งทั้งหลายกลับสู่องค์รวม ด้วยการนำสิ่งนั้นๆ กลับมาจากโลกที่กระจัดกระจายมารวมไว้ในโลกแห่งองค์รวม ทำให้สิ่งไร้ประโยชน์มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตน นี่แหละคือ ความเงียบ ความไร้ประโยชน์อันศักดิ์สิทธิ์”
จอห์น เลน
(สดใส ขันติวรพงศ์ แปล)