ความรักอยู่กับเราเสมอ
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
ความรักอยู่กับเราเสมอ
อย่าปล่อยจิตใจให้ทุกข์ตรมและหมกจมอยู่กับความรัก ความรักที่แท้จริงไม่ได้หายไปไหน แต่เพราะเรามัวแต่ไปแสวงหาความรักจากคนอื่นหรือสิ่งภายนอก จนเรามองผ่านเลยไป ความรักจากสิ่งภายนอกหรือจะเทียมเท่าความรักแท้ภายในที่อยู่กับตัวเราตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา
เพราะไม่เคยเฉลียวใจตระหนักรู้ถึงความรักชนิดนี้ เราจึงต้องวิ่งไล่ไขว่คว้าความรักจากข้างนอกมานานปี จนหัวใจดวงนี้บอบช้ำน้ำตาหลั่งออกมาไม่ขาดสาย จงหันกลับมารักตัวเองให้มากขึ้น หันมาถนอมและรักษาเกียรติภูมิของหัวใจ เมื่อรู้จักความรักที่มีอยู่ภายใน ความรักจากคนอื่นข้างนอก ก็จะเป็นเหมือนรางวัลแห่งชีวิตที่ตรากตรำและสัตย์ซื่อมาช้านาน
ความรักที่สร้างความทุกข์ระทม เป็นเพียงรสชาติอันขื่นขมของความยึดมั่นถือมั่น แท้จริงแล้วหาใช่ความรักแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นสิ่งที่ชีวิตพยายามสั่งสอนอบรมว่าไม่ให้พยายามครอบครองสิ่งใด ขึ้นชื่อว่าความรัก เป็นสิ่งแปลกประหลาดและเป็นความศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ที่ยิ่งไม่มีการครอบครองมากเพียงใด ความรักกลับอยู่เคียงใกล้และสถิตอยู่ในใจตลอดเวลา
เมื่อมีความทุกข์จากความรัก นั่นคือเทวทูตองค์สำคัญมาช่วยเตือนให้หมั่นภาวนาให้มากขึ้น เราปล่อยจิตให้หลงลืมสติในนามของความรักมานาน อย่าเพิ่งแสวงหาความรักใหม่จนกว่าพลังแห่งการภาวนาจะช่วยเยียวยาฟื้นฟูจิตใจ เพราะความรักที่งดงามที่รอคอยอยู่จะเข้ามาสู่ชีวิตของเราได้ ก็ต่อเมื่อหัวใจมีความสดใหม่และสามารถให้อภัยต่ออดีตทั้งมวล
การภาวนาไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิขาขวาทับขาซ้าย มือขวาวางอยู่บนมือซ้าย ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น ตามมาตรฐานของการนั่งกรรมฐานอย่างนั้นก็ได้ ยิ่งบางคนร่างกายเกิดการเจ็บป่วย ปวดเข่า ปวดขา ปวดหลัง ลุกนั่งไม่ค่อยสบาย จงใช้การผ่อนคลายร่างกายแล้วดำรงสติไปอย่างธรรมชาติ จะเป็นสมาธิภาวนาที่เป็นธรรมโอสถที่เยียวยารักษาทั้งกายและใจ
คนที่ป่วยเป็นเส้นเลือดอุดตัน อย่าไปฝืนนั่งสมาธิเอาเวลาเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงตามที่มีคนมาคุยถึงความสามารถของเขาให้เราฟัง แต่จงใช้วิธีหากิจกรรมอะไรทำอยู่ในบ้าน แล้วมีสติไปกับการเคลื่อนไหว โดยรักษาจิตใจให้แช่มชื่นแจ่มใสไว้เป็นหลัก
คนที่ป่วยเป็นมะเร็งที่ร่างกายอ่อนแอเกินไปในบางช่วง ก็ไม่ต้องไปฝืนนั่งสมาธิให้เกิดทุกขเวทนาแก่สังขารเพิ่มมากขึ้น ยกเว้นแต่หากนั่งแล้วรู้สึกจิตใจสงบและผ่อนคลาย ถ้าอย่างนั้นก็ทำต่อไป พอความสงบคลายตัวก็ลุกเดินจงกรม คนที่ป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคตับ โรคไต โรคหัวใจ ขอให้ทำสมาธิแบบที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจเกิดความผ่อนคลายไว้เป็นหลัก
คนที่ป่วยเป็นโรคกระดูกทับเส้นหรือปวดหลัง ปวดเอว อย่าไปพยายามฝืนสร้างความอดทนโดยการนั่งนานๆอันเป็นการทรมานสังขารโดยไม่จำเป็น หากปวดขึ้นมาจงลุกขึ้นยืนแล้วใช้อิริยาบถเดินให้มาก แล้วเจริญสติไปกับการงานที่ทำอยู่ในชีวิตประจำวัน แล้วชีวิตจะมีความสุขและเบิกบานขึ้น โดยไม่ต้องไปฝืนนั่งเพิ่มความตึงเครียดของเส้นเอ็นขึ้นมาอีก
ผู้คนสมัยหลวงปู่ครูบาอาจารย์ตามประวัติในหนังสือ ท่านนั่งสมาธิได้นานๆก็เพราะท่านฝึกนั่งอยู่กับพื้นกระดานและนั่งล้อมวงกินข้าวคุยกันกับพื้นตั้งแต่เด็กแล้ว
มาสมัยพวกเราเป็นยุคที่ได้รับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างเต็มที่ ได้นั่งเก้าอี้ตั้งแต่เด็กอนุบาลแล้วจะไปนั่งนานๆเหมือนท่านได้อย่างไร หากใครจะฝึกนั่งสมาธิท่าดอกบัวให้ได้นานๆควรจะฝึกนั่งตั้งแต่ก่อนจะถึงอายุ ๓๐ ปี นั่นแหละจึงจะนั่งได้สบาย แต่ถ้าอายุมากแล้วหรืออายุ ๓๕ ปีขึ้นไป ถ้าจะฝึกนั่งสมาธิ ควรฝึกตั้งแต่ ๕ นาที ๑๐ นาที ไปเรื่อยๆ เหมือนนักกีฬายืดหยุ่นหรือยิมนาสติกค่อยๆฝึกนั่นแหละ ไม่ใช่เห็นเขาคุยว่านั่งได้เป็นชั่วโมง ก็จะนั่งหนึ่งชั่วโมงได้เลย คนสมัยก่อนท่านเดินมากกว่านั่ง แต่คนสมัยนี้แทบทั้งวันได้แต่นั่ง แทบไม่ได้เดิน
สิ่งสำคัญ ท่านใดจะนั่งได้กี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง ขอจงยกไว้ให้เป็นความสามารถเฉพาะตัวของผู้นั้น แต่เราต้องทราบไว้ประการหนึ่งว่า ท่านั่งสมาธิแบบนั้นท่านมีไว้สำหรับการเข้าฌานซึ่งจำเป็นต้องใช้อิริยาบถนั่งเป็นเวลานานโดยไม่มีการเปลี่ยนท่าทางหรือเคลื่อนไหว
หากในชีวิตจริงของเราไม่ได้เป็นนักพรตบำเพ็ญตบะหรือฤาษีชีไพร การนั่งนานๆอย่างนั้นย่อมไม่มีความจำเป็นอะไร เพราะแม้จะนั่งไปนานสักเท่าไหร่ สมาธิก็ยากจะเกิด
การทำสมาธิแบบกดข่มหรือบังคับจิต หากสติไม่พอ จะทำให้กลายเป็นคนเบื่อชีวิต เบื่อการงานหน้าที่ ไม่อยากทำอะไร เกิดบุคลิกเฉื่อยชาเซื่องซึมอย่างไม่ตั้งใจ บางทีก็มีความเย็นชาต่อคนในครอบครัว เกิดความห่างเหินและไม่เข้าใจกัน ความสนิทใจต่อกันก็ลดลง
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น จัดเป็นการงานหรือกรรมฐานของนักพรตฤาษีที่ไม่มีครอบครัว หาใช่สมาธิที่คู่ควรกับชีวิตฆราวาส เมื่อฆราวาสเอาวิธีการนั่งสมาธิแบบนั้นมาทำ จะมีผลทำให้ความนึกคิดคล้ายเป็นฤาษีในป่า จึงทำให้เกิดการสับสนกับการใช้ชีวิตจริง บางทีสามีจะเกิดการเบื่อหน่ายภรรยา ภรรยาก็จะรังเกียจสามีของตัวเองขึ้นมา อยากจะหนีเข้าป่าอยากเป็นผู้หลุดพ้น แต่พอความสงบนั้นคลายตัวลง ราคะโทสะเจ้ากรรมก็กลับรุนแรงจากเดิมเป็นสองเท่า เลยยิ่งสับสนกันไปใหญ่ ตัวเองสับสนในตัวเองยังไม่พอ บางทีคู่ครองอยู่บ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ก็ต้องมารองรับกรรมอย่างงงๆว่าเขาเป็นอะไรของเขาหนอ
นี่แหละ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ว่าเหตุใด ณ ที่ตรงนี้จึงเหมือนกับว่าไม่มีสอนการปฏิบัติหรือสอนกรรมฐานนั่งสมาธิ โดยทั่วไปมีแต่เขาสอนให้มุ่งมั่นพากันปฏิบัติจะได้ไปสู่ความหลุดพ้น แต่ท่านผู้นี้เป็นอย่างไรกันแน่หนอ กลับมาบอกว่า “อย่าปฏิบัติ” ช่างเป็นคำสอนที่ชอบกล แล้วเมื่อไหร่จิตจะหลุดพ้น เห็นทีเราจะหลงกลและหมดหวังเป็นแน่แท้
ขอตอบว่า “ใจเย็นๆ จงรอก่อน อย่าเพิ่งด่วนหลุดพ้นทิ้งขว้างกันไปเร็วนัก” วันนี้ภรรยาจะต้องไปโรงพยาบาล หากไม่ติดงานสำคัญ จงขับรถพาเธอไป คอยดูแลร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอผู้แสนดีที่ต้องรับผิดชอบภาระในบ้านทำให้เราก้าวหน้าในการงานตลอดมาคนนี้ก่อน
วันนี้สามีกลับเข้ามาในบ้านด้วยอาการเหนื่อยล้า เพราะเผชิญกับปัญหาหนักๆทางธุรกิจในยุคข้าวยากหมากแพง หากเราไม่เจ็บป่วยและมีเรี่ยวแรง จะเดินไปรับกระเป๋าแล้วรินน้ำให้พร้อมกับเอ่ยคำปลอบใจเพื่อให้เขายังมีกำลังใจสู้กับปัญหาต่อไป อย่างนี้แหละคือความยิ่งใหญ่ในชีวิตสำหรับวันนี้ของเราแล้ว สมาธิภาวนาแบบนี้ควรมีในชีวิตทุกๆวัน
ใครเขาจะว่าเราไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรือว่าแบบไหนก็ปล่อยให้เขาว่าไปเถิด ขอเพียงเรารู้ตัวของเราเองว่าเรากำลังทำอะไรพร้อมกับมีสติอยู่คู่ตัว เรื่องคำพูดของใครและเรื่องอื่นใดก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว จงทำหน้าที่ของเราขณะนี้พร้อมกับการตระหนักรู้อยู่ภายใน
ขอให้ใจดวงนี้มีความรักหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ พร้อมกับการทำหน้าที่ไปแต่ละวัน เลิกแสวงหาความรักหรือความหลุดพ้นอื่นใดให้เป็นภาระของหัวใจ จิตดวงนี้จะสดใสด้วยสมาธิที่รู้ ตื่น เบิกบานอยู่ภายใน หัวใจอันไร้เดียงสาจะได้สถิตในอาณาจักรแห่งความรักอยู่ทุกวัน
คุรุอตีศะ
๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘