ใช้ชีวิตของเรา
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
ใช้ชีวิตของเรา
ความปีติเบิกบานจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ใช้ชีวิตที่เป็นตัวเรา พลังมากมายจะไหลมาสู่ชีวิตโดยไม่ต้องเรียกหา เมื่อเราได้มีชีวิตที่เป็นตัวเราอย่างแท้จริงและเต็มที่
ผู้คนมักมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว อยู่กับความซังกะตายและไร้ชีวิตชีวา บางคนก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวตัวเองจนเกิดอาการซึมเศร้า เหตุเพียงเพราะไม่กล้าพอที่จะทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ ทั้งๆที่สิ่งนั้นไม่ได้เบียดเบียนใครหรือเป็นบาปอกุศลแต่อย่างใดเลย
บางคนอยากทำอาชีพอิสระ แต่เพราะไปจนมุมกับค่านิยมของคนรอบข้างอยากให้รับราชการเพื่อจะได้มีอาชีพที่มีรายได้มั่นคงและมีเกียรติ ก็จำต้องทำงานไปแต่ละวันเพื่อรักษาความมีเกียรติความมีหน้ามีตา ทั้งๆที่ในใจส่วนลึกก็โหยหาอยากทำอะไรที่ไม่ต้องคอยไปเช็คชื่อให้ตรงเวลาแล้วนั่งโต๊ะประจำตำแหน่งวันแล้ววันเล่าจำเจอยู่เช่นนั้น
บางคนอยากแต่งงาน แต่เพราะมัวไปคำนวณกำไรขาดทุนว่า “การลงทุน”กับบุรุษหรือสตรีผู้นั้นจะขาดทุนหรือไม่ จึงทำให้ความรักที่ดีงามหลุดลอยไป ได้แต่มานึกเสียใจว่าถ้าตอนนั้นตกลงใจแต่งงาน ป่านนี้ชีวิตก็คงมีความสุขและสมบูรณ์กว่านี้
บางคนรู้อยู่แก่ใจดีว่าตัวเองเหมาะที่จะใช้ชีวิตโสด แต่ทนต่อกระแสที่ใครๆเขาก็แต่งงานกันไปหมดไม่ไหว จะเหลือแต่เราคนเดียวก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ก็เลยตัดสินใจแต่งงานไปกับเขาด้วยความงงงวยอยู่ในใจ คนอื่นเขาแต่งงานเขาร่าเริงมีความสุขและสบายใจ ส่วนตัวเองก็มีแต่ความหมองเศร้า หาความเบิกบานไม่ค่อยได้ เพราะตนเองไม่ได้มีความต้องการทางเพศสูงเหมือนอย่างเขาหรือมีความสมดุลสำหรับชีวิตการครองเรือน ก็เลยกลายเป็นชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความอับเฉา ไม่ค่อยมีความสุข แม้จะมีสมบัติพัสถานหรือสิ่งอื่นมากมาย
การใช้ชีวิตที่จะทำให้เกิดพลังสร้างสรรค์ ต้องได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา จิตรกรที่ภายนอกดูยากไร้ แต่เขามีความสุขกับการวาดภาพอย่างมีสมาธิ ชนิดที่คนที่เป็นวิศวกรไม่มีทางเข้าใจและอาจนึกดูหมิ่นว่ามัวแต่ทำอะไร เมื่อไหร่จะร่ำรวย แต่จิตรกรก็อาจนึกยิ้มอยู่ในใจว่าวิศวกรมัวไปทำงานหาเงินหรือมีโครงการอะไรมากมายอยู่ทำไม สู้การวาดภาพไม่ได้ เพราะสามารถสร้างความสุนทรีย์ให้แก่โลกและความร่มเย็นทางจิตใจ ที่เงินทองไม่อาจซื้อหาเอาได้
บางคนจิตใจละเอียดอ่อนมาก แต่ไปเป็นนักธุรกิจที่ต้องคิดวางแผน การลงทุน อยู่ตลอดเวลา เมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่งร่างกายก็ต้องทรุดโทรมป่วยไข้ เพราหัวใจอ่อนโยนและประณีตเกินไปกับการที่ต้องใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และจำต้องอาศัยความโลภเป็นแรงผลักดันเช่นนั้น อาจประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องพบกับความตีบตัน เพราะเส้นทางที่มุ่งมั่นเดินมานั้น เป็นเส้นทางที่เหมาะกับคนอื่น แต่ไม่เหมาะเลยสำหรับตัวเอง
ด้วยเหตุนี้จึงมีคำกล่าวให้น่าคิดของฝรั่งบทหนึ่งว่า “คนเรา ชีวิตจะเริ่มต้นเมื่ออายุ ๔๐” เพราะกว่าแต่ละคนจะค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรอย่างแท้จริง ก็ต้องได้ลองผิดลองถูกหรือผ่านประสบการณ์ของชีวิตมาพอสมควรแล้ว ใครค้นพบตัวเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อยก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตไว ผู้พันแซนเดอร์สแห่งเคเอ็ฟซี กว่าจะค้นพบตัวเองก็อายุตั้ง ๖๕ ปีแล้ว
คนที่ค้นพบตัวเองและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด พรสวรรค์จะเกิดขึ้นแก่ผู้นั้นจนสามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ หากชีวิตของเราในปัจจุบันรู้สึกว่ามีพลังแม้ว่าจะยากดีมีจนประการใด อาจอยู่ในฐานะที่สูงส่งหรือต่ำต้อยก็ได้ แสดงว่าชีวิตของเรากำลังเดินมาถูกทาง
การดำเนินชีวิตด้วยสมองฝั่งซ้าย ที่เต็มไปด้วยตรรกะหรือเหตุผลมากเกินไป จะทำให้เรามีชีวิตคล้ายหุ่นยนต์ จิตใจจะกระด้างเย็นชาไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับมนุษย์และคนรอบข้าง จิตใจจะไร้ความรักและความรู้สึกที่ดีงาม จงหันมาพัฒนาสมองฝั่งขวาเพื่อให้เกิดความรักความศรัทธาด้วยการเจริญสติและสร้างกุศล ชีวิตของมนุษย์ยุคใหม่จึงจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
การพัฒนาสมองฝั่งซ้าย ทำให้คนเจริญเติบโตหรือก้าวหน้าในทางโลกหรือในทางวัตถุ แต่หัวใจจะขาดความรักและขาดความสุข แม้จะมีวัตถุสิ่งของหรือเงินทองมากมาย สมองฝั่งซ้ายใช้ในการหาเหตุผล ชิงไหวชิงพริบ การแข่งขันเอาชนะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
นักปราชญ์ผู้ทรงปัญญา ท่านละทิ้งการสะสมทางวัตถุ หันมาพัฒนาสมองฝั่งขวา ใช้ชีวิตที่ประกอบด้วยสติปัญญา เส้นทางสายนี้นำไปสู่สมาธิ ความสุขภายในใจ และเป็นเส้นทางไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า และตลอดมาไม่เคยปรากฏว่ามีใครรู้สึกผิดหวัง ที่ได้เดินบนเส้นทางสายนี้
คุรุอตีศะ
๗ มิถุนายน ๒๕๕๘