ยอมรับตัวเอง
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
ยอมรับตัวเอง
ปัญหาชีวิตอันมากมาย เกิดจากการที่เราไม่ยอมรับตัวเอง เราอยากเป็นเช่นพระอรหันต์ อยากเป็นพระโสดาบัน จะได้ปิดอบายภูมิได้เด็ดขาดอย่างที่ท่านว่า เราอยากเป็นเช่นมหาเศรษฐีทั้งหลายที่ทรงอิทธิพลทั่วหล้า อยากเป็นวีรบุรุษที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ฯลฯ
การอบรม การศึกษา วัฒนธรรม ล้วนบอกเราตลอดมาตั้งแต่แรกเริ่มว่าเราต้องทำอย่างนั้น เราต้องเป็นเช่นคนโน้น ไม่มีใครเคยบอกเราว่า “เราดีงามอย่างที่เรากำลังเป็นอยู่”
มีแต่คนบอกว่า “เราเกิดมามีบาปติดตัวต้องไถ่บาป หรือบอกว่าเกิดมาชาตินี้เพื่อชดใช้กรรม” ไม่มีใครบอกเราว่า “เราคือมนุษย์ผู้โชคดีคนหนึ่งที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
เพราะเราฝังใจและดูถูกตัวเองตลอดมาว่า “เราคือคนบาป เกิดมาต้องชดใช้กรรม” เราก็เลยไม่อยากทำความดีอะไร เพราะถึงจะทำความดีมากแค่ไหน ก็จะได้รับผลเพียงแค่ “ได้ชดใช้กรรมหรือได้ไถ่บาป”เท่านั้น แล้วชีวิตจะมีค่าอะไร สู้อยู่ไปวันๆดีกว่า
จงเปลี่ยนความคิดและทัศนคติใหม่ บอกกับตัวเองว่า “เราคือคนมีบุญ เราจึงได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้” เรามิได้เกิดมาใช้กรรม แต่เราเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีงามและเกิดมาเพื่อทำความดี ชาตินี้เราเกิดมาสุดแสนโชคดีที่ได้พบพระธรรมและได้รู้จักเส้นทางอันประเสริฐที่ทำให้หัวใจดวงนี้พบกับอิสรภาพภายใน เราเกิดมาเพื่อพบความสว่างไสวของชีวิต
การยอมรับตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของการยอมรับสิ่งทั้งปวง เป็นแสงทองแห่งความสุขในชีวิตที่จะเริมต้นตั้งแต่วันนี้ หากเราปฏิเสธตัวเอง เราก็กำลังปฏิเสธโลกใบนี้ กำลังปฏิเสธจักรวาลที่กำลังเป็นไปอยู่ การยอมรับคือความพร้อมที่จะรับพรที่ชีวิตมอบให้
สิ่งต่างๆที่อยู่รอบข้างเราทั้งมวล คือของขวัญที่จักรวาลและโลกใบนี้มอบให้ เราควรน้อมรับเอาสิ่งเหล่านั้นที่ได้เข้ามาสู่ชีวิตของเรา โดยไม่ปฏิเสธผลักต้านต่อสิ่งใด ความกดดันและความท้อแท้ในชีวิตจะเริ่มเบาบางและผ่อนคลาย เพราะการยอมรับตัวเองและสรรพสิ่ง จงระลึกว่า เราคือสิ่งมีค่าสิ่งหนึ่งที่ธรรมชาติให้กำเนิดมาบนโลกใบนี้ เช่นเดียวกับสิ่งมีค่าอื่นๆ
เราอาจเป็นคนหนึ่งที่สุขภาพไม่ดีหรือมักป่วยไข้ จงยอมรับในสิ่งที่ชีวิตมอบให้แล้วขอบคุณที่ต่อไปนี้เราจะมีชีวิตที่ไม่ประมาทและหมั่นทำบุญมากขึ้น
เรามีสามีที่ขี้เหล้าหรือเจ้าชู้มักนำมาแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ เราก็ยอมรับความจริงในสิ่งที่ชีวิตนี้ได้มอบให้ เราจะได้ฝึกฝนจิตใจให้มีความอดทนอดกลั้นและมีความเจียมตัวไม่กล้าดูหมิ่นคนอื่น มีโอกาสที่จะรักษาศีล ไปทำบุญ บำเพ็ญภาวนา เป็นผู้มีวาสนาที่มีโอกาสได้เห็นทุกข์โทษของการครองเรือนที่เห็นได้โดยยาก ทำให้ใจน้อมไปในเส้นทางหลุดพ้น
เราต้องมีภาระตั้งแต่อายุยังน้อยไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเพื่อได้รับวุฒิการศึกษาเหมือนเพื่อนฝูงหรือคนอื่น เราก็ยอมรับตัวเองในสิ่งที่ชีวิตนี้ได้มอบให้ โดยไม่เสียใจแม้แต่น้อย เราอาจไม่มีปริญญาบัตร แต่เราก็ได้รับปริญญาใจ ที่ได้รับเกียรติ ได้รับความรักความเข้าใจ ที่ทำให้เรามีกำลังใจและเกิดพลังสร้างสรรค์ จนมีความสุขอยู่ภายในและกลายเป็นที่พึ่งของผู้คน
เราจะไม่ยอมติดกับดักทางความคิด ที่จะต้องพยายามเป็นเหมือนใครอีกต่อไปแล้ว เราจะพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในวันนี้และพอใจในสิ่งที่ชีวิตได้มอบให้
เราไม่ต้อง “พยายามปรับปรุงตัวเอง”เพื่อจะให้เหมือนใคร เมื่อเราไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ในใจ “ควรจะเป็น” สมาธิภาวนาก็เกิดขึ้นมาเองอย่างธรรมชาติ หัวใจจะเริ่มสัมผัสกับความผ่อนคลาย ชีวิตนี้จะเริ่มมีความหมาย ความท้อแท้จะสูญสลายไป ชีวิตใหม่จะตามมา
ระลึกถึงพระบรมศาสดาในวันที่พระองค์ทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงเปล่งปฐมพุทธสุภาษิตตามลำพังพระองค์ขึ้นมาว่า “เมื่อเราไม่บรรลุและพบพระโพธิญาณ ต้องท่องเที่ยวเกิดชาติแล้วชาติเล่าเป็นอเนกชาติ จึงประสบแต่ความทุกข์ร่ำไปไม่สิ้นสุด นี่แน่ะ! เจ้าตัณหาคือความทะยานอยากผู้คอยสร้างภพชาติตลอดมาเอ๋ย! บัดนี้เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว โครงเรือนและยอดหลังคาเราได้รื้อทำลายทิ้งเสียแล้ว เจ้าจะสร้างเรือนไม่ได้อีกต่อไป จิตของเราได้ถึงแล้วซึ่งสภาพที่ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้อีก สิ้นแล้วซึ่งความปรารถนาทั้งปวงและพบแล้วซึ่งพระนิพพาน”
วันวิสาขบูชา คือวันที่พระองค์ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ มีเพียงแค่บุคคลเดียวในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและของโลกที่มีวันเกิด วันรู้แจ้งสัจธรรม และวันตาย ตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ เหมือนกันทั้งสามวันเช่นนี้
สิ่งหนึ่งที่พระองค์ผู้ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลก เที่ยวเสด็จจาริกแสดงธรรมนับแต่วันที่ทรงตรัสรู้มานับแต่มีชนมายุ ๓๕ พรรษา นับเป็นเวลาได้ถึง ๔๕ ปี หากจะพูดให้เข้าใจได้อย่างง่ายๆในสิ่งที่ทรงแสดงแก่คนสมัยนี้ สิ่งนั้นก็คือ “การยอมรับตัวเอง”
เมื่อยอมรับตัวเอง ความทะยานอยากและความดิ้นรนในใจทั้งปวงในขณะนั้นจะสิ้นสุดลง ความว้าวุ่นใจหรือสภาวะที่ตึงเครียดก็จะหมดไป นั่นคือเริ่มต้นแห่งสมาธิภาวนา
จงยอมรับในสิ่งที่ชีวิตมอบให้ แม้แรกๆอาจจะต้องฝืนใจเพราะเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่เมื่อการยอมรับนี้มีอยู่บ่อยๆจนกลายเป็นนิสัย จะเกิดความประหลาดใจว่าชีวิตพร้อมจะโปรยปรายสิริมงคลและพรที่ดีงามมาให้อยู่เสมอ เมื่อเริ่มรู้จักยอมรับตัวเอง
เรามิใช่คนบาปมาตั้งแต่เกิด เรามิได้เกิดมาใช้กรรม แต่เราคือคนโชคดีที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้ เราคือคนมีคุณค่า เราเกิดมาเพื่อใช้พลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่ด้วยความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ต้นไม้ดูเขียวขจี ดวงดาวในค่ำคืนนี้ก็ดูสวยงาม สายน้ำที่กำลังไหลไปก็คือรางวัลอันงดงามที่ชีวิตมอบให้ แต่สิ่งหนึ่งที่งดงามเหนือกว่าใคร สิ่งนั้นก็คือการมีสติอยู่กับขณะนี้ พร้อมกับการรู้จักยอมรับตัวเอง
คุรุอตีศะ
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘