เส้นทางแห่งรัก
- รายละเอียด
- หมวด: คติธรรม/ปรารภธรรม
เส้นทางแห่งรัก
การแต่งงานหรือการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ เป็นเพียงการเริ่มต้นชีวิตที่แท้จริง ดุจเหมือนนาวาลำน้อยเพิ่งตัดสินใจออกจากฝั่ง เป็นการเดินทางบนเส้นทางแห่งความรัก ไปสู่ดินแดนที่ทั้งสองต่างไม่เคยรู้จัก จึงเป็นการผจญภัยอันยิ่งใหญ่นัก เป็นความกล้าหาญที่ทรงพลังยิ่ง
หญิงและชาย แม้จะใช้เวลาคบหาดูใจกันนานเพียงใด ไม่ใช่กฎตายตัวที่จะสรุปได้ว่าคนทั้งสองรู้จักกันดีพอแล้ว จนกว่าจะตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ ตัวตนและนิสัยที่แท้จริงของทั้งสองจึงจะเปิดเผยออกมาต่ออีกฝ่าย การดูใจกันแม้จะใช้เวลานานเพียงใด ไม่มีทางที่จะรู้จักอุปนิสัยที่แท้จริงของกันและกันจนกว่าจะใช้ชีวิตสมรสร่วมกันตามความจริง
ในความเป็นจริง ชายและหญิงไม่มีทางที่จะรู้จักกันอย่างแท้จริง แม้บางคนจะแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีแล้ว บางคู่ยิ่งอยู่ด้วยกันนาน ก็ยิ่งเหมือนคนแปลกหน้าหรือยิ่งไม่ค่อยเข้าใจกันเหมือนตอนเริ่มต้นชีวิตแต่งงาน นอนอยู่ข้างกายกันทุกคืน แต่กลับรู้สึกว่าทำไมเขาจึงเข้าใจยากมากขึ้นทุกวัน
ความรักจะยังคงเบ่งบานและงดงามอยู่ได้ ตราบเท่าที่การครอบครองและการคลุกคลีไม่กินพื้นที่ชีวิตของทั้งสองฝ่ายจนเกิดอาการหายใจไม่สะดวก ตอนแรกอาจรู้สึกอยากอยู่ใกล้กันทุกคืนทุกวันตามที่นักประพันธ์บรรยายนั้นถูกแล้ว แต่นักประพันธ์ก็ไม่ได้ประพันธ์ต่อไปว่าหลังจากนั้นเมื่อรู้สึกเบื่อกันทั้งที่ก็รักกันอยู่นั้นจะต้องทำอย่างไร ละครหรือนวนิยายรักส่วนใหญ่จึงจบลงตรงที่พระเอกนางเข้าใจกันและได้แต่งงานกัน แต่หลังจากนั้นชีวิตของพระเอกนางเอกจะเป็นเช่นไร นักประพันธ์ทั้งหลายต่างก็ให้ทุกคนเข้าใจและเรียนรู้เอาเองตลอดมา
เหตุที่นวนิยายรักมักจบลงตรงที่พระเอกนางเอกได้แต่งงานกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะนั่นคือช่วงที่ความรักเบ่งบานที่สุดและทั้งสองมีความสุขอย่างเปี่ยมล้นที่สุด ที่ไม่มีชีวิตช่วงไหนอีกแล้วที่จะมีความสุขและมีความปลื้มปีติเท่ากับเหตุการณ์ในช่วงวันเวลานั้น เหมือนจะบอกความนัยอยู่ลึกๆว่า หลังจากนั้นไม่นานไม่วันใดก็วันหนึ่งที่ทั้งสองจะต้องหันมาทะเลาะกัน ส่วนคู่ไหนจะอยู่ได้ยืดยาวเพียงใดนั้น ก็อยู่ที่บุญกรรมที่ทั้งสองร่วมได้กระทำร่วมกันมา
หญิงและชายที่ได้กระทำความดีและบำเพ็ญบุญร่วมกันมาก่อน แล้วได้มาประสบพบเจอจนเกิดการได้เสียเป็นผัวเมียและได้ใช้ชีวิตร่วมกันในชาตินี้ ทั้งสองก็จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันด้วยอาการที่มีความปรองดองกันดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จะทำสิ่งใดก็ยินดีอุดหนุนให้กำลังใจต่อกัน สิ่งใดจะผิดพลาดก็จะป้องกันห้ามปรามกันไว้ทัน ชีวิตมีความก้าวหน้ารุ่งเรือง เป็นที่นึกอิจฉาอยู่ในใจของผู้คนทั้งหลาย ลักษณะนี้ท่านเรียกว่า “คู่สร้างคู่สม”
บางคู่นั้นได้ร่วมกันกระทำบาปไว้ในอดีต ก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นคู่ผัวเมียเช่นคนอื่นเหมือนกัน แต่จะไม่เป็นเหมือนดั่งฝัน มักจะอยู่ในสภาพวันๆเอาแต่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ยอมเลิกกันจนเป็นที่ระอาของญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและชาวบ้านทั้งหลาย ลักษณะนี้ท่านเรียกว่า “คู่เวรคู่กรรม” จนกว่าผลแห่งเวรในอดีตจะหมด แล้วผลบุญส่งผลแทน ถึงเวลานั้นฝันร้ายของชีวิตจะหมดไป บางคู่ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยความทุลักทุเลเหมือนจะไปไม่รอดเหมือนคนอื่นเขา แต่ภายหลังกลับพบความสุขและเจริญรุ่งเรืองอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ก็เพราะชะตาเปลี่ยนจาก “คู่กรรม” กลายเป็น “คู่บุญ”
หญิงชายคู่ใดที่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันแล้ว จงปรับตัวปรับใจว่าต่อไปนี้เราจะเดินไปบนเส้นทางแห่งความรัก ดุจเรือลำน้อยตัดสินใจออกจากฝั่ง ความรักความสัมพันธ์ในตอนที่ยังเป็นแฟนเป็นคู่รักกันนั้น ย่อมเป็นคนละอย่างกับชีวิตของการแต่งงาน เราต้องฝากชีวิตไว้ด้วยกัน คนหนึ่งเป็นกัปตัน คนหนึ่งเป็นคนถือเข็มทิศเป็นนายท้ายเรือ แล้วถอนสมอเพื่อออกสู่ท้องทะเลอย่างกล้าหาญ ปราศจากความสงสัยลังเล ปล่อยให้หัวใจได้มีโอกาสสัมผัสทั้งความตื่นเต้น ทั้งเตรียมพร้อมที่จะได้ทัศนาและชื่นชมคลื่นลมกลางท้องทะเล
เมื่อแต่งงานแล้ว ความสัมพันธ์ทางเพศแม้จะเป็นสิ่งสำคัญในการประคองให้หญิงชายพอใจที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่พึงยกเอาสิ่งนั้นเหนือกว่าการพากันสร้างบารมีบำเพ็ญบุญกุศล การบำเพ็ญทาน ศีล บารมีไว้ประจำนั่นเอง จะทำให้สามีภรรยามีความรักใคร่มีความสัมพันธ์กันไม่จืดจางเบื่อหน่าย บุญกุศลจะส่งผลให้รักใคร่ปรองดองกันอยู่เสมอ โดยไม่ขึ้นกับความสวยความหล่อ หรือแม้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงทรุดโทรมไปตามวัย นี้คือเคล็ดลับการครองเรือนที่บรรพชนท่านมอบเป็นมรดกไว้ คนมีบุญจะเกิดปัญญาและมีเคล็ดลับที่ไม่อาจบอกใครได้ในการใช้ชีวิตสมรส ท่านจึงสอนเพียงแค่ว่า ให้พากันหมั่นบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา
อย่าไปมุ่งมั่นเอาแต่เที่ยวแสวงหาเทคนิคมัดใจสามี ทำให้สตรีหลง ดังที่คนสมัยนี้ชอบแสวงหาเคล็ดลับด้วยวิธีต่างๆ คนสมัยก่อนสมัยยังนั่งเกวียน ท่านอาจแสวงหาปลัดขิก นางกวัก ลงนะหน้าทอง เสน่ห์ยาแฝดเพื่อให้สามีหรือผู้หญิงเกิดความรักใคร่
ส่วนคนสมัยนี้มีอินเตอร์เน็ต กำลังจะไปอยู่ดาวอังคารกันแล้ว ก็ยังแสวงหาเคล็ดลับหรือวิธีทำให้ตัวเองมีเสน่ห์เพื่อให้สามีรักภรรยาหลง ซึ่งเป็นไสยศาสตร์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ขึ้นมาหน่อยอีกแบบหนึ่งไม่แพ้กัน แต่ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์แบบคนโบราณ หรือไสยศาสตร์แบบสมัยปัจจุบัน ย่อมไม่สู้วิธีการสร้างกุศล บำเพ็ญทาน ซึ่งจะนำความสวยความสง่างามมาให้ทั้งกายและใจ ทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ตลอดทั้งสามวัยดุจนางวิสาขา มหาอุบาสิกา
อย่าปล่อยให้ชีวิตการแต่งงาน เป็นทางตันแห่งความรักดังที่คนทั้งหลายมักเป็นกันอยู่ จงอาศัยการครองคู่ที่เราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วยกันพัฒนาความรักให้สูงส่งขึ้น หากจะมีลูกจงอย่าเอาแต่คิดเรื่องเศรษฐศาสตร์มากเกินไป จงให้เขากำเนิดขึ้นมาท่ามกลางความรักอันงดงามนั้น อย่าไปเตรียมเพื่อหวังให้เขาเกิดมาสบายท่ามกลางกองเงินกองทอง จงถือคติว่า ชีวิตของคนสำคัญของโลกหรือคนที่เกิดมาสร้างคุณประโยชน์ต่อโลกทั้งหลาย ล้วนถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางความลำบากแทบทั้งนั้น
อย่าเอาการแสวงหาเงินทองหรือรีบเร่งสร้างความร่ำรวยเป็นหลัก จนปล่อยต้นรักที่รดน้ำพรวนดินมาด้วยกันตั้งแต่ต้น ต้องผจญต่อความแห้งเหี่ยวอับเฉา ความสำเร็จ ความก้าวหน้า ความร่ำรวยแม้จะมีมากมายเพียงใด ย่อมไม่มีคุณค่าเท่าความรักที่เราพากันบ่มเพาะช่วยกันปลูกขึ้นมาด้วยความพากเพียรระมัดระวังมาแต่ต้น หากคนหนึ่งเดินก้าวไปข้างหน้าเร็วเกินไปนัก จนคนข้างหลังเดินตามไม่ค่อยทัน จงปล่อยวางความมุ่งมั่นและเป้าหมายของตนไว้ชั่วคราว แล้วตัดสินใจถอยหลังกลับมาจูงมืออีกฝ่ายให้เดินทันกันอย่าลังเล
เส้นทางแห่งความรัก ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอาชนะสิ่งใด ไม่มีคำว่าใครแพ้ใครชนะอยู่ในนั้น เป็นเส้นทางแห่งการยอมศิโรราบ เป็นการมอบความศรัทธา ความไว้วางใจ ดุจการไว้วางใจแห่งอรุโณทัยของโลกใบนี้ที่มีต่อดวงตะวัน เพียงแต่มีความรักอันสูงส่งอยู่ในหัวใจเท่านั้น แสงทองแห่งชีวิตย่อมสาดส่องฉายแสงตลอดกาล
คุรุอตีศะ
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘